กฎแห่งกรรมตามล่าผู้บริหาร ALL / สุนันท์ ศรีจันทรา
ผู้ถือหุ้น บริษัท ออลล์ อินสไปร์ ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) หรือ ALL และผู้ถือหุ้นกู้ คงมีความรู้สึกยินดี หลังสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ประกาศกล่าวโทษ อดีตผู้บริหารบริษัทในความผิดแสดงข้อความอันเป็นเท็จหรือปกปิดข้อเท็จจริง ในแบบแสดงรายการประจำปี 2565 หรือแบบ 56-1 หรือ One Report ประจำปี 2565
ก.ล.ต.ได้กล่าวโทษ ALL นายธนากร ธนวริทธิ์ และนายดุษฎี เล็กยิ้ม ต่อกองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเศรษฐกิจ ในความผิดกรณี ALL เปิดเผยข้อมูลในแบบแสดงรายการข้อมูลประจำปี 2565 ไม่ถูกต้อง และแสดงข้อความอันเป็นเท็จหรือปกปิดข้อเท็จจริงซึ่งควรบอกให้แจ้งในสาระสำคัญ
การตรวจสอบพบว่า ในช่วงปี พ.ศ. 2565 - 31 มีนาคม 2566 ซึ่งเป็นวันครบกำหนดส่งแบบ 56-1 One Report ประจำปี 2565 ALL มีข้อพิพาททางกฎหมาย 2 กรณี คือ คดีศาลแขวงพระโขนง โดยถูกฟ้องร้องตามสัญญาเงินลงทุนเป็นเงินประมาณ 190 ล้านบาท
และมีข้อพิพาททางอนุญาโตตุลาการ ในกิจการร่วมค้าบริษัท เอจี ทองหล่อ 16 จำกัด (กิจการร่วมค้า) ซึ่ง ALL ถูกเรียกร้องตามสัญญาร่วมทุน กรณีไม่ดำเนินการโอนกรรมสิทธิ์ซื้อขายที่ดินและอาคาร ซึ่งเป็นกรรมสิทธิ์ของ ALL มูลค่า 885.75 ล้านบาท ให้แก่กิจการร่วมค้า
ข้อมูลเกี่ยวกับข้อพิพาทเป็นสาระสำคัญที่เกี่ยวข้องกับฐานะทางการเงินและการประกอบธุรกิจของ ALL ซึ่งอาจมีผลกระทบต่อการดำเนินธุรกิจของบริษัทอย่างมีนัยสำคัญ ALL จึงมีหน้าที่พึงเปิดเผยข้อมูลเกี่ยวกับข้อพิพาททางกฎหมายในแบบ 56-1 One Report ประจำปี 2565
แต่กลับไม่เปิดเผยข้อพิพาท โดยระบุว่า บริษัทไม่มีข้อพิพาททางกฎหมาย ซึ่งอาจก่อให้เกิดผลเสียหายต่อสินทรัพย์ของกลุ่มบริษัทเกินกว่าร้อยละ 5 ของส่วนของผู้ถือหุ้น และไม่มีข้อพิพาททางกฎหมายอื่นใดที่อาจก่อให้เกิดผลกระทบต่อการดำเนินธุรกิจของกลุ่มบริษัทอย่างมีนัยสำคัญ
ขณะเกิดเหตุนายธนากร ในฐานะประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และนายดุษฎี ในฐานะกรรมการของ ALLได้ร่วมกันลงนามรับรองความถูกต้องในแบบ 56-1 One Report ประจำปี 2565
การกระทำของ ALL จึงเข้าข่ายเป็นการจัดทำและนำส่งแบบ 56-1 One Report ประจำปี 2565 ไม่ถูกต้อง และมีการแสดงข้อความอันเป็นเท็จหรือปกปิดข้อความจริงก.ล.ต.จึงกล่าวโทษ ALL นายธนากรและนายดุษฎี ต่อ กองบังคับการปราบปรามการกระทำผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมเศรษฐกิจ (บก.ปอศ).
หุ้น ALL ถูกตะเพิดออกจากตลาด เมื่อวันที่3 กันยายน 2567 ราคาปิดครั้งสุดท้ายเหลือเพียง 3 สตางค์ มีผู้ถือหุ้นรายย่อยติดค้างบล่าสุดจำนวน7,453 ราย และทุกรายตกอยู่ในฐานะหมดตัว เช่นเดียวกับผู้ถือหุ้นกู้จำนวนหลายพันล้าน ยอดหนี้หุ้นกู้รวมกว่า2,600ล้านบาท
มูลนิธิเพื่อผู้บริโภค เคยเข้ามาตรวจสอบฐานะ ALL เมื่อต้นเดือนกุมภาพันธ์ 2567 พบว่าบริษัทมีหนี้สินกว่า 3 พันล้านบาท แต่เหลือเงินสดเพียง 1 ล้านบาทเท่านั้น
ปัญหาคือ เงินที่กู้จากสถาบันการเงิน เงินที่ระดมทุนมาจากการออกหุ้นกู้ประมาณ 8 รุ่น วงเงินรวมกว่า 2,600 ล้านบาท ล่องหนหายไปไหน ใครนำไปผลาญหรือถูกผ่องถ่ายออกหรือไม่
เพราะการถูกก.ล.ต.กล่าวโทษ ในความผิดปกปิดข้อมูลการถูกฟ้องเรียกชำระหนี้ วงเงินนับพันล้านบาท เป็นการสะท้อนความจงใจปกปิดข้อมูลอันเป็นลบของบริษัท ฯ ทำให้นักลงทุนและผู้ถือหุ้นกู้รับความเสียหายในวงกว้าง
เมื่อผู้บริหาร ALL แสดงพฤติกรรมที่ไม่โปร่งใส นักลงทุนย่อยตั้งคำถามต่อไปได้ว่า ผู้บริหารบริษัท ฯ โกงผู้ถือหุ้นสามัญและผู้ถือหุ้นกู้ด้วยหรือไม่ มีการยกนย้ายถ่ายเทเงินออกไปด้วยหรือไม่
การกล่าวโทษในความแสดงข้อมูลอันเป็นเท็จ อาจเป็นเพียงจุดเริ่มต้น ของกรรมที่กำลังตามล่าอดีตผู้บริหาร ALL และอาจมีคดีอาญาที่มีบทลงโทษร้ายแรงกว่าตามมาอีก
ผู้ถือหุ้นสามัญและผู้ถือหุ้นกู้ ALL จำนวนรวมประมาณ 10000 ชีวิต อาจสิ้นหวังจากเงินลงทุนที่สูญเสียไป เพราะคงไม่มีโอกาสคืน
แต่สิ่งที่จะได้รับการเยียวยาด้านจิตใจคือ การเฝ้าติดตามผลแห่งกรรม ที่กำลังลากตัวผู้บริหารบริษัทฯที่โกงเข้าสู่การจองจำในคุก
website : mgronline.com
facebook : MGRonlineLive
twitter : @MGROnlineLive
instagram : mgronline
line : MGROnline
youtube : MGR Online VDO