โอกาสทองลงทุน “กองตราสารหนี้โลก” รับ “ดอกเบี้ยขาลง” รับ 2 เด้ง ได้ “Yield-สูง” พร้อมโอกาสกำไรจาก “Capital Gain” !!!
Fun of Funds: ล่าสุด “Jerome Powell” ประธาน Fed ส่งสัญญาณถึงแนวโน้มดอกเบี้ยเป็นไปทางผ่อนคลาย (Dovish) มากขึ้น แต่ยังมีความระมัดระวังผสมเข้ามา ในงานประชุม “Jackson Hole Economic Policy Symposium ปี2025”
“ระยะสั้น” เงินเฟ้อเผชิญความเสี่ยงด้านสูง ขณะที่ตลาดแรงงานเผชิญความเสี่ยงด้านต่ำ เป็นความท้าทายในการกำหนดจุดยืนนโยบายการเงิน
ตลาดเองก็คาดว่า Fed จะมีการปรับลดดอกเบี้ยลงในการกระชุมเดือนก.ย. นี้
ภาพรวมของ “ดอกเบี้ยขาลง” ยังเป็นปัจจัยบวกต่อการลงทุนใน “กองทุนตราสารหนี้โลก” รับ 2 เด้ง ได้ “Yield-สูง” พร้อมโอกาสกำไรจาก “Capital Gain” เป็นจังหวะที่ดีในการลงทุน
ทำไม “กองตราสารหนี้โลก” จึงน่าสนใจลงทุนในบริบทเช่นนี้ ตามทีมงาน ‘โต๊ะกองทุน Wealthy Thai’ ไปอัปเดตมุมมองจากผู้เชี่ยวชาญพร้อมกันได้เลย
ชี้จังหวะลงทุน “ตราสารหนี้โลก” รับ “ดอกเบี้ยขาลง”…เน้นคุณภาพ-เพิ่มโอกาสทำกำไรที่มากกว่า
โดย “ปณตพล ตัณฑวิเชียร” Chief Investment Officer บลจ.กสิกรไทย บอกว่า สภาวะตลาดการเงินโลกยังมีความผันผวน การกระจายการลงทุนจึงยังคงเป็นทางเลือกที่น่าสนใจ โดยเฉพาะการลงทุนในสินทรัพย์ที่มีความมั่นคงและมีศักยภาพในการสร้างรายได้สม่ำเสมออย่าง “ตราสารหนี้คุณภาพดีทั่วโลก” บริษัทมีมุมมองเชิงบวกต่อตราสารหนี้โลก เนื่องจากแนวโน้มเศรษฐกิจโลกที่อาจจะทยอยชะลอตัวลงในครึ่งปีหลัง จากผลกระทบของนโยบายทางภาษีของสหรัฐ โดยมองว่า “ธนาคารกลางสหรัฐ” (Fed) จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยทั้งหมด 2 ครั้งภายในสิ้นปี25 พร้อมดำเนินนโยบายทางการเงินอย่างระมัดระวังท่ามกลางความไม่แน่นอนเกี่ยวกับนโยบายทางภาษีที่อาจจะกระทบทั้งอัตราเงินเฟ้อและตลาดแรงงานของสหรัฐ
(ปณตพล ตัณฑวิเชียร)
“หากตลาดแรงงานเริ่มส่งสัญญาณการชะลอตัว Fed จะสามารถปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายเพื่อสนับสนุนเศรษฐกิจได้ ยังแนะนำให้ผู้ลงทุนทยอยสะสม ‘ตราสารหนี้โลก’และมองกรอบอัตราผลตอบแทนของพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐ 10 ปี ณ สิ้นปี25 อยู่ที่ 4.1-5.0%”
รับ 2 เด้ง ได้ “Yield-สูง” พร้อมโอกาสกำไรจาก “Capital Gain”
เช่นเดียวกับ “ณัฐกฤติ เหล่าทวีทรัพย์ Head of Wealth Advisory บมจ.ธนาคารทิสโก้ที่มองว่า การลงทุนใน“ตราสารหนี้โลก” กลับมีความน่าสนใจมากขึ้นจากอัตราดอกเบี้ยที่ยังอยู่ระดับสูงและธนาคารกลางต่างๆ ทั่วโลกยังมีทิศทางปรับตัวลดลงจากภาพเศรษฐกิจที่อ่อนแอลง ทำให้โอกาสการลงทุนใน “กองทุนตราสารหนี้โลก” ที่มีอายุระยะกลางถึงยาวที่นอกจากผู้ลงทุนจะได้อัตราดอกเบี้ยที่อยู่ระดับสูงแล้วยังมีโอกาสได้รับผลตอบแทนจากส่วนต่างราคา (Capital Gain) อีกด้วย
ในขณะที่ “หุ้นสหรัฐ” ราคาปรับขึ้นแรงจนทำให้ค่า P/E พุ่งแตะระดับกว่า 22.4 เท่า ซึ่งสูงกว่าค่าเฉลี่ย 10 ปีที่อยู่ที่ 18.6 เท่า และหากเทียบกับผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐฯอายุ 10 ปีที่อยู่ที่ 4.5% หมายความว่า ค่าเชิดชูความเสี่ยง (Equity Risk Premium) ของหุ้นอยู่เพียง 2.5% ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยระยะยาวที่ 4.5% อย่างมีนัยสำคัญ และถือเป็นหนึ่งในระดับที่แพงที่สุดในรอบ 30 ปี
(ณัฐกฤติ เหล่าทวีทรัพย์)
“หุ้นสหรัฐจ่อ ‘ปรับฐาน’หลังราคาขึ้นแรงสวนทางภาวะเศรษฐกิจที่ส่งสัญญาณอ่อนตัวจากอัตราภาษีนำเข้าที่เพิ่มขึ้น ฉุดกำไรจดทะเบียนลดลงตาม แนะใช้จังหวะนี้ขายทำกำไรหุ้นสหรัฐ โยกเงินเข้าซื้อ ‘ตราสารหนี้โลก’รับอัตราดอกเบี้ยในระดับสูง และมีโอกาสได้รับผลตอบแทนจากส่วนต่างราคา”
ส่วนผู้ลงทุนที่ “รับความเสี่ยงได้สูง” หุ้นที่ยังน่าสนใจช่วงนี้ได้แก่ “หุ้นกลุ่มปันผลสูงทั่วโลก” (High Dividend) ที่มีการจ่ายปันผลที่สูงและสม่ำเสมอ มีผลประกอบการมีความแข็งแกร่ง รวมทั้งยังมีมูลค่าหุ้น (Valuation) ถูก ปรับขึ้นน้อยกว่าดัชนีตลาดหุ้นโลก (Discount) ประมาณ 25%
ส่วนอีกตลาดหนึ่งที่น่าสนใจ คือ “ตลาดหุ้นไทย” โดยเฉพาะหุ้นกลุ่มปันผล ที่ปัจจุบันระดับเงินปันผล (Dividend Yield) อยู่ในระดับเกือบ 7% และ Valuation ของหุ้นกลุ่มปันผลของไทยจากดัชนี SETHD ยังซื้อขายต่ำกว่ามูลค่าทางบัญชี สะท้อนจากค่า Price to Book Value (PBV) ประมาณ 0.9 เท่า ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยในอดีตมากถึง 35%
สำหรับใครที่กำลังมองหาโอกาสลงทุนที่สามารถสร้างผลตอบแทนที่ดี โดยที่ความเสี่ยงยังอยู่ในระดับของตราสารหนี้เหมือนเดิม “กองทุนตราสารหนี้โลก” น่าจะเป็นทางเลือกที่ช่วยเติมเต็มพอร์ตให้ได้เป็นอย่างดี จากเมื่อก่อนที่ได้ผลตอบแทนไม่มาก ในภาวะ “ดอกเบี้ยขาลง” เช่นนี้ ความเสี่ยงยังคงไม่ต่างจากเดิม แต่เพิ่มเติมเข้ามา คือ โอกาสได้รับผลตอบแทนที่สูงขึ้นนั่นเอง