“หุ้นตลาดเกิดใหม่ (ไม่รวมจีน)” ถูกกว่า “หุ้นโลก” กว่า 30% โอกาสลงทุนที่โดดเด่น “ศก.โตแกร่ง-ราคาไม่แพง”... ส่วน “หุ้นปันผล” (SETHD) จุดแข็งตลาดหุ้นไทย “Yield” สูง !!!
Fun of Funds: สำหรับ “หุ้นตลาดเกิดใหม่ (ไม่รวมจีน)” (Emerging Market ex China) เป็นตลาดที่ “ราคาไม่แพง” และมีศักยภาพในการเติบโตในระยะปานกลาง-ยาว ซึ่งก้าวเข้ามาเป็นทางเลือกให้กับนักลงทุนทั่วโลกในช่วงที่ผ่านมา
โดยตลาดหุ้นที่มีน้ำหนักในดัชนี “MSCI Emerging Markets ex China” 4 อันดับแรกนั้น ประกอบด้วย 1) “อินเดีย” 26.33%, 2) “ไต้หวัน”26.07%, 3) “เกาหลีใต้”13.64% และ 4) “บราซิล” 6.16% ตามลำดับ (ที่มา: msci.com, วันที่ 30 พ.ค. 25)
ล้วนเป็นประเทศที่มีศักยภาพการเติบโตทางเศรษฐกิจที่แข็งแกร่ง และมีหุ้นชั้นนำระดับโลกให้เลือกลงทุน ที่สำคัญราคายัง “ไม่แพง” มี Forward P/E 12.69 เท่าต่ำกว่า “หุ้นโลก” ที่ 18.08 เท่า หรือถูกกว่าประมาณ 30% เลยทีเดียว
ส่วน“หุ้นไทย” ปีนี้ดิ่งมาแล้วกว่า -22.70% จน P/BV เหลือ 1.02 เท่า เข้าโซน “ถูก” ในขณะที่ “อัตราเงินปันผล” ก็ดี 4.42% (ที่มา: set.or.th, วันที่ 27 มิ.ย. 25) โดยเฉพาะในกลุ่ม “ดัชนีหุ้นปันผล” (SETHD) นั้น อัตราเงินปันผลจะสูงกว่าอยู่ที่ 6.46% นั่นทำให้ “หุ้นปันผล” เป็นอีกหนึ่งธีมที่น่าสนใจเช่นเดียวกัน
ทำไม “หุ้นตลาดเกิดใหม่ (ไม่รวมจีน)” และ “หุ้นปันผล” จึงเป็น 2 ธีมที่มีความน่าสนใจ ตามทีมงาน ‘โต๊ะกองทุน Wealthy Thai’ ไปอัปเดตมุมมองจากผู้เชี่ยวชาญพร้อมๆ กันได้เลย
“หุ้นตลาดเกิดใหม่ (ไม่รวมจีน)”…เศรษฐกิจโตแกร่ง-มูลค่าน่าสนใจ
โดย “สาห์รัช ชัฎสุวรรณ” กรรมการผู้จัดการ บลจ.ทิสโก้ บอกว่า “หุ้นตลาดเกิดใหม่ (ไม่รวมจีน)” (Emerging Markets ex China) ในระยะกลางถึงระยะยาวถือเป็นกลุ่มประเทศที่เป็นขุมพลังของเศรษฐกิจในโลกยุคใหม่ เนื่องจากมีจำนวนประชากรวัยทำงานที่มากเป็นอันดับ 1 ของโลกส่งผลให้มีกำลังการบริโภคสูง อีกทั้งเป็นกลุ่มประเทศที่เป็นผู้ผลิตชิปซึ่งเป็นเบื้องหลังของธุรกิจ AI ที่เป็นอุตสาหกรรมแห่งอนาคตของโลก เป็นกลุ่มประเทศส่งออกทรัพยากรธรรมชาติและเป็นฐานการผลิตใหม่ของโลกอีกด้วย
ที่สำคัญหลายประเทศที่มีน้ำหนักในดัชนีก็มีความโดดเด่นมากขึ้นในช่วงที่ผ่านมา “เกาหลีใต้” การเมืองมีเสถียรภาพขึ้น หลัง “อี แจ-มยอง” ชนะการเลือกตั้งเป็นประธานาธิบดี และรัฐบาลมีนโยบายที่เน้นการเติบโตผ่านงบประมาณ 1.3-1.35% ของ GDP เน้น AI และไบโอเทคโนโลยี พร้อมปฏิรูปตลาดการเงินและธรรมาภิบาล อีกทั้งมีโอกาสเข้าซื้อขายในดัชนี “MSCI Developed Market”
(สาห์รัช ชัฎสุวรรณ)
ขณะที่ “ไต้หวัน” เศรษฐกิจแข็งแกร่งขึ้นจากปัจจัยหนุนด้านการค้า และความเชื่อมั่นใจธุรกิจ AI ที่เพิ่มสูงขึ้น โดยนักเศรษฐศาสตร์หลายแห่งได้ปรับคาดการณ์ GDP ปี25 เป็น 3.5% จากเดิม 3.3% ขณะที่ P/E ของ “MSCI Taiwan” อยู่ในระดับค่าเฉลี่ยในอดีต
“หุ้นกลุ่ม ‘ประเทศเกิดใหม่ (Emerging Market) ไม่รวมจีน’ถือเป็นกลุ่มประเทศที่เป็นขุมพลังของเศรษฐกิจในโลกยุคใหม่เศรษฐกิจที่เติบโตแข็งแกร่ง ปัจจุบันราคาหุ้นที่อยู่ในระดับน่าสนใจแล้ว โดยมีอัตราส่วนราคาต่อกำไรล่วงหน้า 12 เดือน (Forward P/E) อยู่ที่ 13.0 เท่า ใกล้เคียงค่าเฉลี่ย 5 ปี เป็นอีกตลาดที่น่าสนใจลงทุน”
ชี้จังหวะเก็บหุ้นไทย…“SETHD” ปันผลสูง
ในขณะที่ “วิน พรหมแพทย์” ประธานกรรมการบริหาร บลจ.กสิกรไทย มองว่า “ตลาดหุ้นไทย” ปัจจุบันอยู่ที่ประมาณ 1,100 จุด สะท้อนให้เห็นว่าความเสี่ยงด้านขาลงมีจำกัด เนื่องจากปัจจัยลบส่วนใหญ่ได้ถูกสะท้อนในราคาตลาดแล้ว ตลาดหุ้นไทยมีการซื้อขายที่อัตราส่วนราคาต่อกำไร (12-month forward P/E) ที่ 11.7 เท่า ซึ่งต่ำกว่าช่วงวิกฤตการณ์ COVID-19 และต่ำกว่าค่าเฉลี่ย 10 ปีที่ 15.2 เท่า อย่างมีนัยสำคัญ นอกจากนี้ อัตราส่วนราคาต่อมูลค่าทางบัญชี (forward P/B) อยู่ที่ 1.0 เท่า ซึ่งต่ำกว่าช่วง COVID-19 ที่ 1.1 เท่า ในขณะที่อัตราผลตอบแทนต่อส่วนของผู้ถือหุ้น (ROE) ของตลาดไทย 1 ปีข้างหน้า คาดการณ์ไว้ที่ 8.6% ซึ่งฟื้นตัวจากระดับ 5.9% หลังช่วง COVID-19 ที่สำคัญคือ หุ้นในกลุ่ม “SETHD” มีคาดการณ์เงินปันผลสูงถึง 5.9% ซึ่งสูงกว่าค่าเฉลี่ย 5 ปีที่ 4.33% และสูงกว่าค่าเฉลี่ยของตลาดรวมที่ 4.6% จึงนับเป็นโอกาสที่น่าสนใจสำหรับผู้ลงทุนที่มองหามูลค่าและผลตอบแทนจากเงินปันผลที่สม่ำเสมอ
(วิน พรหมแพทย์)
“หุ้นในดัชนี ‘SETHD’ ยังมีการประเมินมูลค่าที่น่าสนใจกว่าดัชนี ‘SET’ อย่างมีนัยสำคัญ คาดการณ์อัตราผลตอบแทนจากเงินปันผล (Dividend Yield) ของดัชนี ‘SETHD’ ในปีนี้และอีก 2 ปีข้างหน้าไว้ที่ประมาณ 5-6% ต่อปีซึ่งเป็นระดับที่น่าสนใจสำหรับผู้ที่ต้องการรายได้สม่ำเสมอ เป็นจังหวะลงทุน และกว่า 90% ของหุ้นเหล่านี้ได้รับการจัดอันดับ ‘SET ESG Rating’ ในระดับสูง ซึ่งสะท้อนถึงคุณภาพและการคำนึงถึงความยั่งยืนของกิจการได้เป็นอย่างดี”
สำหรับใครที่มองหาโอกาสลงทุนเพื่อร่วมเติบโตไปกับตลาดที่มีศักยภาพในระยะกลาง-ยาว มีเศรษฐกิจแข็งแกร่งและราคาไม่แพง เชื่อว่า “หุ้นตลาดเกิดใหม่ (ไม่รวมจีน) จะเป็นทางเลือกที่ตอบโจทย์ได้เป็นอย่างดี อีกตลาดที่ “ถูก” ก็คือ “หุ้นไทย” โดยเฉพาะในกลุ่ม “หุ้นปันผลสูง” (SETHD) ถือเป็นจุดเด่นของตลาดที่เป็นจังหวะในการลงทุนเช่นเดียวกัน