ปชน. เย้ยนายกฯ ถึงรอดคำวินิจฉัยศาล รธน. รัฐบาลก็ไปต่อยาก
พรรคประชาชน เย้ยนายกฯ ถึงรอดคำวินิจฉัยศาล รธน. ประเมินรัฐบาลเหนื่อยหนักไปต่อยาก ชี้สถานการณ์เสียงปริ่มน้ำ ทำรัฐบาลผวาไม่กล้าเสนอกฎหมายเข้าสภา แนะช่องทางนายกฯเลือก ลาออกหรือยุบสภา
วันที่ 19 ส.ค. 2568 ที่ รัฐสภา นายปกรณ์วุฒิ อุดมพิพัฒน์สกุล สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน ในฐานะประธานกรรมการประสานงานพรรคร่วมฝ่ายค้าน (วิปฝ่ายค้าน) กล่าวถึงกรณีศาลรัฐธรรมนูญนัดไต่สวนปากคำน.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี คดีคลิปสนทนาสมเด็จฮุน เซน ประธานวุฒิสภากัมพูชา ในวันที่ 21ส.ค.ว่า เชื่อว่านายกฯจะเดินทางไปศาลรัฐธรรมนูญในวันดังกล่าวด้วยตัวเอง ก่อนที่ศาลฯจะนัดตัดสินในสัปดาห์ถัดไป แต่พรรคประชาชนยืนยันหลักคิดไม่เห็นด้วยให้องค์กรอิสระมาตัดสินเรื่องที่เป็นนามธรรม เช่น การผิดจริยธรรมหรือความซื่อสัตย์สุจริตเป็นที่ประจักษ์ กลายเป็นศาลรัฐธรรมนูญมีอำนาจกว้างเกินไปวินิจฉัยความซื่อสัตย์สุจริต ชะตาการมผู้นำประเทศอยู่กับตุลาการ 9คน วินิจฉัยเรื่องที่เป็นนามธรรม พรรคประชาชนเรียกร้องให้นายกฯลาออก หรือยุบสภา เพราะเป็นเหตุการณ์ที่ทำลายความเชื่อมั่นประชาชน ทำลายระบบทางการเมือง ระบอบรัฐสภา แต่นายกฯไม่ลาออก ไม่ยุบสภา ตอนนี้มี 2ฉากทัศน์คือ น.ส.แพทองธารเป็นนายกฯต่อ ต้องมาเรียกร้องว่า เหตุการณ์เรื่องคลิปเสียงจะรับผิดชอบอย่างไร หรือหากไม่ได้เป็นนายกฯต่อ ก็ต้องเลือกนายกฯใหม่
เมื่อถามว่า รัฐบาลอาจไม่พร้อมเลือกตั้ง จึงโยกย้ายผู้ว่าฯ และตำแหน่งสำคัญต่างๆเพื่อปูทางสู่การเลือกตั้งในอนาคต นายปกรณ์วุฒิตอบว่า เป็นสิ่งที่เกิดขึ้นตลอด การที่พรรคเพื่อไทยขอกระทรวงมหาดไทยคืน เพื่อคุมอำนาจท้องถิ่นและจังหวัดต่างๆ เป็นประโยชน์ต่อการเลือกตั้ง ทั้งที่ผู้ว่าฯใดมีความรู้ความสามารถควรแต่งตั้ง ไม่ใช่ตั้งคนที่เป็นประโยชน์กับการเลือกตั้งของตัวเอง อย่างไรก็ตามแม้นายกฯจะรอดคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญ ดูแล้วคงอยู่ยาก เพราะรัฐบาลอยู่ในสถานการณ์เสียงปริ่มน้ำ การพิจารณางบประมาณปี2569 รัฐบาลเหนื่อยในการตรึงคน บางช่วงก็เกือบไป ต่อไปนี้ทุกเรื่อง รัฐบาลจะเหนื่อยมากๆ ต้องลากยาวโดยเสียงปริ่มน้ำ รัฐบาลแทบจะไม่เสนอกฎหมายครม.เข้าสภา เพราะต้องลุ้นทุกเวลาจะผ่านหรือไม่ กลายเป็นไม่สามารถผลักดันอะไรผ่านสภาได้เลย