โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

การเมือง

Business Today Thai Politics 25 กรกฎาคม 2568

Businesstoday

อัพเดต 16 ชั่วโมงที่ผ่านมา • เผยแพร่ 23 ชั่วโมงที่ผ่านมา • Businesstoday

รัฐบาลอนุมัติเงินช่วยเหลือเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบชายแดนไทย-กัมพูชา

ทำเนียบ วันที่ (25 ก.ค.) นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รองนายกรัฐมนตรี เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการกองทุนเงินช่วยเหลือผู้ประสบสาธารณภัย สำนักนายกรัฐมนตรี ครั้งที่ 2/2568 เพื่อพิจารณาให้ความช่วยเหลือเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์บริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา

นายพีระพันธุ์ กล่าวว่า คณะกรรมการกองทุนเงินช่วยเหลือผู้ประสบสาธารณภัย สำนักนายกรัฐมนตรี ได้มีมติอนุมัติในหลักการให้ความช่วยเหลือประชาชน ข้าราชการ ทหาร ตำรวจ และทหารพราน ผู้ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์บริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา ดังนี้ 1. กรณีเสียชีวิต รายละ 1,000,000 บาท 2. กรณีทุพพลภาพ รายละ 700,000 บาท 3. กรณีบาดเจ็บสาหัส รายละ 200,000 บาท 4. กรณีบาดเจ็บมาก รายละ 100,000 บาท และ 5. กรณีบาดเจ็บเล็กน้อย รายละ 50,000 บาท

นายพีระพันธุ์ กล่าวว่า รัฐบาลขอแสดงความห่วงใยและรู้สึกเสียใจอย่างสุดซึ้งต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น โดยได้มีข้อสั่งการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งดำเนินการให้ความช่วยเหลือเยียวยาแก่ครอบครัวผู้ได้รับผลกระทบทั้งด้านความเป็นอยู่และสภาพจิตใจ รัฐบาลขอแสดงความเสียใจต่อผู้เสียชีวิตและครอบครัว พร้อมทั้งขอส่งกำลังใจและความห่วงใยไปยังผู้ที่ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ในครั้งนี้

ในการนี้ ประชาชนที่มีความประสงค์จะบริจาคเงินเพื่อช่วยเหลือเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์บริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา สามารถร่วมบริจาคได้ที่ “กองทุนเงินช่วยเหลือผู้ประสบสาธารณภัย สำนักนายกรัฐมนตรี” ธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) สาขาทำเนียบรัฐบาล บัญชีเลขที่ 067-0-06895-0 โดยยอดเงินบริจาคสามารถนำไปลดหย่อนภาษีได้

“จิรายุ” ยัน F-16 ไทยปฏิบัติภารกิจแบบสุภาพบุรุษ

ทำเนียบ วันนี้ (25 ก.ค.) นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ คณะกรรมการศูนย์เฉพาะกิจบริหารสถานการณ์บริเวณชายแดนไทย–กัมพูชา (ศบ. ทก.) กล่าวถึงกรณีกัมพูชารายงาน ข่าวว่าสหรัฐฯ

อาจตรวจสอบการใช้เครื่องบินขับไล่ F-16 ของไทยในการโจมตีกัมพูชา ว่าละเมิดนโยบายการใช้งาน ซึ่งสำนักข่าว Kampuchea Thmey Daily รายงานว่า กระทรวงกลาโหมกัมพูชาได้ออกแถลงการณ์ประณามอย่างรุนแรง โดยระบุว่า “กัมพูชาถือว่าการใช้เครื่องบินขับไล่ F-16 เป็นการรุกรานทางทหารที่ผิดกฎหมาย การกระทำนี้ละเมิดกฎหมายระหว่างประเทศ”

ขณะเดียวกัน กระทรวงกลาโหมกัมพูชาได้เรียกร้องให้สหรัฐฯ ตรวจสอบการใช้เครื่องบินขับไล่ F-16 ของไทยในการโจมตีครั้งนี้ และดำเนินนโยบายควบคุมอาวุธของตนเอง โดยระบุว่า การที่ไทยใช้เครื่องบินขับไล่ F-16 โจมตีกัมพูชานั้นขัดต่อข้อตกลงการขายอาวุธของสหรัฐฯ อย่างชัดเจน นายจิรายุ กล่าวว่าข้อความข้างต้นเป็นการหลอกตัวเองของรัฐบาลกัมพูชา ซึ่งหากจะร้องเรียนในประเด็นนี้ ก็ควรจะส่งคลิปวิดีโอ และ ภาพที่ ประชาชนคนไทย ได้รับบาดเจ็บ และ เสียชีวิตจากการระดมยิงด้วยจรวดหลายลำกล้อง และอาวุธหนัก ของกัมพูชาที่ปฏิบัติตนปานประหนึ่งอาชญากรรมสงคราม ไร้มนุษยธรรมอย่างชัดเจน ซึ่งสื่อมวลชนทั่วโลกเห็นเป็นประจักษ์ในการที่กัมพูชาละเมิดอธิปไตยของไทยก่อน การปฏิบัติทางอากาศของกองทัพ อากาศไทยมีความเป็นสุภาพบุรุษที่ปฏิบัติตามเงื่อนไขทางการทหารเฉพาะหน่วยงานของทหารเท่านั้น

“กองทัพไทยสามารถใช้ F-16 ขึ้นปฏิบัติการเพื่อรักษาอธิปไตยของชาติ โดยไม่มีเงื่อนไข หรือขัดข้อตกลงใดในการซื้อขายอาวุธกับสหรัฐฯ ตามที่สื่อกัมพูชามั่ว เพราะที่สำคัญกัมพูชาละเมิดอธิปไตยของประเทศไทยก่อนอย่างชัดเจน แถมยังมีพฤติกรรมเป็นอาชญากรรมสงคราม เปิดฉากถล่มใส่โรงพยาบาลโรงเรียนและพื้นที่ของพลเรือนจนมีผู้บาดเจ็บล้มตายจำนวนมาก”

มท. เผยมีประชาชนอพยพจากเหตุชายแดนไทย-กัมพูชา มากกว่า 100,000 คน

วันนี้ ( 25 ก.ค.) นายอรรษิษฐ์ สัมพันธรัตน์ ปลัดกระทรวงมหาดไทย เปิดเผยถึงการบริหารจัดการสถานการณ์ภัยจากเหตุการณ์ความไม่สงบที่เกิดขึ้นจากการลักลอบยิงอาวุธของกัมพูชาเข้ามาล่วงล้ำอธิปไตยของประเทศไทย

จนส่งผลให้ประชาชนในพื้นที่จังหวัดอุบลราชธานี ศรีสะเกษ สุรินทร์ และบุรีรัมย์ ที่พักอาศัยพื้นที่ชายแดนไทย-กัมพูชา ได้รับผลกระทบ ทั้งการสูญเสียชีวิตและทรัพย์สิน รวมถึงต้องอพยพย้ายที่พักชั่วคราว โดยนายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ได้สั่งการให้ผู้ว่าราชการจังหวัด และนายอำเภอ

ปฏิบัติตามแผนปฏิบัติการพิทักษ์พื้นที่ส่วนหลัง นำกำลังสมาชิกกองอาสารักษาดินแดน กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ชุดรักษาความปลอดภัยหมู่บ้าน (ชรบ.) บูรณาการร่วมกับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และทุกภาคส่วน นำยานพาหนะของทุกหน่วยงานเร่งอพยพประชาชนเข้าไปยังพื้นที่ปลอดภัยห่างจากแนวการปะทะเป็นที่เรียบร้อยแล้ว พร้อมทั้งให้ดูแลด้านการใช้ชีวิตครอบคลุมปัจจัยความจำเป็นพื้นฐาน ทั้งด้านอาหาร เครื่องดื่ม ยารักษาโรค ห้องน้ำ และที่พัก ให้ถูกสุขลักษณะ โดยเน้นย้ำเรื่อง “ความปลอดภัยของประชาชนเป็นสิ่งสำคัญที่สุด”

“สำหรับจำนวนประชาชนผู้ที่ได้ทำการอพยพไปยังศูนย์พักพิงชั่วคราวทั้ง 4 จังหวัดข้างต้น ณ วันที่ 24 ก.ค. 68 เวลา 22.30 น. มีจำนวนรวม 100,672 คน ศูนย์พักพิง 295 แห่ง จำแนกเป็น จังหวัดสุรินทร์ 56,000 คน ศูนย์พักพิง 67 แห่ง จังหวัดศรีสะเกษ 17,196 คน ศูนย์พักพิง 58 แห่ง จังหวัดบุรีรัมย์ 17,000 คน ศูนย์พักพิง 1 แห่ง และจังหวัดอุบลราชธานี 10,476 คน ศูนย์พักพิง 169 แห่ง” นายอรรษิษฐ์ กล่าว

นายอรรษิษฐ์ กล่าวเพิ่มเติมว่า กระทรวงมหาดไทยยังได้กำชับให้ผู้ว่าราชการจังหวัด นายอำเภอ ได้บูรณาการร่วมกับทุกภาคส่วนสร้างขวัญกำลังใจให้กับพี่น้องประชาชนควบคู่การบำรุงขวัญกำลังพลทั้งฝ่ายปกครอง กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน สมาชิกกองอาสารักษาดินแดน (อส.) ชุดรักษาความปลอดภัยหมู่บ้าน (ชรบ.) อาสาสมัครป้องกันภัยฝ่ายพลเรือน (อปพร.) และเจ้าหน้าที่ตำรวจ ตามแนวพิทักษ์พื้นที่ส่วนหลัง

พร้อมทั้งร่วมกันเป็นกำลังใจให้กับบรรดาพี่น้องทหารหาญผู้ที่กำลังทำหน้าที่เป็นกำลังส่วนหน้าที่กำลังปฏิบัติหน้าที่อย่างกล้าหาญในการปกป้องอธิปไตยของชาติ และสร้างความรับรู้เข้าใจให้ประชาชนในศูนย์พักพิงได้ทราบถึงสถานการณ์ รวมทั้งการดูแลความปลอดภัยทรัพย์บริเวณหมู่บ้าน อาคารบ้านเรือน โดยกำลังของเจ้าหน้าที่ตำรวจ พร้อมทั้งย้ำเตือน “ห้ามกลับไปยังพื้นที่หมู่บ้าน” จนกว่าทางภาครัฐจะประกาศให้สามารถกลับไปได้ตามปกติ

กองทัพบก ยืนยัน ไม่มีการโจมตีพื้นที่ปราสาทพระวิหาร

พลตรี วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก เปิดเผยถึง กรณีที่มีรายงานว่าฝ่ายกัมพูชาได้ทำหนังสือถึงองค์การยูเนสโก (UNESCO) โดยกล่าวอ้างว่า ฝ่ายไทยได้ใช้อาวุธยิงสนับสนุนในการปฏิบัติการทางทหาร จนส่งผลให้ปราสาทพระวิหารได้รับความเสียหายในเรื่องนี้

กองทัพบกขอเรียนว่า การปฏิบัติของกำลังทหารไทยมีเป้าหมายอย่างชัดเจนในการตอบโต้เฉพาะต่อกำลังทหารฝ่ายกัมพูชา โดยมิได้มุ่งเป้าไปยังพื้นที่พลเรือน หรือสถานที่ใด ๆ ที่ไม่เกี่ยวข้องกับการปฏิบัติการทางทหารแต่อย่างใด

ทั้งนี้ พื้นที่ตัวปราสาทพระวิหารไม่ได้อยู่ในแนวทิศทางของการใช้อาวุธฝ่ายไทย
ดังนั้น ข้อกล่าวหาของฝ่ายกัมพูชาที่ระบุว่า ปราสาทพระวิหารได้รับความเสียหายจากการโจมตีของฝ่ายไทย จึงถือเป็นการบิดเบือนข้อเท็จจริงอย่างชัดเจน

ทั้งนี้ พลตรี วินธัย กล่าวว่า ข้อมูลที่กองทัพบกได้ตรวจพบว่า มีความพยายามเผยแพร่ข่าวสารที่ไม่ตรงกับข้อเท็จจริงจากฝ่ายกัมพูชาในหลายประเด็นอย่างต่อเนื่อง
กองทัพบกขอ ยืนยันถึงความมุ่งมั่นในการดำเนินการอย่างรอบคอบภายใต้หลักมนุษยธรรมและกฎหมายระหว่างประเทศ เพื่อปกป้องอธิปไตยและความมั่นคงของประเทศ โดยมิให้เกิดผลกระทบต่อบุคคลหรือทรัพย์สินที่ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับสถานการณ์ความขัดแย้งทางทหาร

ทั้งนี้ ทีมโฆษกกองทัพบก เปิดเผยว่า กองทัพบกร่วมกับส่วนราชการในพื้นที่เร่งอพยพประชาชนออกจากพื้นที่การสู้รบ ตลอดแนวชายแดนไทย – กัมพูชา หลังจากฝ่ายกัมพูชาเปิดฉากใช้อาวุธหนักยิงโจมตีเข้ามาในเขตพื้นที่ประเทศไทยตั้งแต่เมื่อเช้าวานนี้ (24 ก.ค.68) ส่งผลให้ประชาชนในพื้นที่รวม 14 อำเภอ ใน 4 จังหวัด ได้แก่ จ.บุรีรัมย์ อ.บ้านกรวด, จ.สุรินทร์ อ.กาบเชิง, อ.พนมดงรัก, อ.สังขะ, อ.บัวเชด, อ.ปราสาท และ อ.เมืองสุรินทร์

จ.ศรีสะเกษ อ.กันทรลักษ์, อ.เบญจลักษ์, อ.ศรีรัตนะ, อ.พยุห์, อ.กันทรารมย์ และ อ.เมืองศรีสะเกษ และ จ.อุบลราชธานี อ.เดชอุดม ได้รับผลกระทบจากอาวุธยิงสนับสนุนของฝ่ายกัมพูชาที่ยิงเข้ามาในพื้นที่บ้านเรือนประชาชน, โรงพยาบาล และสถานที่พลเรือน อย่างไร้มนุษยธรรม ซึ่งจากการตรวจสอบเบื้องต้น (ข้อมูล ณ วันที่ 25 ก.ค.68) พบว่า มีประชาชนได้รับบาดเจ็บ 29 คน และเสียชีวิต 16 ราย เป็นเหตุให้ต้องมีการอพยพประชาชนในพื้นที่อย่างเร่งด่วนเพื่อรักษาความปลอดภัยและป้องกันเหตุร้ายที่อาจจะเกิดขึ้นกับประชาชน

ปัจจุบันกองทัพบก โดย กองกำลังสุรนารี, มณฑลทหารบกที่ 22, มณฑลทหารบกที่ 25 และมณฑลทหารบกที่ 26 ได้ประสานงานอย่างใกล้ชิดกับฝ่ายปกครอง และผู้นำชุมชนในพื้นที่เร่งดำเนินการอพยพประชาชนไปยังพื้นที่รวบรวมพลเรือน โดยมีจำนวนผู้อพยพรวมทั้งสิ้น 63,446 คน (จ.บุรีรัมย์ จำนวน 4,813 คน, จ.สุรินทร์ จำนวน 21,646 คน, จ.ศรีสะเกษ จำนวน 26,511 คน และ จ.อุบลราชธานี จำนวน 10,476 คน)

พร้อมกันนี้ กองทัพบกได้รับพระมหากรุณาธิคุณอย่างหาที่สุดมิได้ จัดตั้งโรงครัวพระราชทาน 6 จุด และจัดรถครัวสนามกองทัพบกจำนวน 2 คัน ประกอบอาหารแจกจ่ายให้กับประชาชนในพื้นที่รวบรวมพลเรือนอีกด้วย

“นฤมล”จับมือ“ธรรมนัสฯ สร้างบ้านใหม่ครอบครัวคุณยายสะทน

วันนี้ 25 ก.ค.เวลา 11.00 น.ศ.ดร.นฤมล ภิญโญสินวัฒน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ และหัวหน้าพรรคกล้าธรรม(กธ.) เปิดเผยว่า ตนได้ร่วมมือกับมูลนิธิธรรมนัส พรหมเผ่า เตรียมดำเนินการสร้างบ้านใหม่ให้แก่ครอบครัวของนางสะทน กันภัย อายุ 63 ปี

ซึ่งได้รับความสูญเสียอย่างหนักจากเหตุระเบิดบริเวณชายแดนไทย–กัมพูชา โดยสูญเสียหลานชาย เด็กชายน้ำโขง อายุ 8 ขวบ และหลานสาว ด.ญ.กิตติยา บุญแต่ง หรือ “น้องน้ำค้าง” ได้รับบาดเจ็บสาหัส รวมถึงบ้านพักอาศัยที่ได้รับความเสียหายทั้งหมด

โดย ศ.ดร.นฤมล ระบุว่า ความช่วยเหลือครั้งนี้ถือเป็นการเยียวยาเบื้องต้นทั้งทางกายและจิตใจให้กับครอบครัวผู้ประสบภัย ซึ่งเป็นประชาชนผู้บริสุทธิ์ ความสูญเสียที่เกิดขึ้นสูงเกินกว่าจะรับได้ ในส่วนกระทรวงศึกษาธิการ ตนได้ประสานหน่วยงานในพื้นที่เพื่อเข้าดูแลเยียวยาสภาพจิตใจของเด็กที่ได้รับผลกระทบ โดยจะจัดทีมครู นักจิตวิทยา และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องลงพื้นที่ให้การดูแลอย่างใกล้ชิด

ด้าน ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า ในฐานะประธานมูลนิธิธรรมนัสฯ กล่าวถึงภารกิจครั้งนี้ว่า มูลนิธิของเรามีหน้าที่ในการยืนเคียงข้างประชาชนในยามทุกข์ยาก เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นเรื่องสะเทือนใจอย่างยิ่ง ผมจึงไม่รอช้าที่จะเข้ามาช่วยเหลือ โดยจะเร่งรัดการก่อสร้างบ้านหลังใหม่ให้ครอบครัวของคุณยายโดยเร็วที่สุด เพื่อให้พวกเขากลับมามีชีวิตความเป็นอยู่ที่มั่นคงและปลอดภัยอีกครั้งหนึ่ง

ดูข่าวต้นฉบับ
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...

ล่าสุดจาก Businesstoday

เปิดมาตรการช่วยเหลือแบงก์รัฐ เหตุปะทะชายแดนไทย-กัมพูชา

23 ชั่วโมงที่ผ่านมา

แบงก์เรียกพนักงานกลับไทย ธปท.เกาะติดชายแดนไทย-กัมพูชา

23 ชั่วโมงที่ผ่านมา

วิดีโอแนะนำ

ข่าวและบทความการเมืองอื่น ๆ

‘สส.มัลลิกา’ จี้ ‘รัฐบาล’ แก้ราคาผลผลิตเกษตรตกต่ำ

เดลินิวส์

เขมรยิงกระสุนจรวด BM-21 รวม 28 นัด ตกหลายตำบล จ.บุรีรัมย์ ไร้ผู้เสียชีวิต

ไทยโพสต์
วิดีโอ

'ทหารไทย' ร่วมร้องเพลงชาติ บน 'ภูมะเขือ' หลังยึดกลับมาได้สำเร็จ

THE ROOM 44 CHANNEL

‘จิรายุ’ เผย ‘ศบ.ทก.’ เรียกประชุมด่วนพรุ่งนี้ ประเมินผลพร้อมติดตามมาตรการช่วยเหลือประชาชน

เดลินิวส์

ด่วน ! ศบ.ทก. เรียกประชุมพรุ่งนี้ ประเมินสถานการณ์ชายแดน พร้อมมาตรการดูแล ปชช. - การเยียวยา

สยามรัฐ

สดุดี "พลทหาร ญาณพัฒน์" สละชีพปกป้องอธิปไตยไทย

Thai PBS

ข่าวและบทความยอดนิยม