โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

การเมือง

หล่ออีกแล้ว! ‘ปชน.’ หวั่นหากงดออกเสียง ‘แดง-น้ำเงิน’ จะไหลรวมกันอยู่ยาวทำเลือกตั้งช้า 2 ปี

ไทยโพสต์

อัพเดต 2 วันที่แล้ว • เผยแพร่ 2 วันที่แล้ว

'พริษฐ์' เผยที่ประชุม สส. ยังไม่ได้ข้อสรุปโหวตนายกฯ รอถกต่อพรุ่งนี้ ย้ำฟังความเห็นทุกฝ่ายไม่ใช่เพียง สส. ย้ำจุดยืนต้องยุบสภาฯ ปัดตอบมีแนวโน้มเลือก 'เพื่อไทย' เหตุอาจรอไม่ถึง 4 เดือน หวั่น 'แดง-น้ำเงิน' รวมกัน ผูกขาดอีก 2 ปี พร้อมสกัดนายกฯ คนนอก ย้ำไม่ตัดสินใจด้วยอารมณ์ แต่ไม่ลืมอดีต

1 กันยายน 2568 - เวลา 17.25 น. ที่ทำการพรรคประชาชน นายพริษฐ์ วัชรสินธุ สส.บัญชีรายชื่อและโฆษกพรรคประชาชน ให้สัมภาษณ์หลังการประชุมนัดพิเศษของ สส.พรรคประชาชนในวันนี้ เพื่อหารือกันในการสนับสนุนแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีระหว่างพรรคภูมิใจไทยและพรรคเพื่อไทย หรือจะไม่โหวตให้ใครเลย ว่า ตอนนี้ถือว่าจบการประชุม สส.ในวันนี้แล้ว ซึ่งมี สส.มาร่วมประมาณ 90 กว่าคน หรือ 60 เปอร์เซ็นต์ ของ สส.ทั้งหมด เพราะว่าหลายคนมีการติดภารกิจที่นัดไว้ล่วงหน้า ทั้งกรรมาธิการ และในพื้นที่ แต่คาดว่า ในวันช่วงนี้จะมี สส.เข้าร่วมประชุมมากกว่าเดิม

สำหรับความเห็นในที่ประชุม ยังมีหลากหลายมาก หลายคนแสดงความเห็นว่า มีความหนักใจ ไม่ว่าเลือกทางใดทางหนึ่ง เราจึงมีข้อสรุปในวันนี้ ว่าจะเป็นการประชุมต่อในวันพรุ่งนี้ เพื่อให้ สส.ที่มาวันนี้ได้ตกผลึก รวมถึงมีการแสดงความคิดเห็นเพิ่มเติม และ สส.ที่มาในวันนี้ไม่ได้ ได้มาหารือกันอย่างเต็มที่ในวันพรุ่งนี้ ทั้งนี้ จะนำความเห็นของ สส.มาประกอบความเห็นกับทุกภาคส่วน ทั้งทีมเครือข่าย และทีมงานพรรค

โดยประเด็นที่มีการพูดคุยกันอย่างชัดเจน คือประเด็นที่เรายืนยันในจุดเดิมว่า สิ่งที่ตอบโจทย์ประเทศ คือการเลือกตั้งใหม่โดยเร็ว เพราะเราเป็นฝ่ายที่เรียกร้องการยุบสภามาโดยตลอด หากสมมติว่า รักษาการนายกรัฐมนตรี ที่มีอำนาจ ในจะยื่นเพื่อดำเนินการยุบสภา ก็จะสอดคล้องกับจุดยืนของเรา เรายินดี และพร้อมสำหรับการเลือกตั้ง

นายพริษฐ์ ย้ำว่า ตนเข้าใจดี ว่าหลายคนหนักใจทั้ง สส.และประชาชน หากถึงวันนั้น ที่ต้องเลือกคนเข้าไปในการยุบสภา ซึ่งบางคนก็ตั้งคำถามว่า จำเป็นหรือไม่ หรือเราไม่ต้องทำอะไรเลย แต่เราพยายามคิดในจุดหนึ่งว่า หากไม่มีการยุบสภาเกิดขึ้นจริงๆ แล้วมีการเลือกนายกรัฐมนตรีคนใหม่ ณ เวลานี้ เพราะไม่มีกลุ่มใดได้เสียงเกิน กึ่งหนึ่ง

ดังนั้น ก็ต้องคิดต่อว่า หากเราอยู่เฉยๆ แล้วงดออกเสียง จะเกิดอะไรขึ้น เราจึงมองไปถึงความน่ากังวล 2 ประการ คือ 1.ปัจจุบันที่ทั้งแดง และน้ำเงิน ไม่สามารถร่วมเสียงได้เกินกึ่งหนึ่ง เขาจะไหลกลับไปรวมกัน ส่วนเหตุผลที่กังวลในตรงนี้ คือหากเขาไปรวมกัน ก็จะเป็นรัฐบาลเสียงข้างมาก และมีแนวโน้มที่จะอยู่ครบวาระในอีกเกือบ 2 ปี ซึ่งขัดกับจุดยืนของเรา ที่ต้องการการเลือกตั้งโดยเร็ว

และหากถามว่า 2 ปีข้างหน้า อะไรคือสิ่งที่น่ากังวลนั้น คงไม่ต้องมองไปที่แห่งใด แต่ย้อนกลับไป 2 ปีที่ผ่านมา เพราะไม่มีนโยบายที่แก้ปัญหาประชาชนได้อย่างมีประสิทธิภาพ และในมุมหนึ่งเราก็เห็นว่า ช่วงที่แดงและน้ำเงินเป็นรัฐบาล มีคดีหลายอย่างที่อาจเกี่ยวข้องกับสองพรรคนั้น ที่ไม่ได้ถูกตรวจสอบอย่างตรงไปตรงมา แต่ถูกนำมาเป็นเครื่องมือต่อรองทางการเมือง ซึ่งทำให้ประเทศเสียหาย ทั้งการเลือกตั้งใหม่ที่ช้าออกไปอีก 2 ปี และการที่ไม่มีนโยบายที่มีประสิทธิภาพ หรือการที่ไม่ถูกตรวจสอบอย่างตรงไปตรงมา

นายพริษฐ์ กล่าวอีกว่า ยังมีความเป็นไปได้ที่สองพรรคนั้น หากเขาไม่กลับไปรวมกัน ก็มีความเสี่ยงว่าจะหลายออกไปถึงนายกรัฐมนตรีที่อยู่นอกระบอบประชาธิปไตย ซึ่งไม่ส่งผลดีต่อประเทศแน่นอน เราจึงมีความหนักใจ เราเข้าใจดีความรู้สึกหลายคนว่า หากเราอยู่เฉยๆ จะได้หรือไม่ แต่เรายืนยันว่า ถ้าเราไม่ทำอะไร ก็มีความเสี่ยงที่สองเหตุการณ์นี้จะเกิดขึ้น และไม่ส่งผลดีต่อประเทศ

อย่างไรก็ตาม ยังไม่สามารถสรุปแบบได้ว่า วันพรุ่งนี้ จะได้คำตอบที่ชัดเจนหรือไม่ และยังมีไม่ตกผลึกในการเลือกระหว่างพรรคเพื่อไทยและพรรคภูมิใจไทย หรือไม่เลือกใครเลย

เมื่อถามว่าการที่พรรคประชาชนยังไม่ตัดสินใจเนื่องจากรอสภาบรรจุการเลือกนายกรัฐมนตรีคนใหม่ลงระเบียบวาระใช่หรือไม่ นายพริษฐ์ กล่าวว่า เรายังไม่ได้รับความชัดเจนว่า สภาจะนัดเมื่อไหร่ ซึ่งก็เป็นสิ่งหนึ่งที่เป็นปัจจัยในการพิจารณา ตนคิดว่าตอนนี้ แม้ไม่มองไปถึงจุดนั้น ก็ต้องยอมรับว่า ความเห็นอยู่ที่ประชุม ก็ยังแตกต่าง ซึ่งเหตุผลที่เราหนักใจ สังคมน่าจะพอคาดการณ์ได้ เพราะก็สอดคล้องกับที่หลายคนแสดงความคิดเห็นกัน เรายืนยันว่า สส.ของพรรค โดยเฉพาะ สส.แบบแบ่งเขต ภารกิจของเขาต้องเป็นตัวแทนของคนในพื้นที่ ดังนั้น เชิญชวนให้ผู้สนับสนุนพรรค สามารถสะท้อนความเห็นกับ สส.ของพรรคได้ เพื่อให้นำมาสื่อสารกับที่ประชุม

นายพริษฐ์ ยืนยันว่า สส.ของพรรคเรา ไม่มีการออกจากกลุ่มไลน์ เราเดินหน้าอย่างเป็นเอกภาพ ขณะนี้ไม่มีการพูดคุยเพิ่มเติมกับทั้งพรรคภูมิใจไทยและพรรคเพื่อไทย เพราะเราถือว่าทั้ง 2 พรรค ได้ตอบรับเงื่อนไขทั้ง 3 ข้อของเรา ตอนนี้เป็นการคุยกันภายใน

เมื่อถามถึงกรณีที่พรรคภูมิใจไทยระบุว่ามีการทำข้อตกลงร่วมกันกับพรรคประชาชนแล้ว นายพริษฐ์ กล่าวว่า ต้องไปถามพรรคภูมิใจไทย

เมื่อถามถึงตัวเลขที่พรรคภูมิใจไทยอ้างถึง 280 เสียง นายพริษฐ์ ย้ำว่า จะไม่มีรัฐบาลไหนที่ตั้งขึ้นได้ จากเงื่อนไขพรรคประชาชน และมีเสียง 280 เสียง เพราะเรายืนยันว่า เราจะไม่ร่วมรัฐบาล ดังนั้น ตัวเลขนี้ เราจะไม่ถูกรวมในเสียงรัฐบาล เงื่อนไขของเราต้องการรัฐบาลเสียงข้างน้อย ต่ำกว่า 246 เสียง ย้ำว่า เงื่อนไขเราชัด

ส่วนเหตุผลที่ต้องวางไว้ 4 เดือน เนื่องจากต้องรอคำวินิจฉัยของรัฐธรรมนูญ ในวันที่ 10 กันยายน เรื่องจำนวนครั้งในการทำประชามติ แต่หากพูดถึงพรรคเพื่อไทยโดยตรง ความจริงก็คงไม่ต้อง 4 เดือนอยู่แล้ว เพราะรักษาการนายกรัฐมนตรีสามารถทำได้เลย

เมื่อถามว่ากรณี MOU 43 และ MOU 44 จะเป็นส่วนหนึ่งในการตัดสินใจของพรรคประชาชนหรือไม่ นายพริษฐ์ ย้ำว่า เราไม่ได้พิจารณาอะไร ที่นอกเหนือจาก 3 เงื่อนไข ส่วนสุดท้ายที่ประชุม สส.พรรคประชาชนจะต้องให้โหวตกันหรือไม่นั้น ความเห็นเราไม่ได้จำกัดแค่ สส. ดังนั้น จึงไม่ได้เป็นลักษณะที่โหวตในที่ประชุม สส.เพราะเราต้องรับฟังความเห็นของทุกภาคส่วน แล้วค่อยนำมาตกผลึก ก่อนตัดสินใจ

ส่วนคนที่จะเป็นคนตัดสินใจนั้น นายพริษฐ์ กล่าวว่า เป็นกระบวนการภายในของพรรค แต่ท้ายที่สุดกรรมการบริหารพรรคต้องรับผิดชอบกับการตัดสินใจที่เกิดขึ้น เพราะมาจากความคิดเห็นของทุกภาคส่วน สำหรับทิศทางโหวตเลือกนายกรัฐมนตรีคนใหม่ ยืนยันว่า จะโหวตไปในทิศทางเดียวกันทั้งพรรค

เมื่อถามย้ำว่า พรรคเพื่อไทยต้องยุบสภาเท่านั้นใช่หรือไม่ นายพริษฐ์ กล่าวว่า ข้อเสนอนี้ ไม่ได้เป็นข้อเสนอที่ใหม่ ไม่ได้พูดแค่ 2 วันที่ผ่านมา แต่เราพูดมา 3 เดือนแล้ว หากจำกันได้ และมีการตั้งของผู้สังเกตว่า การเรียกร้องของเรา เป็นเพราะคะแนนนิยมเราดีใช่หรือไม่ แต่เรายืนยันว่า ไม่ใช่ เรามองถึงสถานการณ์ข้างหน้า เพื่อให้ท้ายที่สุดแล้ว มีรัฐบาลที่แก้ปัญหาประชาชนได้

เมื่อถามว่ายุบสภาภายใน 2 เดือน หรือ 4 เดือน มีแนวโน้มไปทางใดมากกว่ากัน นายพริษฐ์ ระบุว่า การที่เราวางไว้ 4 เดือน ไม่ได้หมายความว่า จะต้อง 4 เดือน แต่เพราะเชื่อมกับคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ ซึ่งผูกพันกันกับการเริ่มต้นการทำประชามติครั้งแรก

เมื่อถามอีกว่า 2 เดือนมีโอกาสมากกว่าหรือไม่ นายพริษฐ์ ย้ำว่า เราไม่เคยเอาตรงนี้มาเป็นเงื่อนไข

ส่วนประเมินความจริงใจ ของพรรคเพื่อไทย และพรรคภูมิใจไทย อย่างไร นายพริษฐ์ มองว่า ความจริงใจเป็นสิ่งที่ทั้ง สส.ของเรา และประชาชนหลายคนใช้ในการประเมินอยู่แล้ว ตนขอตอบกว้างกว่านั้นว่า แน่นอนหลายคนมองว่า เราจะทำให้รัฐบาลเสียงข้างน้อยเข้าไปรักษาสัญญาได้อย่างไร ซึ่งก็มีอีก 2 ปัจจัยสำคัญ คือ เราออกแบบกลไกที่จะทำให้มีกลไกควบคุม ชัดเจนที่สุด คือทำให้ใครที่เข้าไปเป็นรัฐบาลเสียงข้างน้อย ดังนั้น เราสามารถใช้การอภิปรายไม่ไว้วางใจ ล้มรัฐบาลที่เบี้ยว หรือใช้อำนาจโดยมิชอบได้

"พูดตรงๆ ไม่ไว้ใจทั้งคู่ แต่ก็ต้องมาประเมินความเสี่ยงกัน ว่าจากสาระและท่าทีที่เราเห็น ชั่งวัดกันด้วยหลักฐานว่า อันไหนมีความเสี่ยงน้อยกว่า ยืนยันว่า ตัดสินใจด้วยเหตุและผล ไม่เอาอารมณ์มาตัดสิน เพราะถ้าเราทำเช่นนั้น บางคนก็มีความรู้สึกว่า พรรคเพื่อไทย ก็ฉีก MOU ร่วมรัฐบาล ส่วนพรรคภูมิใจไทย ก็อภิปรายตอนโหวตคุณพิธาเป็นนายกฯ ย้ำว่า จะทำให้ประเทศนี้มีรัฐบาลใหม่ ที่มาจากการเลือกตั้ง จากประชาชน เพื่อแก้ปัญหาประชาชนโดยเร็ว"

ส่วนจะถือเป็นการรีเซ็ตความขัดแย้งในอดีตหรือไม่ นายพริษฐ์ กล่าวว่า เราไม่ลืมอยู่แล้ว แต่เราไม่เอาอารมณ์มาเป็นตัวตัดสิน แม้ไม่ไว้วางใจก็ต้องคุยกันได้ข้อสรุปในวันพรุ่งนี้"

"ผมขอสื่อสารกับประชาชนว่า ผมและ สส.พรรคประชาชน เราตระหนักดีว่า เรามาอยู่จุดนี้ได้เพราะใคร เราทำหน้าที่ในสภาผู้แทนราษฎรได้เพราะพี่น้อง 14 ล้านคน ที่เลือกเราเข้ามา ขอให้คำมั่นสัญญาว่า เราจะไม่เอาความไว้วางใจนั้น ไปทำอะไรที่ขัดหลักการ ผิดคำพูด หรือไม่ได้ทำอะไรที่เป็นประโยชน์สูงสุดต่อประเทศ“ นายพริษฐ์ กล่าวทิ้งท้าย

ดูข่าวต้นฉบับ
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...