“เก๋ ชลลดา” ยังไม่หาย 100% ป่วยเยื่อบุสมองอักเสบจากเชื้อไวรัสเริมขึ้นสมอง หวิดอัมพฤกษ์ชั่วคราว
“เก๋ ชลลดา” ออกจากรพ.แล้ว หลังแอดมิตป่วยเยื่อบุสมองอักเสบจากเชื้อไวรัสเริมขึ้นสมอง บอกยังไม่หายดี 100 เปอร์เซ็นต์ ลั่นหากไปหาหมอช้าเสี่ยงอัมพฤกษ์ชั่วคราว ส่วนสาเหตุเกิดจากความเครียดและพักผ่อนน้อย บอกหลังจากนี้จะฟังร่างกายให้มากขึ้นและรู้ลิมิตของตนเอง เตือนทุกคนหมั่นสังเกตร่างกาย พบแพทย์เมื่อมีอาการผิดปกติ
หลังจากที่ “เก๋ ชลลดา เมฆราตรี”ได้ออกมาโพสต์ภาพขณะแอดมิตอยู่ที่โรงพยาบาล พร้อมเล่าอาการป่วยที่เริ่มต้นจากอาการปวดศีรษะรุนแรงจนคิดว่าเป็นไมเกรนธรรมดา แต่เมื่อตรวจอย่างละเอียดกลับพบว่าป่วยเป็นโรคเยื่อบุสมองอักเสบที่เกิดจากเชื้อไวรัสเริมขึ้นสมอง
ล่าสุด เก๋ ชลลดา ได้ออกจากโรงพยาบาลเป็นที่เรียบร้อยแล้ว โดยเจ้าตัวมาร่วมงาน TAVO PETS Thailand’s First Launch ณ Event Arena ชั้น 1 ห้างเซ็นทรัล แอท เซ็นทรัลเวิลด์ พร้อมทั้งออกมาอัปเดตอาการป่วยหลังเข้าแอดมิตโรงพยาบาลในรอบ 10 ปี หวิดอัมพฤกษ์ ยังไม่หายร้อยเปอร์เซ็นต์
“จริงๆ ตอนแรกครั้งนี้ที่ไม่สบาย ไม่ได้มีสัญลักษณ์อะไรที่รู้สึกว่าเราจะป่วยเลยทำงานแข็งขันปกติ วันที่ไม่สบายยังไปส่งสุนัขสองตัวที่ได้บ้านใหม่ ไปหาผู้อุปการะ ก็อุ้มเขาอยู่ดีๆ หันคอแล้วรู้สึกเจ็บที่ต้นคอมากๆ รู้สึกเอ๊ะมีอะไรผิดปกติแน่เลย ก็เลยนั่งพัก ปรากฏว่ามันวิ่งจากคอขึ้นมาหลังหูแล้วก็มาที่ขมับก็เลยรู้สึกว่าอาการป่วยไม่น่าปกติแล้ว
แต่วันนั้นโชคดีมากๆ คือผู้อุปการะเราชื่อคุณแพทกับคุณหลุยส์เราไปส่งเขาที่บ้านพอดี เขาก็เลยปฐมพยาบาลเราเบื้องต้นแล้วก็ให้น้ำเกลือเดี๋ยวนั้นเลย ให้เรารู้สึกแข็งแรงขึ้นนิดนึงจะได้กลับมาบ้าน ขอพักผ่อนเสร็จก็ไม่หายปวดหัวสักที เป็นการปวดหัวที่แปลกมาก ตอนแรกนึกว่าเป็นไมเกรน ก็ทานยาทุกอย่างนอนไปแล้วไม่รู้สึกดีขึ้นเลย
วันรุ่งขึ้นรู้สึกว่าไม่ไหว ผิดปกติแล้ว ก็เลยไปหาคุณหมอ ซึ่งคุณหมอก็บอกว่าเราโชคดีมากๆ เลยนะ จริงๆ แล้วปวดหัวแบบนี้ควรจะมาหาคุณหมอภายใน 6 ชั่วโมง เรารอมาตั้ง 19 ชั่วโมงแต่ก็ยังโชคดีภายใน 24 ชั่วโมง อาการปวดหัวคือปวดศีรษะรุนแรงมากๆ เจ็บต้นคอเหมือนคนเมื่อยคอคอเคล็ดที่ไม่สามารถก้มคอได้เหมือนคอแข็งอาการประมาณนั้น มีตาพร่าแล้วก็มีแสงแฟลชในตา”
ไม่สัญญาณ ส่วนสาเหตุของโรคนี้อาจจะเกิดจากความเครียด และพักผ่อนน้อย
“ไม่มีเลย คือเราจะบอกว่าเราใช้ชีวิตปกติมาก อาทิตย์ที่แล้วก่อนเข้าโรงพยาบาลเราก็ใช้ชีวิตปกติ คือออกกำลังกายทุกวันเลยจันทร์ถึงศุกร์ วันที่ไม่สบายก็ยังออกกำลังกายตอนเช้า 8 โมง ถึง 9 โมง ไปทำงานแล้วก็รู้สึกว่าตอน 2 โมงครึ่ง ปวดศีรษะมาก แล้ววันรุ่งขึ้นก็ไม่ไหวก็เลยไปแอดมิต จริงๆ แล้วเยื่อบุสมองอักเสบมันเป็นโรคที่ไม่ใช่ปกติ เขาดูว่าเรารักษาสุขภาพดูแลตัวเองยังไง คุณหมอบอกว่าถ้าเรามาช้ากว่านี้อาจจะมีอาการปากเบี้ยวหรือเป็นอัมพฤกษ์ไปชั่วคราว
เกิดจากอะไร ถ้าใครเคยเป็นอีสุกอีใส คุณหมอบอกว่าจะมีไวรัสตัวนี้อยู่ในตัว ซึ่งไวรัสตัวนี้เป็นตัวเดียวกับพวกเราที่เป็นโรคเริมที่เป็นปากเป็นมือเป็นเท้า แต่ของเราไม่ได้ขึ้นแบบนั้น ของเราไปขึ้นที่เยื่อบุสมองเลย ซึ่งเยื่อบุสมองอักเสบโชคดีที่ไปเร็วถ้าไปช้าจะเข้าไปที่แกนสมอง
จริงๆ น่าจะเป็นเรื่องพักผ่อนไม่เพียงพอ คือนอนน้อยติดกัน 3 วัน นอนหลังเที่ยงคืนไปแล้วติดๆ กัน 3 วัน อาจจะทานอาหารไม่ตรงเวลาด้วย คุณหมอบอกว่าสาเหตุโรคนี้เกิดจากภูมิต้านทานตก เวลาพักผ่อนไม่เพียงพอแล้วอาจจะมีความเครียด เราก็บอกคุณหมอว่าเราไม่มีอะไรเครียดเลยนะคะคุณหมอก็บอกว่าเราอาจจะมีเรื่องเครียดไม่รู้ตัวไหม ตอนนี้เราทำงานอะไรบ้างหรือเปล่ามีโปรเจกต์อะไรอะไรหรือเปล่า ก็เลยเล่าปัญหาเรื่องมูลนิธิเดอะวอยซ์ ไทยแลนด์ ว่าเราไปช่วยชายแดนอยู่ คุณหมอก็เลยบอกให้เราหยุดดูข่าวก่อนแล้วกันอย่าเพิ่งดูข่าวมากเพราะดูแล้วเราจะไม่สบายใจอาจจะไม่รู้ตัว”
ยังไม่มียารักษาโดยตรง
“โชคดีมากที่คุณหมอเอะใจได้เร็ว พอไปแอดมิตหนึ่งคืนไม่ดีขึ้นมีไข้ขึ้นตอนกลางคืน ตื่นเช้ามาคุณหมอก็ให้ยาฆ่าเชื้อยาต้านไวรัสเลย พอประมาณช่วงบ่ายโมงก็จะไปที่กระดูกไขสันหลังดูดน้ำไขสันหลังว่าเป็นอะไร ก็เลยเจอเชื้อไวรัสเฉพาะ HSV เราก็เลยมียา ซึ่งจริงๆ แล้วมันไม่มียาเฉพาะทาง มันเป็นยากว้างๆ ยาต้านไวรัสซึ่งคุณหมอก็ช่วยเต็มที่
ตั้งแต่วันแรกที่ให้ยาคือมันไม่ได้มียารักษาโดยตรง มันจะเป็นยาที่ฉีดเข้าทางสายน้ำเกลือ ซึ่งเรานอนแอดมิตอยู่โรงพยาบาลประมาณ 7 วัน แล้วเผอิญเส้นมันแตกซึ่งมันเจาะหลายที่แล้วมันไม่มีเส้นให้ได้ ก็เลยได้กลับมาทานยาที่บ้าน ซึ่งจริงๆ โดสยาต้องกินถึง 10 วัน ซึ่งเมื่อวานเพิ่งหมดวันที่ 10 วันนี้วันที่ 11 ก็มาทำงาน ก็เลยยังตอบไม่ได้ว่ามันหายจริงหรือเปล่า”
ตอนนี้ร่างกายยังไม่ 100 เปอร์เซ็นต์มาก แต่ก็ดีขึ้น
“คือถ้าเอาตรงๆ วันนี้ก็ยังไม่ได้ร้อยเปอร์เซ็นต์มาก เพราะรู้สึกเลยว่าตอนอยู่บนเวทีอากาศร้อนมันจะเหมือนตัวหนักๆ เพราะโรคนี้เขาบอกว่าต้องระวังเส้นเลือดมากๆ คุณหมอก็เลยขอว่าช่วงนี้อย่าเพิ่งทำงานกลางแจ้งอย่าเพิ่งออกแดดอย่าเพิ่งโดนแสงสว่าง คือคุณหมอกลัวอย่างนั้นถ้าเกิดว่าเราไม่ได้ดูแลเส้นเลือดเรา เพราะตอนนี้มันก็อักเสบอยู่แล้ว เขาก็เลยเป็นห่วง
มันก็คงเป็นสัญญาณเตือน อย่างที่เราลงโพสต์ในไอจีของเรา อุตส่าห์ดีใจว่า 10 ปี ไม่ได้เข้าโรงพยาบาลเลย บริษัทประกันคงรักเรามากๆ ยังไม่ได้ใช้เลยพูดปั๊บได้เข้าโรงพยาบาลเลย ถือว่าเป็นสัญญาณเตือนภัยแล้วการให้เราไม่ประมาท บางทีเราคิดว่าดูแลสุขภาพดีแล้วแค่ 3 วันไม่เป็นไรเราต้องรู้ลิมิตร่างกายตัวเอง
ฝากเตือนไปถึงเพื่อนๆ พี่ๆ ทุกคนด้วยอะไรก็ตามที่ผิดปกติจากที่เราเคยเป็นควรไปพบแพทย์เลย คือถ้ามันผิดปกติแสดงว่ามันไม่ใช่แล้ว แต่คิดว่าแค่นี้ปวดหัวกินยาแล้วหาย มันอาจจะไม่ได้ช่วยโดยตรงก็ได้เราว่าไปพบแพทย์ดีที่สุด”
บอกต้องฟังร่างกายให้มากขึ้น และรู้ลิมิตของตนเอง
“คือวันที่ไม่สบายโชคร้ายนิดนึงคือพร้อม (สามี) ไม่อยู่ประเทศไทยพอดี ตอนที่แอดมิตตอนบ่ายก็ยังไม่อยากบอกกลัวเขาเป็นห่วงเพราะเขาไปประชุม พอเขาโทร.มาตอนดึกก็เลยต้องบอกว่าอยู่โรงพยาบาลเขาก็ตกใจ ยิ่งพอเล่าเป็นเรื่องเกี่ยวกับสมองทุกคนก็เป็นห่วงหมดคุณพ่อคุณแม่ก็มาดูกันไปหมดเลย ทุกคนเหมือนจะมาดูใจซะแล้ว
หลังจากนี้ต้องรู้จักลิมิตของตัวเอง มันต้องฟังร่างกายตัวเอง บางทีรู้สึกว่าเหนื่อยแต่เราคิดว่าอีกนิดเดียวอึดได้ทำได้ก็เลยต้องรู้จักลิมิตมีของตัวเอง เราว่าหลังจากนี้เราจะไม่ฝืนแล้วว่าเดี๋ยวไหวๆ ช่วงนี้ต้องเข้าออกโรงพยาบาลเพื่อเช็กร่างกาย พอเรากินยาครบโดสแล้วอาทิตย์หน้าก็ต้องนัดตรวจเลือด เพราะยาที่ให้ก็แอบเป็นยาที่ค่อนข้างแรงเขาก็เป็นห่วงเรื่องไต”
ยังทำมูลนิธิได้เหมือนเดิม ไม่เกี่ยวเชื้อโรคที่มาจากน้องหมา-น้องแมว
“ได้เลยค่ะเพราะจริงๆ แล้ว ตอนที่เป็นโรคเยื่อบุสมองอักเสบ ครั้งแรกทุกคนเป็นห่วงเรื่องนี้หมดเลย ไม่ได้เกี่ยวกับเชื้อโรคที่เก็บมาจากสุนัขแล้วแมวไม่ใช่พาหะนำโรค ไม่ต้องกังวลเลยคือเราใช้ชีวิตได้ปกติ ทำมูลนิธิได้แล้วก็เล่นกับลูกๆ ได้ แรกๆ ก็แอบลุ้นแต่คุณหมอบอกไม่ใช่ คุณหมอบอกไม่ต้องเป็นห่วงไม่ได้มาจากสุนัขและแมว”
website : mgronline.com
facebook : MGRonlineLive
twitter : @MGROnlineLive
instagram : mgronline
line : MGROnline
youtube : MGR Online VDO