คุยหลังเกม! "นิวคาสเซิล" พ่าย "ลิเวอร์พูล" ถูกยกให้เป็นแมตช์สุดคลาสสิก ที่จะถูกจารึกไว้ในประวัติศาสตร์
ศึกพรีเมียร์ลีกอังกฤษที่สนามเซนต์เจมส์พาร์ก กลายเป็นหนึ่งในเกมที่ดุเดือดและตื่นเต้นที่สุดของฤดูกาล เมื่อ ลิเวอร์พูลบุกเอาชนะนิวคาสเซิล ยูไนเต็ด 3-2 ในแมตช์สุดดราม่าที่เต็มไปด้วยใบแดง การปะทะ และประตูสุดคลาสสิกที่ถูกจารึกไว้ในประวัติศาสตร์
การแข่งขันเปิดฉากด้วยบรรยากาศร้อนแรง แฟนบอลเจ้าบ้านชูป้าย “เข้าปะทะ” เป็นการส่งสัญญาณถึงความดุดันในสนาม ก่อนที่แอนโธนี กอร์ดอน จะถูกไล่ออกจากการเข้าสกัดหนักใส่เวอร์จิล ฟาน ไดค์ ท่ามกลางเสียงเชียร์กึกก้องของกองเชียร์นิวคาสเซิล
แม้ ฮูโก้ เอคิติเก จะยิงให้ลิเวอร์พูลนำ 2-0 ในช่วงต้นครึ่งหลัง แต่ “สาลิกาดง” ไม่ถอดใจ บรูโน่ กิมาเรส และวิลเลียม โอซูลา ช่วยกันพาทีมตีเสมอ 2-2 ทำให้เกมกลับมาสูสีและเต็มไปด้วยความดุเดือด
อย่างไรก็ตาม ช่วงเวลาประวัติศาสตร์ก็มาถึงในนาทีสุดท้าย เมื่อ ริโอ เอ็นกูโมฮา ดาวรุ่งวัยเพียง 16 ปี 361 วัน ยิงประตูชัยสุดสวย กลายเป็นนักเตะอายุน้อยที่สุดอันดับสองที่ยิงประตูชัยในพรีเมียร์ลีก ต่อจาก เวย์น รูนีย์ ที่เคยทำไว้กับเอฟเวอร์ตันในปี 2002
สถิติยังบันทึกว่าการแข่งขันนัดนี้มีการทำฟาวล์รวมถึง 32 ครั้ง มากที่สุดในพรีเมียร์ลีกฤดูกาล 2025/26 โดยลิเวอร์พูลทำฟาวล์ถึง 9 ครั้งในช่วง 25 นาทีแรก ซึ่งตอกย้ำถึงความเข้มข้นของเกม
อาร์เน สลอต กุนซือลิเวอร์พูล ยอมรับหลังจบเกมว่า “นี่อาจไม่ใช่เกมที่สวยงามในเชิงแท็กติก แต่แฟนบอลทั่วโลกต่างสนุกกับความเร้าใจของมัน”
ศึกครั้งนี้ไม่เพียงตอกย้ำถึงบรรยากาศสุดคลาสสิกของคู่ปรับแห่งพรีเมียร์ลีก แต่ยังทำให้ชื่อของ เอ็นกูโมฮา ถูกจารึกในหน้าประวัติศาสตร์ลูกหนังอังกฤษอย่างยิ่งใหญ่
#นิวคาสเซิ่ลพบลิเวอร์พูล #นิวคาสเซิ่ล #ลิเวอร์พูล #พรีเมียร์ลีก #ผลบอล