คปท.บุกสถานทูตกัมพูชา จี้รัฐบาลถ้ายังนิ่งเฉย ปชช.จะลุกป้องประเทศเอง
จากกรณีที่ทหารไทย 1 นาย เหยียบกับระเบิดจนขาขาด และมีทหารอีก 2 นายได้รับบาดเจ็บ ที่ชายแดนไทย กัมพูชา บริเวณช่องบก จังหวัดอุบลราชธานี ซึ่งจากการตรวจสอบพบว่า เป็นกับระเบิดที่ถูกฝังเข้าไปใหม่ ซึ่งถือกัมพูชา ทำการละเมิดอนุสัญญาออตตาวา และรุกรานพื้นที่อธิปไตยของประเทศไทย
ล่าสุดวันนี้ (20 ก.ค.) กลุ่มเครือข่ายนักศึกษาประชาชนปฏิรูปประเทศไทย หรือคปท. และเครือข่าย เคลื่อนที่จากสะพานชมัยมรุเชฐ ข้างทำเนียบรัฐบาล มาที่หน้าสถานทูตราชอาณาจักรกัมพูชา ประจำประเทศไทย เพื่อร่วมชุมนุม และแสดงออกเชิงสัญลักษณ์ในการปกป้องประเทศ ที่หน้าสถานทูตกัมพูชา
เมื่อถึงหน้าสถานทูตกัมพูชา แกนนำ คปท. ได้ขึ้นปราศรัยบนรถขยายเสียงโจมตีและประนามการกระทำของกัมพูชา ที่พยายามสร้างความสับสน เพื่อให้ฝ่ายตัวเองได้ปรียบ ด้วยการให้ข่าวว่า ฝ่ายตัวเองไม่ได้เป็นคนวางกับระเบิดใหม่ที่ช่องบก
การที่ทหารไทยต้องมาสูญเสียอวัยวะแบบนี้ เป็นเรื่องที่รับไม่ได้ สาเหตุมาจากการบริหารที่แย่ของรัฐบาลไทย พอทหารไทยจะดำเนินการอะไร รัฐบาลขอให้หยุด สรุปเป็นรัฐบาลไทย หรือรัฐบาลกัมพูชา พร้อมกันนี้ยังประนามการกระทำของนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ว่ามีพฤติกรรมขายชาติ ไม่สำนึกในบุญคุณแผ่นดิน พร้อมย้ำว่าช่องบก อุบลราชธานี คือแผ่นดินไทย ที่เราควรปกป้อง ไม่ให้ใครก็ตามเข้ามารุกราน
แกนนำคปท. ยังได้ทวงบุญคุณ เนื่องจากประวัติศาสตร์ในอดีตประเทศไทย ช่วยเหลือกัมพูชามาโดยตลอด ให้ข้าวให้น้ำ แต่ตอนนี้กัมพูชากลับเนรคุณประเทศไทย ซึ่งตอนนี้กัมพูชา ไม่สามารถไว้ใจอะไรได้อีกแล้ว
ด้านนายพิชิต ไชยมงคล แกนนำเครือข่ายนักศึกษาประชาชนปฏิรูปประเทศไทย ได้ให้สัมภาษณ์ต่อสื่อมวลชนว่า วันนี้เราอยากสื่อสารไปยังประเทศกัมพูชา ว่าพฤติกรรมที่ทหารกัมพูชา รุกล้ำดินแดนของไทย มาวางกับระเบิดหลายร้อยลูก หรือการที่เข้ามายั่วยุ ที่ที่ปราสาทตาเมือนธม อำเภอพนมดงรัก จังหวัดสุรินทร์ เป็นสิ่งที่ชี้ให้เห็นว่า กัมพูชาได้ดูหมิ่นประเทศไทย เป็นอย่างมาก วันนี้เรามาประนามรัฐบาลกัมพูชา ที่ปล่อยให้ทหารของตัวเองรุกล้ำประเทศไทย ซึ่งเป็นภัยความมั่นคง ต่ออธิปไตยของไทย
กัมพูชามองว่าไทยเป็นศัตรู ด้านความมั่นคง วันนี้พี่น้องคนไทย ก็มองว่ากัมพูชา เป็นภัยความมั่นคงของประเทศไทยเช่นเดียวกัน การวางกับระเบิดใหม่ของกัมพูชา เป็นพฤติกรรมที่ชัดเจน กัมพูชา ทำการละเมิดอนุสัญญาออตตาวา และรุกรานพื้นที่อธิปไตยของประเทศไทย ซึ่งที่ผ่านมาไทยและกัมพูชา ได้ฉลองความสัมพันธ์ครบรอบ 75 ปี แต่วันนี้กัมพูชา เลือกที่จะตัดความสัมพันธ์กับไทยอย่างชัดเจน ขาของทหารไทยที่ขาดไป เหมือนกับความสัมพันธ์ของทั้งสองประเทศขาดกัน
และการที่นายกแพทองธาร ไปพบกับ ฮุน มาเนต นายกรัฐมนตรีกัมพูชา ตอนนี้ก็ไร้ความหมาย อยากให้รัฐบาลไทย ได้ทำการประท้วง ต่อรัฐบาลกัมพูชา อย่างเป็นทางการ ถ้ารัฐบาลไทยยังนิ่งเฉย พี่น้องประชาชนจะลุกขึ้นมาปกป้องประเทศเอง
แกนนำคปท. ยังบอกอีกว่า ตอนนี้ทหารไทยตอนนี้รู้สึกอึดอัด และประชาชนก็รู้สึกอึดอัด ที่ทางการไทยไม่ยอมตอบโต้ทางการทหาร
ซึ่งแกนนำคปท.มองว่า การรบกันสามารถทำได้เลย แต่ถ้าเราเป็นฝ่ายที่เริ่มก่อน เราอาจจะเสียเปรียบ เพราะนานาชาติจะมองว่าเรากระหายสงคราม เพราะฉะนั้นถ้าทำการรบ แล้วทำให้เราเสียอธิปไตย เราก็ไม่ควรจะทำแบบนั้น จึงแนวทางให้ทางรัฐบาลไทย ได้แจ้งไปยังนานาชาติให้ได้รับทราบว่า กัมพูชาเป็นฝ่ายที่ไม่เคารพกฏ รัฐบาลไทยอย่ามัวแต่นั่งประชุม เพราะตอนนี้เราถูกรุกล้ำมาเจ็ดร้อยกว่าครั้งแล้ว
ตอนนี้คนไทยไม่เชื่อสมเด็จฮุน เซน ประธานวุฒิสภา และเราไม่เชื่อคนตระกูลชินวัตร แต่ประชาชนก็จะไม่มีทางยอมแน่นอน
ถ้ารัฐบาลไทยยังนิ่งเฉย ประชาชนก็พร้อมที่จะชุมนุมใหญ่ เพื่อปกป้องประเทศ อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ ก็ยังพร้อมต้อนรับพี่น้องประชาชนเหมือนเดิม เราจะไม่ยอมเสียดินแดน แม้แต่ตารางนิ้วเดียว
นายพิชิต แกนนำคปท.ยังบอกอีกว่า หลังจากนี้จะไปมอบสิ่งของให้กับทัพภาค 2 ที่จังหวัดนครราชสีมา พร้อมกับตั้งเวทีใหญ่ที่โคราชเช่นกัน และจะไปตั้งเวทีที่จังหวัดสุรินทร์อีกด้วย
ส่วนคณะรวมพลังแผ่นดิน จะทำการเปิดเวที เพื่อให้ประชาชนได้แสดงพลังปกป้องอธิปไตยของชาติ โดยจะเปิดเวทีกันทั้ง 4 ภาค ภาคอีสาน คือโคราช และสุรินทร์ ภาคตะวันออก คือ ระยอง และยังมีภาคกลาง และภาคใต้.