COMPANY SNAPSHOT : ‘LEO’ ปรับโมเดลครั้งใหญ่ สร้างอีโคซิสเต็มโลจิสติกส์
#LEO #ทันหุ้น – LEO เดินหน้าปรับโครงสร้างธุรกิจครั้งใหญ่ สร้างอีโคซิสเต็มโลจิสติกส์ครบวงจร แย้มขนส่งทางรางโตก้าวกระโดด มีแววแตะ 300ล้านบาทปีนี้ เตรียมลงทุน EV Truck พร้อมรับอานิสงส์จีนฟื้น อีคอมเมิร์ซคึกคัก
นายเกตติวิทย์ สิทธิสุนทรวงศ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารบริษัท ลีโอ โกลบอล โลจิสติกส์ จำกัด (มหาชน) หรือ LEO เปิดเผยกับ “ทันหุ้น” ว่า บริษัทอยู่ระหว่างเร่งปรับโครงสร้างธุรกิจครั้งใหญ่ มุ่งสู่ “Integrated Logistics” อย่างเต็มรูปแบบ เพื่อสร้าง Ecosystem โลจิสติกส์ครบวงจร ทั้งด้านการขนส่งระหว่างประเทศ การจัดเก็บสินค้า และการขนส่งในประเทศ โดยหนึ่งในหัวใจสำคัญคือการเสริมบทบาทการขนส่งทางราง ซึ่งมีการเติบโตอย่างก้าวกระโดด และยังต่อยอดด้วยการลงทุนฟลีตรถบรรทุกไฟฟ้า (EV Truck) เพื่อยกระดับสู่การเป็น “Sustainable Logistics Provider” รองรับทั้งทิศทางเศรษฐกิจ การค้าโลก และความต้องการของธุรกิจอีคอมเมิร์ซที่กลับมาคึกคัก
** โครงสร้างธุรกิจใหม่
ปัจจุบันรายได้ของ LEO มาจากการขนส่งทางทะเล (Sea Freight) ราว 72%, ทางอากาศ (Air Freight) 5%, Logistics 20% และธุรกิจเสริม 3% แต่จุดเปลี่ยนสำคัญคือการขนส่งทางรางที่กำลังกลายเป็น “Game Changer” โดยครึ่งปีแรกทำรายได้กว่า 152 ล้านบาท และทั้งปีคาดแตะ 300 ล้านบาท คิดเป็นสัดส่วน 30–35% ของรายได้รวมที่คาดทะลุ 1,000 ล้านบาท ถือเป็นการขยายฐานรายได้ได้อย่างเป็นรูปธรรม
LEO ร่วมทุนกับพันธมิตรหลายราย อาทิ ล้านช้าง เอ็กซ์เพรส และ ศรีตรัง โลจิสติกส์ เพื่อเสริมศักยภาพขนส่งสินค้าระหว่างไทย–ลาว–จีน สินค้าส่งออกสำคัญคือ ทุเรียน มังคุด ซีฟู้ด รวมถึงสินค้าเกษตรอื่นๆ ส่วนสินค้านำเข้ามีตั้งแต่ชิ้นส่วนยานยนต์ คอมพิวเตอร์ เหล็ก ไปจนถึงปุ๋ย ซึ่งได้อานิสงส์โดยตรงจากนโยบาย One Belt One Road ของรัฐบาลจีน ทั้งยังมีเงินอุดหนุนสนับสนุนการขนส่ง ทำให้ต้นทุนแข่งขันได้และเวลา Transit สั้นลง อาทิ การขนส่งทางรางช่วยลดระยะเวลา Transit อาทิ จากยูนนานถึงไทยเหลือเพียง 2-3 วัน จากเดิม 7-10 วัน
**อีคอมเมิร์ซฟื้นตัว
ขณะที่ธุรกิจ E-commerce ที่เคยซบเซาจากความไม่ชัดเจนด้านนโยบายภาษี เริ่มเห็นสัญญาณฟื้นตัวชัดเจน ผู้ประกอบการกลับมามีความมั่นใจ โดยคาดว่าตลาดจะยิ่งคึกคักในช่วงเทศกาลสำคัญอย่าง 9.9, 10.10 และ 11.11 ซึ่งจะเป็นแรงหนุนสำคัญให้ปริมาณการขนส่งของ LEO กลับมาขยายตัวมากขึ้นกว่าช่วงที่ผ่านมา
นายเกตติวิทย์ กล่าวเพิ่มเติมว่า แผนการลงทุนรถบรรทุกไฟฟ้า (EV Truck) 30–50 คัน จะเริ่มเห็นความชัดเจนในไตรมาส 4 ปีนี้ โดยบริษัทได้พันธมิตรเชิงกลยุทธ์เข้ามาช่วยบริหารจัดการฟลีตรถ ซึ่งนอกจากจะลดการปล่อยคาร์บอนแล้ว ยังช่วยเพิ่มประสิทธิภาพและลดต้นทุนระยะยาว ถือเป็นอีกหนึ่งก้าวสำคัญของ LEO ในการสร้าง “โครงสร้างพื้นฐานโลจิสติกส์ที่ยั่งยืน”
นอกจากนี้ LEO ยังได้รับการต่อสัญญาเป็นพันธมิตรเชิงกลยุทธ์กับกรมพาณิชย์คุนหมิง ในการทำหน้าที่เป็นศูนย์กลางจัดหาสินค้า (Sourcing Hub) ล่าสุดมีออเดอร์ทุเรียนกว่า 100 ตู้คอนเทนเนอร์ รวมถึงคำสั่งซื้อซีฟู้ดที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง สะท้อนถึงความเชื่อมั่นของตลาดจีนต่อเครือข่ายการขนส่งของบริษัท
อย่างไรก็ตามมั่นใจแนวโน้มครึ่งปีหลัง โดยเฉพาะไตรมาส 3–4 จะเติบโตต่อเนื่อง รับแรงหนุนจากสามกลไกหลัก ได้แก่ การขนส่งทางรางที่ยังโตแรง ธุรกิจ E-commerce ที่กลับมาคึกคัก และการลงทุน EV Truck ที่จะเปิดเกมใหม่ใน Supply Chain ซึ่งทั้งหมดนี้จะเป็นเสาหลักสำคัญในการผลักดัน LEO เติบโตอย่างมั่นคงในระยะยาว