มีหมายจับห้ามมาพัทยา กล้อง Ai เจ๋งจริง จับ ผตห.ตามหมายจับแล้ว 402 ราย
มีหมายจับห้ามมาพัทยา กล้อง Ai เจ๋งจริง จับ ผตห.ตามหมายจับแล้ว 402 ราย
เมื่อเวลา 14.00 น. (วันที่ 22 ส.ค. 68) ที่ห้องประชุมสถานีตำรวจท่องเที่ยวเมืองพัทยา จ.ชลบุรี พล.ต.ท.ศักดิ์ศิรา เผือกอ่ำ ผบช.ทท. (ตำรวจท่องเที่ยว) , พ.ต.อ.ทรงวุฒิ เชื้อพลากิจ ผกก.2 บก.ทท.1 , พ.ต.ท.ต่อลาภ ตินะมาตร สวญ.ส.ทท.4 กก.บก.ทท.1. และ ตำรวจท่องเที่ยวเมืองพัทยา ร่วมกันประชุม วิดีโอคอนเฟอเรนซ์ สถานีตำรวจท่องเที่ยวทั่วประเทศ ที่มีการติด กล้อง Ai ( Artificial Intelligence Camera ) เพื่อติดตามผลการใช้การ และ ประสิทธิภาพของกล้อง ตามนโยบาย “ตำรวจท่องเที่ยว สุดล้ำ ใช้กล้อง AI เชื่อมฐานข้อมูล ดักจับโจร สกัดมิจฉาชีพ”
สำหรับ กล้อง Ai ซึ่งปัจจุบัน มีการติดตั้งอยู่ในหลายพื้นที่ อาทิ ชลบุรี (เมืองพัทยา) , สมุทรปราการ (ท่าอากาศยานสนามบินสุวรรณภูมิ) , นครราชสีมา , เชียงใหม่ , ภูเก็ต , นครพนม , ตาก , อุดรธานี , ขอนแก่น รวม 10 จังหวัด ซึ่งปัจจุบันกล้อง Ai ถือว่าเป็นกล้องเทคโนโลยีสุดล้ำ ซึ่งตำรวจท่องเที่ยวเป็นหน่วยงานที่ริเริ่มนำเข้ามาติดตั้งช่วงเดือนกรกฎาคม 2567 ที่ผ่านมา โดยการทำงานของกล้อง Ai จะเชื่อมต่อข้อมูลบุคคลตามหมายจับกับฐานข้อมูลของกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง ( CIB ) จากนั้น กล้อง Ai จะถูกนำไปติดตั้งในพื้นที่แหล่งท่องเที่ยวสำคัญ เพื่อคัดกรองบุคคลที่เคยกระทำความผิดและมีหมายจับ รวมถึงบุคคลกลุ่มเสี่ยง ป้องกันไม่ให้เข้ามาก่อเหตุกับนักท่องเที่ยวและประชาชนในพื้นที่ อันเป็นการสร้างแหล่งท่องเที่ยวปลอดภัยและสร้างความเชื่อมั่นให้กับนักท่องเที่ยว
พล.ต.ท.ศักดิ์ศิรา เผือกอ่ำ ผบช.ทท. เปิดเผยว่า ล่าสุด เมื่อวันที่ 21 สิงหาคม ตำรวจท่องเที่ยวเมืองพัทยา สามารถจับกุม ผู้ต้องหา เป็นหญิงสาว อายุ 24 ปี
ตามหมายจับศาลอาญาจังหวัดเชียงใหม่ ฐานความผิด “ร่วมกันเป็นอั่งยี่,ร่วมกันฉ้อโกงประชาชนโดยแสดงตนเป็นบุคคลอื่น,โดยทุจริตหรือหลอกลวงร่วมกันนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ปลอมไม่ว่าจะทั้งหมดหรือบางส่วนหรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จโดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ประชาชน อันมิใช่ความผิดฐานหมิ่นประมาทตามประมวลกฎหมายอาญา,สมคบโดยการตกลงตั้งแต่สองคนขึ้นไปเพื่อกระทำความผิดฐานฟอกเงินและได้มีการกระทำความผิดฐานฟอกเงินเพราะเหตุที่ได้สมคบกัน และร่วมฟอกเงิน” โดยสามารถจับกุมได้ในเขตพื้นที่ เมืองพัทยา ต.หนองปรือ อ.บางละมุง จ.ชลบุรี ซึ่งผู้ต้องหา ยังเป็นบุคคลสำคัญและเป็นที่ต้องการตัวของ ตำรวจกองบังคับการปราบปราม การกระทำผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี ( ปอท.)
ซึ่งการจับกุมในครั้ง สืบเนื่องมาจาก กล้องวงจรปิด Ai ซึ่งมีการติดตั้งอยู่ในพื้นที่เขตเมืองพัทยา ได้แจ้งเตือนว่า ตรวจพบบุคคลตามหมายจับหมายจับศาลอาญาเชียงใหม่ ตำรวจท่องเที่ยวเมืองพัทยา จึงลงพื้นที่ออกติดตามตัว ก่อนจะสามารถจับกุมได้ในที่สุด พร้อมกับควบคุมตัวส่งดำเนินคดีตามกฎหมาย ที่ อ.สารภี จ.เชียงใหม่ ซึ่งผู้ต้องหารายนี้ เป็นบุคคลรายที่ 399 ซึ่งกล้อง Ai สามารถจับภาพได้ จนเป็นที่มาของการจับกุมในที่สุด
พล.ต.ท.ศักดิ์ศิรา เผือกอ่ำ ผบช.ทท. กล่าวปิดท้ายว่า กล้อง Ai ของกองมาจากการตำรวจท่องเที่ยวซึ่งถูกนำไปติดตั้ง ในสถานที่สำคัญทั่วประเทศไทย และ สามารถจับกุมผู้กระทำความผิดที่มีหมายจับติดตัว ในห้วงเวลาตั้งแต่ เดือน กรกฏาคม 67 – ปัจจุบัน รวมทั้งสิ้น 402 ราย ซึ่งจังหวัดที่มีการจับกุมมากสุด อยู่ที่จังหวัดนครราชสีมา จำนวน 151 ราย นอกจากนี้กล้อง ai ยังสามารถจับกุมผู้ต้องหารายสำคัญระดับประเทศ และเป็นที่ต้องการตัวของหน่วยงานต่างๆ โดยเฉพาะในคดีฉ้อโกงประชาชน , บัญชีม้า , ยาเสพติด , แก๊งคอลเซ็นเตอร์ และคดีอื่นๆอีกมากมาย โดยกองบัญชาการตำรวจท่องเที่ยว เป็นหน่วยงานแรกที่นำ กล้อง ai เข้ามาติดตั้งและใช้งานได้จริง จนสามารถติดตามจับกุมผู้กระทำความผิดได้จำนวนมาก และ กองบัญชาการตำรวจท่องเที่ยว หวังว่าจะสร้างเมืองท่องเที่ยว ให้เป็นเมืองปลอดภัย และสร้างความเชื่อมั่นให้กับนักท่องเที่ยว….