อาหารคือการสื่อสาร...จาก...สำรับอาหารสู่สำนึกรักษ์อนาคต
บทความพิเศษ
ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.พิทักษ์ จันทร์เจริญ
อธิการบดีมหาวิทยาลัยสวนดุสิต
โลกปัจจุบันเป็นยุคที่ข้อมูลข่าวสารเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็ว อาหารไม่ใช่เป็นเพียงสิ่งที่ทำให้เราอิ่มท้อง หากแต่ได้กลายเป็น “ภาษาหนึ่ง” ที่ทรงพลังในการสื่อสารคุณค่าลึกซึ้ง อาหารหนึ่งจานสามารถถ่ายทอดเรื่องเล่าของประวัติศาสตร์ ความทรงจำ ความสัมพันธ์ ความรัก ความอบอุ่น และความเข้าใจได้อย่างน่าประทับใจ อีกทั้งยังทำหน้าที่เป็นจุดตัดระหว่าง ‘รสชาติ ความทรงจำ และอัตลักษณ์ทางวัฒนธรรม’
เมื่อมองในมิติระดับโลก จะเห็นว่าอาหารมิได้หยุดอยู่ที่บทบาทของ“ความอร่อย” แต่ได้ยกระดับไปสู่การเป็นยุทธศาสตร์ด้าน Soft Power อย่างแยบยล หลายประเทศใช้“วัฒนธรรมอาหาร” เป็นกลไกสำคัญในการทูต การตลาด และการศึกษา ตัวอย่างเช่น ญี่ปุ่นผลักดัน “วาโชกุ” (Washoku) จนได้รับการรับรองจากองค์การยูเนสโกให้เป็นมรดกโลก ฝรั่งเศสยกย่อง“มื้ออาหารแบบฝรั่งเศส” ให้กลายเป็นสินทรัพย์ทางวัฒนธรรมที่บ่งบอกความเป็นชาติ หรือเกาหลีใต้ที่เผยแพร่ “คิมบับ กิมจิ และวัฒนธรรมการกินร่วมโต๊ะ” เพื่อสะท้อนความหมายของความเป็นครอบครัว ทั้งหมดนี้สะท้อนให้เห็นว่า“อาหาร” เป็นมากกว่า สิ่งที่รับประทาน หากแต่เป็นเครื่องมือสื่อสารอัตลักษณ์ เป็นมรดกทางวัฒนธรรม และเป็น Soft Power ที่สามารถเชื่อมโยงผู้คนและขับเคลื่อนประเทศสู่เวทีโลกได้อย่างเด่นชัด
ตัวอย่างที่ชัดเจนของสถาบันอุดมศึกษาคือ การประชุมสามัญที่ประชุมอธิการบดีแห่งประเทศไทย (ทปอ.) และสมาคม ทปอ. ร่วมกับการประชุมสมาคมสถาบันการศึกษาขั้นอุดมแห่งภูมิภาคเอเซียตะวันออกเฉียงใต้ ประจำประเทศไทย (สออ. ประเทศไทย) เมื่อวันที่ 16–17 สิงหาคม 2568 ที่มหาวิทยาลัยสวนดุสิตได้รับเกียรติเป็นเจ้าภาพ มีการจัดเลี้ยงรับรองผู้บริหารสถาบันอุดมศึกษาทั่วประเทศอย่างสร้างสรรค์ ในงานการจัดเลี้ยงไม่ได้มีเพียงเป้าหมายการ“อิ่มท้อง” แต่ยังเป็นการ “อิ่มตา อิ่มใจ” ผ่านเมนู 6 สำรับที่มีคลิปเล่าเรื่องประกอบ บูธจัดแสดงกระบวนการปรุง และการคัดสรรวัตถุดิบจากฟาร์มเกษตรปลอดภัย พร้อมเสริมบรรยากาศด้วยดนตรีจากนักศึกษา งานนี้กลายเป็นตัวอย่างของการใช้ “อาหารเป็นการสื่อสาร” ที่ทรงพลังโดยไม่ต้องใช้สื่อโฆษณาใด ๆ
อีกหนึ่งกิจกรรมพิเศษ Storytelling เพื่อจัดหาทุนการศึกษาของมหาวิทยาลัยสวนดุสิต หัวข้อ “เบื้องหลังสำรับ: การจัดอาหารคือการสื่อสาร” โดย รศ.ดร.ศิโรจน์ ผลพันธิน ได้เสนอแนวคิดสำคัญว่า “อาหารคือภาษารูปแบบหนึ่ง” โดยสามารถแบ่งการสื่อสารออกเป็น 3 มิติ ได้แก่ Food Storytelling: การเล่าเรื่องเกี่ยวกับอาหาร Food as Medium: อาหารเป็นสื่อกลางที่สร้างความสัมพันธ์ และ Food Security Communication: การสื่อสารเพื่อสร้างความเข้าใจเรื่องความมั่นคงทางอาหาร และการเข้าถึงอาหารอย่างเท่าเทียม ดังนั้นรสชาติที่เราลิ้มรส ไม่เพียงสะท้อนความสามารถของผู้ปรุง แต่ยังสะท้อนวัฒนธรรม วิธีคิด ความใส่ใจ และความภาคภูมิใจของผู้ให้
ที่สำคัญอาหารไทยนั้นซับซ้อน ลึกซึ้ง และสื่อสารได้มากกว่ารสชาติที่เปรียบเสมือนภาษาที่สามารถสื่อสารถึงความตั้งใจ ความใส่ใจ และความสมดุลของธรรมชาติ ด้วยมีรสพื้นฐานมากถึง 9 รส ได้แก่ หวาน เปรี้ยว เค็ม ขม เผ็ด มัน ฝาด จืด และอูมามิ แต่ละรสไม่ได้มาเพียงลำพัง หากมักปรากฏร่วมกันอย่างกลมกล่อมในจานเดียว เช่น ต้มยำที่ทั้งเปรี้ยว เผ็ด เค็ม หรือแกงเขียวหวานที่ผสานหวาน มัน เค็ม อย่างลงตัว รสชาติอาหารไทยไม่ใช่แค่ความอร่อย แต่เป็นการสื่อสารเรื่องราว ความหลากหลายทางชีวภาพที่สะท้อนจากวัตถุดิบพื้นถิ่นตามฤดูกาล วัฒนธรรมการกินร่วมกันซึ่งเน้นการแบ่งปัน ความเป็นชุมชน และความเคารพในอาหาร แม้แต่การเลือกวัตถุดิบก็สะท้อนแนวคิดของผู้ปรุง ล้วนแสดงถึงการผสมผสานภูมิปัญญาดั้งเดิมกับความรู้สมัยใหม่ การเรียนรู้เรื่องอาหารไทยไม่ใช่แค่การเรียนทำอาหาร แต่คือการเรียนรู้วัฒนธรรม ระบบนิเวศ สุขภาพ และการอยู่ร่วมกันในสังคมอย่างลึกซึ้ง อาหารไทยจึงเป็นมากกว่าสิ่งที่กินเข้าไป แต่มันคือสิ่งที่ สื่อออกมาได้อย่างมีพลัง
สถาบันอุดมศึกษาคือห้องครัวของสำนึกรักษ์อนาคต ในยุคที่โลกเผชิญวิกฤตสิ่งแวดล้อม ความเหลื่อมล้ำ และความไม่มั่นคงทางอาหาร สถาบันอุดมศึกษาจึงไม่ได้ทำหน้าที่แค่“สอนให้ทำอาหารเป็น” แต่ยังมีบทบาทสำคัญในการปลูกฝังสำนึกใหม่ผ่านอาหาร เพื่อให้ผู้เรียนเข้าใจความเชื่อมโยงระหว่างการบริโภคกับอนาคตของโลก โดยเฉพาะสถาบันที่มีภารกิจการผลิตบัณฑิตและบริการวิชาการด้านอาหาร โภชนาการ และวัฒนธรรม ต่างพัฒนา “พื้นที่เรียนรู้” ที่หลากหลาย พื้นที่เหล่านี้ไม่เพียงสร้างทักษะทางอาชีพ หากยังบ่มเพาะ “ความเข้าใจเชิงระบบ” เรื่องอาหาร ตั้งแต่วิธีผลิต วัตถุดิบปลอดภัย การจัดการขยะอาหาร ไปจนถึงการบริโภคอย่างรับผิดชอบ ทั้งหมดนี้ล้วนเป็นรากฐานของ พลเมืองโลกที่รู้เท่าทันอาหาร (Global Food Citizenship) และเป็นหน่ออ่อนของสำนึกรักษ์สิ่งแวดล้อมและอนาคตของมนุษยชาติ
อาหารในฐานะภูมิปัญญาสร้างการเรียนรู้ การเรียนการสอนในระดับอุดมศึกษายุคใหม่ ไม่อาจแยกตัวออกจากบริบทของสังคม วัฒนธรรม และความเป็นพลเมือง และอาหารคือเครื่องมือที่ทรงพลังที่สุดอย่างหนึ่งในการสื่อสารสิ่งเหล่านี้ การจัดกิจกรรม สอนทำอาหาร ถ่ายทอดเรื่องราว หรือแม้แต่การเลือกเสิร์ฟอาหารแต่ละจาน ล้วนเป็นโอกาสของการสื่อสารและสร้างคุณค่าร่วม เพราะการกินคือการเรียนรู้ และอาหารคือรากฐานของความเข้าใจซึ่งกันและกันของมนุษย์ อัตลักษณ์ของแต่ละสถาบันจึงไม่ได้สะท้อนแค่ผ่านโลโก้หรือชื่อเสียงหากแต่ปรากฏอยู่ใน“สำรับ” ที่เรานำเสนออย่างตั้งใจ