อุ๊ ช่อผกา เผยเคสคนดังคาดปัญหาจิตใจ ควรพึ่งจิตแพทย์ดูแล ไม่สมควรถูกบูลลี่
อุ๊ ช่อผกา อดีตพิธีกรดัง-อาสาสมัครเพื่อนช่วยเพื่อน เผยเคสคนดังคาดป่วยทางจิตใจ ควรพึ่งจิตแพทย์ดูแล สมควรถูกลงโทษ แต่ไม่สมควรถูกบูลลี่
หลายคนกำลังจับจ้องไปที่เหล่าคนบันเทิง เพราะพฤติกรรมบางคนที่กำลังเป็นประเด็นในตอนนี้ ทำให้หลายคนออกมาวิเคราะกันเป็นจำนวนมาก ล่าสุดได้เจอ “อุ๊-ช่อผกา วิริยานนท์” อดีตพิธีกรชื่อดัง ที่งานเปิดให้สัมภาษณ์ทีมนักแสดงและผู้จัดซีรีส์ “ความลับใต้เสื้อกาวน์” ที่ตอนนี้อดีตพิธีกรสาวเป็นอาสาสมัครเพื่อนช่วยเพื่อน ให้คำปรึกษาผู้มีปัญหาทางจิต และกำลังผันตัวมาเป็นนักจิตบำบัดมือใหม่ ก็ได้แสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับเคสของคนดังที่มีพฤติกรรมแปลกและกำลังเป็นประเด็นร้อนแรงในสังคมในขณะนี้
- อ่านข่าว - อุ๊ ช่อผกา ช็อก! เคยถูกขู่ฆ่าตั้งค่าหัว 2 แสน เป็นคนแรงไม่ยอมใคร
- อ่านข่าว - ดราม่ากระเบน อุ๊ ช่อผกา จี้มาสเตอร์เชฟขอโทษ แจง 10 เหตุผลสังคมไม่เข้าใจ
อย่างคนดังบางคนที่บอกว่า เขาอายที่เขาเจอเพื่อน เวลาที่จะไปเจอใคร เขาจะก้มหน้าก้มตาไม่ค่อยมั่นใจตัวเอง อันนี้ถือว่าเป็นสัญญาณบ่งบอกอะไรได้บ้าง?
“ในความสามารถเท่าที่พี่มี มันเป็นสัญญาณที่ทำให้รู้ว่าข้างใน เขาไม่มั่นคง แต่ไม่รู้ว่าไม่มั่นคงในระดับไหน ไม่มั่นคงระดับมีภาวะของความเจ็บปวดหรือว่าเป็นโรคแล้ว อันนี้ต้องให้คุณหมอเป็นคนวินิจฉัย แต่นั่นแปลว่าเขาไม่ได้อยู่ในสภาวะที่จะพร้อมมีความสุขมากกับคนทั่วไป เป็นภาวะที่ต้องการความช่วยเหลือ เป็นภาวะที่ต้องการความเข้าใจ และมีสภาวะอ่อนแอแบบนี้แล้วพลาดพลั้ง ไปมีตัวเร่งปฏิกิริยาจนเกิดการกระทำที่คนเห็นแค่แอ๊กติ้งตรงนั้น เขาก็จะถูกตัดสินว่าเลวร้าย แล้วมันก็จะวนกลับมา”
“ทำให้คนเหล่านั้นรู้สึกเศร้าหมอง จริงๆ แล้วถ้าเราเห็นใครทำความผิด โดยเฉพาะการกระทำที่ผิดกฎหมาย ต้องได้รับการลงโทษตามกฎหมาย แต่ศาลเขายังพิจารณาเหตุ พิจารณาเจตนา มันต้องดูให้ครบองค์รวม ถึงจะไปกระหน่ำลงโทษ ก่อนจะลงโทษใครหาเหตุให้เจอก่อน ถ้ายังไม่เห็นเหตุก็ยังไม่ต้องเหมารวม”
“เพราะสำหรับพี่ พี่คิดว่าทุกคนสามารถป่วยใจได้ แล้วถ้าใครบางคนป่วยใจ เขามีพฤติกรรมที่แปลก แล้วคนแปลกๆ เหล่านั้น ไม่พร้อมที่จะโดนด่าค่ะ ซึ่งการที่เราพูดออกมาด้วยความสะใจ หรือกระแส หรือเราเห็นปุ๊บแล้วเราตัดสินจากตรงนั้น มันอาจจะเป็นความสะใจเรา แต่มันอาจจะเป็นบาดแผลที่ยาวนาน แล้วถ้ามันเยอะมากในเวลาที่อ่อนแอมาก แล้วไม่มีคนดูอย่างใกล้ชิด พี่เจอหลายเคสแล้วนะ ทำร้ายตัวเองได้นะ โดยเฉพาะคนดัง นี่พูดเลย”
“เราไม่รู้ว่า เขาเปราะบางแค่ไหน เพราะฉะนั้นเราไม่ต้องยุ่งเรื่องชาวบ้านมากนักก็ได้ เรื่องชาวบ้านไม่ใช่งานของเรา เพราะงานของเราก็มากพอแล้ว ยุ่งนิดๆ หน่อยๆ พี่ว่าฝึกเมตตากันหน่อยดีไหม เพราะว่าเวลาเราเห็นใครทำอะไรผิดในโซเชียล เราด่ารุนแรงเลย มันทำให้เรามีพฤติกรรมความรุนแรงนะ การที่เราเขียนว่าอะไรใครรุนแรง มันอาจจะดูเหมือนสะใจ แต่ความเคยชินในการใช้ความรุนแรง มันจะยังอยู่ในตัวคุณ และมันก็จะเป็นผลเสียในตัวคุณ”
“เพราะฉะนั้นเริ่มต้นฝึกด้วยการเบรกดีกรีความรุนแรงลง 1.0 ก็ได้ แล้วเราก็จะกลับมาอยู่ในเหตุกับผล เรายังวิพากษ์สังคม แต่เรารุนแรงน้อยลง แล้วสิ่งที่ได้คือ คุณยังพิทักษ์ความยุติธรรมให้กับสังคมได้ โดยที่ตัวคุณไม่ทุกข์ เพราะถ้าเชื้อความรุนแรงอยู่ในหัวใจของใคร คนคนนั้นทุกข์นะ เราอย่าทุกข์เพราะความเลวของคนอื่น ซึ่งทุกอย่างที่ทำมันมีผลเสมอ ถ้าเราเรียนรู้ตรงนี้สังคมจะน่าอยู่ และเราจะมีความสุขง่ายขึ้น”
จากเคสที่เป็นประเด็นดังเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมาในฐานะนักจิตบำบัดมองยังไงบ้าง?
“ในฐานะนักจิตบำบัดมือใหม่ ไม่ใช่มืออาชีพ พี่คิดว่ามันมีสัญญาณหลายตัวที่พี่เห็นจากคลิปว่า น้องน่าจะมีความป่วยทางจิตใจ แต่ไม่รู้ว่าในระดับไหน ถ้าพี่เป็นทีมที่ดูแลพี่คิดว่าต้องถึงจิตแพทย์ แล้วช่วยพิจารณาว่าควรได้รับความช่วยเหลืออะไร ส่วนในแง่กฎหมายว่า สมควรไหม ผิดแค่ไหน ก็ว่าไปตามเนื้อผ้า ไม่ว่าจะเป็นใครสถานภาพไหน คุณก็ต้องอยู่ภายใต้กฎหมายไทย”
“แต่ก่อนศาลตัดสินศาลก็จะพิจารณาองค์รวม ศาลจะไม่ตัดสินเฉพาะภาพที่เห็น หรือตามกระแสที่คุณพูดถึง หรือตามกระแสที่คนรักมากๆ เพราะไม่ว่ารักมากหรือเกลียดมากก็ไม่ใช่ความจริง ความจริงมันมีอยู่ จะรักหรือจะเกลียดความจริงมันก็อยู่ตรงนี้ เราก็ตัดสินตามความเป็นจริง และอยากให้เพิ่มเมตตากันหน่อย เราอย่าใส่อะไรเยอะเลย”
“สมควรโดนลงโทษได้ แต่ไม่สมควรโดนบูลลี่นะ คนทำผิดติดคุกเรายังให้โอกาสนักโทษ ฝึกนะ เพราะถ้าเราเป็นคนหนึ่งที่เราทำแบบนั้น สุดท้ายต่อมความรุนแรงจะทำลายความสุขของคุณเอง คุณจะมีความสุขได้ยาก และคุณจะทุกข์ง่าย แล้วสุดท้ายคุณจะป่วยค่ะ”
แล้วสำหรับคนที่ชอบสร้างโปรไฟล์ประวัติปลอม จะเป็นคนประมาณไหน?
“ก็คำ อ.ตฤณห์ ค่ะ พี่ว่าที่อาจารย์ เขาวิเคราะห์ก็ถูกนะ ก็มีสองแบบ คือถ้าไม่มีความเจ็บป่วยที่ต้องไปหาหมอ ก็เป็นการแสวงหาผลประโยชน์ บางทีพี่ก็ไม่รู้ ซึ่งพี่ก็ไม่รู้พี่ก็ไม่ควรว่าเนาะ แต่จริงๆ แล้วมนุษย์ทุกคนมีความดีงามในตัวเอง แต่เหตุการณ์รอบตัวบางอย่างมันอาจจะทำให้หลุดออกจากเส้นทางที่เหมาะสมไหม หรือจริงๆ แล้วเข้าใจเขาผิด อย่าด่วนตัดสินนะจ๊ะ”
อ่านข่าวต้นฉบับได้ที่ : อุ๊ ช่อผกา เผยเคสคนดังคาดปัญหาจิตใจ ควรพึ่งจิตแพทย์ดูแล ไม่สมควรถูกบูลลี่
ติดตามข่าวล่าสุดได้ทุกวัน ที่นี่
- Website : https://www.khaosod.co.th