ดร.อมรเทพ คาด กนง.จะลดดอกเบี้ยอีกรอบในเดือนธ.ค.แตะ 1.25%
ดร.อมรเทพ ซีไอเอ็มบีไทย คาด กนง.จะลดดอกเบี้ยอีกรอบในเดือนธ.ค.แตะ 1.25% มองเศรษฐกิจไทยมีหลายปัจจัยรุมเร้า ทั้งความไม่แน่นอนจากคดีทางการเมือง ความเสี่ยงจากสงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯ กับจีน
13 ส.ค. 68 ดร.อมรเทพ จาวะลา ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ ผู้บริหารสำนักวิจัย ธนาคารซีไอเอ็มบี ไทย เผยภายหลัง คณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) มีมติเอกฉันท์ 6 เสียง ให้ลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลง 0.25% เหลือ 1.50% ต่อปี ว่า สะท้อนถึงความกังวลต่อแนวโน้มเศรษฐกิจที่อ่อนแรง และความตั้งใจในการช่วยเหลือกลุ่มเปราะบาง
โดยเหตุผลหลักของการลดดอกเบี้ย กนง.มองว่าเศรษฐกิจไทยปี 2568-2569 คาดว่าจะขยายตัวใกล้เคียงกับที่ประเมินไว้ คือ โต 2.3% ปีนี้ และ 1.7% ปีหน้า ซึ่งกนง.เคยใช้สมมติฐานภาษีทรัมป์ที่18% แต่ของจริงคือ 19% ซึ่ง กระทบภาคการผลิตและความสามารถในการแข่งขัน
การส่งออกครึ่งปีแรกเร่งตัวจากการนำเข้าสินค้าล่วงหน้าของสหรัฐฯ แต่ ครึ่งปีหลังมีแนวโน้มชะลอ เมื่อคำสั่งซื้อหมดลงภาคการท่องเที่ยวอ่อนแอ โดยเฉพาะนักท่องเที่ยวจีน จากการส่งเสริมเที่ยวในประเทศ และการแข่งขันจากประเทศเพื่อนบ้านรายได้ที่ลดลงจากทั้งภาคการผลิตและท่องเที่ยว กระทบ SME ลูกจ้าง และการบริโภคในประเทศ
ส่วนปัจจัยเศรษฐกิจที่กนง.จับตามอง คือ เงินเฟ้อมีแนวโน้มลดลง จากราคาน้ำมันโลกและมาตรการรัฐช่วยค่าครองชีพ ขณะที่สินเชื่อหดตัวต่อเนื่อง โดยเฉพาะในกลุ่ม SME และครัวเรือนรายได้น้อย ธุรกิจขนาดใหญ่ชะลอการลงทุน และเน้นการชำระหนี้จากความไม่แน่นอน ธนาคารพาณิชย์ระมัดระวังการปล่อยสินเชื่อ โดยเฉพาะในกลุ่มเปราะบาง
ค่าเงินบาทแข็งค่าเทียบดอลลาร์และสกุลเงินอื่นในภูมิภาค
“ประเด็นสำคัญที่ต้องเน้นย้ำแม้การลดดอกเบี้ยจะช่วยลดภาระหนี้ของผู้ที่มีหนี้อยู่แล้ว แต่ ไม่น่าจะช่วยเพิ่มสภาพคล่องหรือกระตุ้นสินเชื่อได้มากนัก เนื่องจากความเสี่ยงด้านเครดิตยังสูง การรอความชัดเจนก่อนดำเนินนโยบาย แม้จะเป็นแนวทางที่รอบคอบ แต่บางครั้งอาจทำให้ เศรษฐกิจระดับล่างไถลลงลึกเกินไป จนต้องใช้มาตรการที่แรงกว่าคาดเพื่อพยุงไม่ให้ทรุดต่อ”
สำหรับ มุมมองต่อการดำเนินนโยบายการเงิน การประชุมรอบนี้ กนง.ได้รับข้อมูลที่ชัดเจนขึ้นเรื่องภาษีทรัมป์ จึงสามารถลดดอกเบี้ยเพื่อพยุงเศรษฐกิจและบรรเทาภาระหนี้ ยังไม่มีมาตรการอัดฉีดสภาพคล่องเฉพาะกลุ่มเปราะบางเพิ่มเติม กนง.น่าจะพิจารณามาตรการอื่นควบคู่กับดอกเบี้ยเพื่อดูแลกลุ่มที่ได้รับผลกระทบมากที่สุด
“แนวโน้มดอกเบี้ยปลายปี กนง.น่าจะคงดอกเบี้ยในรอบเดือนตุลาคมเพื่อประเมินผลจากการลดดอกเบี้ยรอบนี้ หากเศรษฐกิจยังอ่อนแรง อาจมีการลดดอกเบี้ยอีกครั้งในเดือนธันวาคม สู่ระดับ 1.25% ความเปลี่ยนแปลงที่ต้องจับตาการเปลี่ยนกรรมการ 2 คนในรอบเดือนตุลาคม อาจส่งผลต่อทิศทางและการสื่อสารนโยบายการเงิน ความไม่แน่นอนทางการเมือง คดีนายกฯ การผ่านงบประมาณ และเสถียรภาพรัฐบาล ความขัดแย้งชายแดนกัมพูชา ความอ่อนแอของภาคอสังหาริมทรัพย์ และความลังเลของนักลงทุนต่างชาติ ความเสี่ยงจากสงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯ กับจีน ที่อาจรุนแรงขึ้นหลังหมดช่วงชะลอภาษี”