ใครกันแน่ที่โกหก สรุปดราม่า"เก่ง ลายพราง-พลอย" ปมลวงขึ้นบ้าน

เมื่อวันที่ 8 กันยายน 2568 เพจอรรถรส ได้สรุปบทสนทนาจากรายการ โหนกระแส เกี่ยวกับคดีที่กำลังเป็นที่จับตา ระหว่าง "เก่ง ลายพราง" และฝ่ายหญิงที่อ้างชื่อ "พลอย" หลังเกิดดราม่า “ลวงขึ้นบ้าน” จากจุดเริ่มต้นร้านไก่ย่างจนถึงชั้นศาล ใครพูดตริง ใครโกหก

• จุดเริ่มต้นที่รู้จักกัน

เก่ง ลายพราง เล่าว่าเขารู้จักฝ่ายหญิงหรือ พลอย ผ่านเฟซบุ๊กนานกว่า 4 ปี โดยเคยคุยกันเรื่องงานรีวิวผลิตภัณฑ์ไวน์ และฝ่ายหญิงอ้างว่าตัวเองมีโรงงานไวน์ , รีสอร์ต 80 ห้อง ,บ้านพักริมทะเลที่เชียงราย
ด้านพลอย ยอมรับว่าคุยเฟซบุ๊กกันจริง แต่ยืนยันว่าไม่เคยคบกัน ไม่เคยเจอหน้ากันมาก่อน แต่ทางเก่งบอกว่า ตลอด 4 ปี น้องเขาจะทักมาก่อนตลอด และมาชวนนัดเจอไปทานข้าว (เก่งโชว์แชทหลักฐาน) แต่ทางฝ่ายพลอยบอกว่า ที่ไป เพราะเก่งชวนหลายครั้งเลยต้องยอมไป

• เจอกันที่ร้านไก่ย่าง

จนเมื่อถึงวันที่นัดเจอครั้งแรก (5 ก.ย.) ที่ร้านไก่ย่าง รัชดาซอย 7 เก่งบอกว่าเจอกันปุ๊บ เขาก็เข้าไป “กอดและหอม” พลอยทันที โดยทางพลอยไม่มีท่าทีขัดขืน นอกจากนี้เก่งยังมีการเซลฟี่ส่งให้เพื่อนอีกด้วย ซึ่งทางฝั่งพลอยยืนยันว่า ตกใจและกลัวมาก เพราะไม่คิดว่าจะโดนลุกล้ำตั้งแต่เจอหน้า แต่ไม่กล้าปฏิเสธเพราะอยู่คนเดียว และสถานการณ์ทำให้รู้สึก “ต้องตามน้ำเพื่อเอาตัวรอด” นอกจากนี้ ตอนไปที่ร้าน เก่งยังบอกว่า ฝ่ายพลอยเป็นชวนให้ตนมานั่งข้างๆ แต่ทางพลอยอ้างว่า ที่บอกให้มานั่งข้างๆ “เพื่อเซลฟี่หรือไลฟ์สดเท่านั้น” ไม่ได้ยินยอมให้มีการกอดจูบหรือสัมผัส หลังจากดื่มหมด 1 แบน เก่งชวนพลอยกลับบ้าน โดยบอกว่า “บ้านอยู่ใกล้ๆ มีลูกสาวและเพื่อนอยู่” พลอยก็ตกลงไป เพราะเชื่อว่าปลอดภัย

• ไปต่อกันที่บ้านเก่ง

ขณะเดินเข้าซอย กล้องจับภาพว่าทั้งสองคน “ควงแขนกัน” เก่งจึงใช้ภาพนี้ยืนยันว่าอีกฝ่ายเต็มใจ แต่พลอยชี้แจงว่า ควงเพราะกลัว เลยตามน้ำไป และพลอยยืนยันว่า การควง จับมือกัน มันคือการคิดแบบพี่น้อง พอไปถึงที่บ้านมีเพื่อนชื่อ “ตั้ม” อยู่ จากนั้นลูกสาวเก่ง (จูน) เข้ามา และชวนเก่ง ,พลอย ,ตั้ม ไปกินสุกี้ แต่เก่งไม่ไป, พลอยไม่ไป, ตั้มไป เลยเหลือเก่งกับพลอยเพียงสองคน ตอนแรกพลอยบอกว่า จูนไม่ได้ชวนไปกินสุกี้. แต่จูนยืนยันว่า จูนชวนจริง ถ้าไม่ได้ชวน จะรู้หรอ ว่า พลอยปฏิเสธ และใช้เหตุผลว่า วันพรุ่งนี้ต้องไปทำเงินเดือนให้พนักงาน สุดท้ายพลอยเลยบอก ว่า จูนไม่ได้ชวนพลอย จูนชวนเก่ง ที่ประโยคปฏิเสธ เพราะพลอยพูดแทรกขึ้นเอง

จากนั้น พออยู่กันสองคน เก่งเล่าว่าเขาชวนขึ้นห้อง และพลอยบอกว่ามีประจำเดือน วันนี้ขอไม่มีอะไรด้วย และเสนอให้น้องสาวมานอนด้วย และให้เก่งไปชื้อผ้าอนามัย พลอยยืนยันว่า ไม่ได้สมัครใจขึ้นห้องเลย แต่ยอมเพราะกลัว และใช้ข้ออ้าง “ผ้าอนามัย” เพื่อหาโอกาสหลบหนี พอเก่งออกไปชื้อผ้าอนามัยที่เซเว่น. แต่พลอยไม่หนี พลอยอ้างว่า “เก่งเอาโทรศัพท์ไปด้วย” และ “ล็อกประตูบ้าน” ทำให้ไม่มีทางหนี และติดต่อใครไม่ได้ ขณะเดียวกันเก่งโต้ว่า “ไม่ได้ยึดโทรศัพท์” และ “ประตูบ้านไม่ได้ล็อกจากด้านนอก” ทางพี่หนุ่มเลยเสนอให้ใช้ Call Log และ กล้องวงจรปิดเซเว่น เป็นหลักฐานเทียบเวลา

• ออกมาข้างนอกที่คอนโด

ทางเก่งบอกว่า ตนบอกกับพลอยว่า วันนี้หนูนอนกับพี่นะ พลอยยินดี แต่ทางพลอยบอกว่า จะไปรับน้องที่คอนโดก่อน และพลอยก็นั่งแกร๊ปออกไป จากนั้นเก่ง เห็นกระเป๋าหลุยส์ของพลอยที่ลืมไว้ เลยรีบวิ่งและขี่มอไซต์เพื่อเอาไปคืน พอตามถึงแท็กซี่ เคาะกระจก ทางฝั่งพลอยก็บอกว่า พี่ไปกับหนู เก่งก็เลยขึ้นรถไป พลอยยอมให้เก่งขึ้นรถ เพราะกลัวอันตราย โดยบอกว่า ตนใช้วิธี “เอาตัวรอดไว้ก่อน ค่อยหาทางหนีอีกที เพราะตนกลัวมาก กลัวเขาจะทำอะไร”

พอไปถึงคอนโด พลอยก็บอกให้เก่งขึ้นไปบนคอนโด เพื่อเก็บของ พอเก็บของ ก็ไปเซเว่น พลอยคุยโทรศัพท์ (บอกว่าคุยกับแกร๊ป) แล้วเก่งบอกตนก็รอพลอย แล้วรู้สึกหงุดหงิด เพราะตอนแรกตกลงกันว่า มารับกันเสร็จ จะไปนอนที่บ้านตน แต่ไม่ไปสักที เลยโทรหาน้องให้มารับ จนท้ายที่สุดทาง แกร็ปที่บอกโทรเรียกมา กลายเป็น ตำรวจมาแทน ก็เลยได้แยกย้ายกัน
ทางด้านพลอยยืนยันว่า “ไม่ได้สมัครใจตั้งแต่ร้านไก่ย่าง” และทุกพฤติกรรมที่ทำ มันคือการยอมตามน้ำ เพราะ “กลัว,ไม่มีทางเลือก และตนอยู่คนเดียว”

ทนายแก้วให้ความเห็นทางกฎหมายว่า

• หากยึดมือถือ ล็อกบ้าน กักขัง → ผิดฐาน หน่วงเหนี่ยวกักขัง
• หากไม่มีความยินยอมตั้งแต่แรก → เข้าข่าย อนาจาร หรือ ข่มขืน
• การสมัครใจในอดีต ไม่ใช่ใบเบิกทางสำหรับอนาคต

ยังไงกันนะ ใครพูดจริง ใครพูดไม่จริง พวกแกร คิดเห็นกันยังไง แล้วตอนจูน ชวนไปกินสุกี้ ทำไม ไม่ไปกับจูน. แล้วมาบอกว่า จูนเป็นลูกเขา ก็ต้องเขาข้างพ่อ ใครจะกล้าไป แต่ยอมอยู่กับเก่งที่บ้าน

ขอบคุณ อรรถรส