ชาวบ้านแนวชายแดนหวาดผวาหนัก ไม่กล้าทำมาหากิน กลัวเขมรลอบโจมตีซ้ำ
วันนี้ที่ 19 ส.ค. 68 ชาวบ้านในพื้นที่ ต.สายตะกู อ.บ้านกรวด จ.บุรีรัมย์ ซึ่งติดแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ยังคงใช้ชีวิตด้วยความหวาดระแวง แม้สถานการณ์ปะทะระหว่างทหารทั้งสองฝ่ายจะสงบลงแล้ว หลังต้องอพยพไปอยู่ในศูนย์พักพิงนานกว่า 2 สัปดาห์ พ่อค้าแม่ค้าและเกษตรกรจำนวนมากยังไม่กล้ากลับมาประกอบอาชีพตามปกติ เพราะกลัวเหตุการณ์จะปะทุขึ้นอีกครั้ง
พ่อค้าแม่ค้าหลายรายที่กลับมายังบ้านเรือนในหมู่บ้านยังไม่กล้าเปิดร้านขายของ โดยให้เหตุผลว่า หากซื้อวัตถุดิบมาแล้วเกิดเหตุปะทะขึ้นอีก จะทำให้วัตถุดิบเสียหายและขาดทุนซ้ำซ้อน นอกจากนี้ยังกลัวว่าจะอพยพหนีไม่ทันหากเกิดเหตุฉุกเฉิน ขณะที่บางส่วนตัดสินใจย้ายไปอยู่กับญาติในต่างจังหวัดเป็นการชั่วคราว จนกว่าจะมั่นใจในสถานการณ์อย่างแท้จริง
นายสากล เมิดไธสง ชาวบ้านผู้มีอาชีพขายอาหารตามสั่งและกรีดยาง เปิดเผยว่า ในช่วงที่มีการสู้รบ รายได้ของครอบครัวกลายเป็นศูนย์ และแม้จะกลับมาบ้านแล้วก็ยังไม่กล้าเปิดร้าน เพราะสถานการณ์ยังไม่มีความชัดเจน ตนได้แต่เตรียมเสื้อผ้าและของใช้จำเป็น พร้อมเติมน้ำมันรถพ่วงข้างไว้เต็มถัง เพื่อเตรียมพร้อมอพยพครอบครัวหนีได้ทันทีหากเกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝัน
เกษตรกรเจ้าของสวนยางพาราอีกหลายรายก็ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ปะทะระหว่างวันที่ 24-28 ก.ค. 68 โดยมีกระสุนปืนใหญ่ตกใส่ต้นยางพาราเสียหายหลายต้น แต่จนถึงขณะนี้ยังไม่ได้รับการเยียวยาใด ๆ ทั้งยังขาดรายได้ในช่วงที่ต้องอพยพหนีการสู้รบ จึงขอให้ภาครัฐเร่งชดเชยและบรรเทาความเดือดร้อนโดยเร็วที่สุด
แม้จะได้รับผลกระทบ แต่ชาวบ้านและพ่อค้าแม่ค้าในพื้นที่ต่างเห็นด้วยกับการที่ทหารมีการวางแนวรั้วหีบเพลงเพื่อกำหนดเขตแดนของไทยให้ชัดเจน เพื่อป้องกันการรุกล้ำอธิปไตยจากฝ่ายกัมพูชา และยังเป็นการป้องกันทหารกัมพูชาลักลอบเข้ามาวางทุ่นระเบิดในเขตแดนไทย ซึ่งจะเป็นอันตรายต่อทั้งทหารที่ออกลาดตระเวนและชาวบ้านที่เข้าไปกรีดยางพารา
อ่านข่าวเพิ่มเติม