เกิดขึ้นจริงแล้ว! 5 บริษัทยักษ์ใหญ่ ปลดพนักงานแทนที่ด้วย AI ตำแหน่งไหนโดนก่อน!?
เกิดขึ้นแล้วในปี 2025! บริษัทใหญ่ใช้ AI แทนคน — ตำแหน่งงานไหนถูกทดแทนบ้าง
ปี 2025 เป็นปีที่ชัดเจนว่าการใช้งานปัญญาประดิษฐ์ (AI) ในองค์กรระดับใหญ่มากขึ้นจนส่งผลต่อการจ้างงานจริง ๆ — มีหลายบริษัทประกาศปลดพนักงานหรือปรับโครงสร้างกำลังคน เพื่อให้ระบบและกระบวนการที่ขับเคลื่อนด้วย AI รับหน้าที่แทนงานบางประเภท งานที่ได้รับผลกระทบส่วนใหญ่เป็นงานที่ทำซ้ำ (repetitive) งานฝ่ายปฏิบัติการหลังบ้าน และงานที่เป็นงานความรู้แบบใช้การสืบค้นสรุปเขียนหรือวิเคราะห์ข้อมูลเป็นหลัก
ภาพรวมเทรนด์: งานแบบไหนเสี่ยงที่สุด?
- งานปฏิบัติการหลังบ้าน (Back-office) — เช่น การประมวลผลข้อมูล ตรวจสอบเอกสาร และการประเมินประสิทธิภาพภายในองค์กร
- งานบริการลูกค้า (Customer service) — แชตบอทและระบบอัตโนมัติทำหน้าที่ตอบคำถามพื้นฐานได้มากขึ้น
- งานสร้างคอนเทนต์ซ้ำซ้อน — การเขียนคำอธิบายสินค้า บทความเชิงข้อมูลเบื้องต้น หรือคอนเทนต์มวลชนที่ไม่ต้องอาศัยการวิเคราะห์เชิงลึก
- งานข้อมูลเชิงซ้ำ/วิเคราะห์พื้นฐาน — การสรุปข้อมูล ดึงข้อมูลเชิงตัวเลข และรายงานมาตรฐาน
ตัวอย่างบริษัทใหญ่ที่เปิดเผยว่ามีการใช้ AI แทนงานหรือเชื่อมโยงกับการปลดพนักงาน
Amazon — ประกาศว่า AI จะทำให้ “แรงงานระดับองค์กร” ลดลง
โฆษกและบันทึกภายในของซีอีโอ Andy Jassy ระบุชัดเจนว่า Amazon กำลังผลักดันการใช้งาน Generative AI และตัวแทนอัตโนมัติ (agents) เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพงานหลายด้าน ซึ่งจะทำให้จำนวนพนักงานส่วนองค์กร (corporate workforce) ลดลงในอีกไม่กี่ปีข้างหน้า — โดยตัวอย่างงานที่บริษัทมองว่า AI สามารถทำแทนได้ เช่น การจัดทำหน้ารายละเอียดสินค้า (product pages), งานโฆษณาเชิงปฏิบัติการ และงานปรับปรุงกระบวนการภายในองค์กร.
Microsoft — ปรับลดตำแหน่งหลายหมื่นตำแหน่ง ขยับงบลงทุนไปหา AI
ในปี 2025 Microsoft ประกาศปรับโครงสร้างและตัดตำแหน่งเป็นหลักหมื่นตำแหน่ง พร้อมลงทุนหนักใน AI — ทั้งการจ้างผู้เชี่ยวชาญด้าน AI และการนำเครื่องมือ AI มาเขียนโค้ด หรือช่วยงานความรู้ต่าง ๆ มากขึ้น ซึ่งอธิบายได้ว่าทำไมตำแหน่งที่เกี่ยวกับการเขียน สรุปข้อมูล และงานวิจัยบางประเภทได้รับผลกระทบสูง
Intel — ลดกำลังคนจำนวนมากเพื่อเน้นการแข่งขันในตลาดชิปสำหรับ AI
Intel ประกาศปรับลดพนักงานและยุติ/ถอยโครงการบางส่วนในหลายประเทศ เพื่อปรับโครงสร้างให้แข่งขันได้ในตลาด Semiconductor สำหรับงาน AI — การปรับนี้รวมถึงการลดงานระดับกลางและเริ่มต้นที่เป็นงาน IT แบบเดิมๆ ที่ถูกมองว่าทำได้โดยระบบอัตโนมัติหรือถูกแทนที่ด้วยกระบวนการที่เน้น AI มากขึ้น
TCS (Tata Consultancy Services) — ตัดงานนับหมื่นเชื่อมโยงการปรับสกิลสู่ AI
บริษัทให้บริการด้าน IT รายใหญ่จากอินเดียประกาศตัดตำแหน่งกว่า 12,000 ตำแหน่ง โดยอธิบายว่าการเปลี่ยนแปลงเชิงโครงสร้างและการผลักดันการใช้ AI ระดับองค์กรเป็นปัจจัยสำคัญ — ผู้เชี่ยวชาญมองว่า งานที่เน้นการทดสอบโครงสร้างพื้นฐาน งานอินฟราสตรัคเจอร์ และงานที่ไม่ได้มีทักษะสูงเชิง AI จะเสี่ยงถูกทดแทนหรือปรับบทบาทสูงสุด
Klarna — ตัวอย่างที่ผลลัพธ์ไม่เป็นไปตามคาด
Klarna เคยประกาศว่า AI สามารถทดแทนงานบริการลูกค้าได้เทียบเท่าพนักงานประมาณ 700 คน แต่ต่อมามีรายงานว่าบริษัทต้องเริ่มรับพนักงานมนุษย์กลับเข้าไปช่วยในบางจุด เพราะระบบอัตโนมัติไม่สามารถรับมือเคสที่ซับซ้อนหรือสร้างประสบการณ์ลูกค้าที่พึงพอใจได้ทั้งหมด — ตัวอย่างนี้ชี้ให้เห็นว่าการแทนที่ด้วย AI อาจได้ผลในบางงาน แต่ก็มีข้อจำกัดที่ทำให้บางบริษัทต้องกลับมาปรับสมดุลคนและเครื่อง
รายอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง
- Recruit Holdings (เจ้าของ Indeed และ Glassdoor) ปลด ~1,300 ตำแหน่ง โดยเชื่อมโยงการปรับโครงสร้างกับการใช้ AI ในการสรรหางานและรวมฟังก์ชันบางส่วนเข้าด้วยกัน
- BlueFocus (เอเจนซี่การตลาดจีน) ประกาศยุติสัญญากับนักเขียนและนักออกแบบภายนอก เพื่อใช้งาน generative AI สร้างคอนเทนต์แทน
- IBM เคยระบุถึงความเป็นไปได้ในการแทนที่ประมาณ 30% ของงาน back-office ในช่วงหลายปีข้างหน้า (เป็นการประเมินเชิงยุทธศาสตร์ที่ถูกอ้างอิงบ่อย)
ตำแหน่งงานที่ถูกแทนจริง (ตัวอย่างเฉพาะ)
จากการรายงานและการศึกษาโดยสถาบันต่าง ๆ รวมถึงการเปิดเผยของบริษัทเอง งานที่เสี่ยงหรือมีรายงานว่าถูกแทนจริงในปี 2025 ได้แก่:
- พนักงานบริการลูกค้า (เฉพาะเคสพื้นฐาน/FAQ)
- นักเขียนคอนเทนต์แบบมาตรฐาน (product descriptions, summaries)
- งานตรวจสอบข้อมูลและประมวลผลเอกสาร
- งานวิศวกรรมซ้ำซ้อน/ทดสอบซอฟต์แวร์ที่อัตโนมัติได้
- ตำแหน่งงานวิจัยข้อมูลระดับเริ่มต้นที่เน้นการดึง-สรุปข้อมูล
บทสรุป และคำแนะนำสำหรับคนทำงาน
แนวโน้มชัดเจนว่าบริษัทขนาดใหญ่กำลังทบทวนบทบาทของแรงงานโดยมองหาโอกาสที่ AI จะเพิ่มประสิทธิภาพและลดต้นทุนได้ แต่ผลลัพธ์ไม่ใช่เพียงการ “แทนทั้งหมด” เสมอไป — หลายบริษัทพบข้อจำกัดและต้องหาสมดุลระหว่าง AI กับการดูแลประสบการณ์ลูกค้าและงานที่ต้องการการตัดสินใจเชิงบริบท
สำหรับคนทำงาน: การอัพสกิลไปยังทักษะที่ AI ยังไม่สามารถทดแทนได้ง่าย เช่น การออกแบบเชิงยุทธศาสตร์ การจัดการโปรเจกต์ที่ซับซ้อน ความคิดสร้างสรรค์ระดับสูง การสื่อสารและภาวะผู้นำ รวมทั้งการพัฒนาทักษะด้าน AI/ML จะช่วยเพิ่มความมั่นคงในการทำงาน