ญี่ปุ่นมี Japan First Party เมื่อไรไทยจะมี Thailand First กับเขาบ้าง?
ตอนนี้การเมืองญี่ปุ่นที่เงียบเหงาซึมเซา (เหมือนเศรษฐกิจของประเทศ) จู่ๆ ก็เร้าใจขึ้นมาในพลัน หลังจากการเป็นข่าวของพรรคการเมืองที่ชื่อว่า 'ซันเซโต' (参政党) ซึ่งเตรียมจะเข้าร่วมการเลือกตั้งสภาสูงในวันนี้
ผลสำรวจแสดงให้เห็นว่าพรรคการเมืองนี้อาจคว้าที่นั่งได้ 10 ถึง 15 ที่นั่งจากทั้งหมด 125 ที่นั่ง แม้จะน้อยจะสั่นคลอนทั้งพรรครัฐบาล และภูมิทัศน์การเมืองญี่ปุ่น
'ซันเซโต' ถูกนิยามว่าเป็นพรรคการเมือง "อนุรักษ์นิยมสุดขั้ว" หรือ "ขวาจัด" นโยบายที่ถูกจับตาคือ "ต่อต้านคนต่างชาติ"
โดยรวมๆ แฃ้วปรัชญาของพรรคคือ "ปกป้องผลประโยชน์ของชาติญี่ปุ่นและสร้างความสามัคคีในโลก" สนับสนุนการสร้าง "ประเทศที่สงบสุขที่รวมกันเป็นหนึ่งเดียวโดยล้อมรอบองค์จักรพรรดิ"
สมาชิกพรรคนี้ยังไม่เห็นด้วยกับการยอมรับแรงงานต่างด้าว และไม่เห็นด้วยกับสิทธิในการลงคะแนนเสียงในท้องถิ่นสำหรับผู้อยู่อาศัยต่างชาติถาวรโดยรวมคือเป็นพรรคชาตินิยมและต่อต้านโลกาภิวัตน์
นอกจากพรรค 'ซันเซโต' ยังมีอีกพรรคหนึ่งที่ถูกเรียกเป็นภาษาอังกฤษว่า Japan First Party เหมือนกัน นั่นคือ 'นิปอน ไดอิตโต' (日本第一党) พรรคนี้มีนโยบายที่ถึงลูกถึงคนกว่า 'ซันเซโต' เสียอีก
ชื่อก็บอกอยู่แล้วว่า "ญี่ปุ่นต้องมาก่อน" และชื่อก็บอกความนัยชัดเจนว่านี่คือพรรคฝ่ายขวา คือพวกชาตินิยม เอาผลประโยชน์ของคนญี่ปุ่นเป็นที่ตั้ง และยังพ่วงแนวคิด "ต่อต้านชาวต่างชาติ" เข้ามาด้วย
ชาตินิยมมันมีสองแบบครับ คือชาตินิยมที่นิยมค่านิยม สินค้า และบ้านเมืองตัวเองโดยไม่เกลียดชังชาติอื่นหรือมองชนชาติอื่นต่ำกว่า
ชาตินิยมอีกประเภทนั้นทำเหมือนกันเกือบหมด ยกเว้นว่าเน้น "เกลียดคนต่างชาติ" และมองประเทศอื่นด้อยกว่าตน
'ซันเซโต' กับ 'นิปอน ไดอิตโต' เป็นพวกหลัง เพียงแต่เน้นต่อต้านคนต่างชาติในญี่ปุ่นมากกว่า ไม่ค่อยมองออกไปนอกญี่ปุ่นสักเท่าไร
'นิปอน ไดอิตโต' ตั้งมาตั้งแต่ปี 2016 หรือก่อนที่กระแสชขาตินิยมจะถาโถมไปทั่วประเทศพัฒนาแล้ว (เนื่องจากกระแสต่อต้านผู้อพยพ) 'นิปอน ไดอิตโต' ก็มีแนวคิดแบบเดียวกันคือต่อต้านผู้อพยพ แต่เน้นที่ 'เกาหลีในญี่ปุ่น' หรือพวก 'ไซนิจิ' ที่อพยพมาตั้งแต่ตอนที่เกาหลีเป็นอาณานิคมของญี่ปุ่นช่วงจต้นศตวรรษที่ 20
ญี่ปุ่นไปยึดบ้านยึดเมืองเขาแท้ๆ แล้วบีบให้คนเกาหลรีอพยพมาตายเอาดาบหน้าที่ญี่ปุ่น แต่พอคนเกาหลีอยู่นานๆ และมากๆ ขึ้น คนญี่ปุ่นก็อึดอัดและต่อต้าน ทำให้ 'ไซนิจิ' ตกเป็นเป้าหมายการคุกคามของพวกชาตินิยมมาหลายสิบปีแล้ว และพรรค 'นิปอน ไดอิตโต' อาจเป็นส่วนหนึ่งของขบวนการนี้ในรูปแบบองค์กรการเมือง
แต่ล่าสุด 'นิปอน ไดอิตโต' ไม่ได้ไล่ล่าแค่พวกไซนิจิ แต่มุ่งเป้าเล่นงานคนต่างชาติในญี่ปุ่นทั้งหมด
แนวนโยบายต่อคนต่างชาติของ 'นิปอน ไดอิตโต' มีดังนี้
- คัดกรองอย่างเข้มงวดสำหรับการแปลงสัญชาติชาวต่างชาติและชี้แจงการยกเลิกการแปลงสัญชาติ
- คงจุดยืนที่หนักแน่นต่อนโยบายการเข้าเมือง
- คงจุดยืนที่หนักแน่นต่อต้านการให้สิทธิออกเสียงเลือกตั้งแก่ชาวต่างชาติ
- ยกเลิกพระราชบัญญัติควบคุมการเข้าเมืองและยกเลิกสิทธิพิเศษสำหรับชาวต่างชาติบางคน
- ดำเนินการทบทวนข้อกำหนดเรื่องสัญชาติสำหรับเจ้าหน้าที่รัฐบาลท้องถิ่นอย่างเข้มงวด
- จำกัดชาวต่างชาติไม่ให้ลงทะเบียนประกันสุขภาพแห่งชาติ
- ยกเลิกสวัสดิการสำหรับชาวต่างชาติ
- ยกเลิกสวัสดิการที่มอบให้กับชาวต่างชาติที่ไม่ชำระเบี้ยประกัน
- ดำเนินการจัดตั้งระบบลงโทษที่เข้มงวดสำหรับกิจกรรมทางการเมืองของชาวต่างชาติและองค์กรต่างชาติในญี่ปุ่น
- ยกเลิกระบบทุนการศึกษาสำหรับนักศึกษาต่างชาติ
- ยกเลิกระบบเงินอุดหนุนสำหรับบริษัทที่รับผู้ฝึกงานด้านเทคนิคจากต่างประเทศ
นโยบายความมั่นคง เช่น
- ทบทวนประมวลกฎหมายอาญาและกฎหมายเยาวชน โดยมุ่งเพิ่มบทลงโทษสำหรับอาชญากรที่ใช้ความรุนแรง ผู้เยาว์ และผู้บกพร่องทางจิต
- รวมถึงรายการอื่นๆ นอกเหนือจากการใช้กำลังในอาชญากรรมยุยงปลุกปั่นให้เกิดการรุกรานจากต่างประเทศ
- ฟื้นฟูความผิดฐานหมิ่นพระบรมเดชานุภาพต่อจักรพรรดิและพระราชวงศ์
- เคารพระบบการแต่งงานและครอบครัวแบบดั้งเดิม และมุ่งส่งเสริมการเลี้ยงดูบุตรอย่างมีสุขภาพดี
- ทบทวนพระราชบัญญัติการกระจายเสียงและกฎหมายอื่นๆ โดยมุ่งเพิ่มบทลงโทษสำหรับการรายงานข่าวที่ลำเอียงและกุเรื่อง
- การแปลงบัตรปาจิงโกะเป็นเงินสดผ่านระบบสามสาขาจะถือเป็นการพนันและจะถูกห้าม
- ทบทวนกฎหมายการเงินทั้งหมดและมุ่งเพิ่มความเข้มงวดเงื่อนไขการจดทะเบียนใบอนุญาต
- มุ่งขจัดการรับสวัสดิการโดยทุจริต และเปลี่ยนไปใช้การชำระเงินในรูปแบบสิ่งของ
- ยกเลิกการยกเว้นภาษีสำหรับองค์กรทางศาสนาที่ดำเนินกิจกรรมที่ไม่ได้รับการรับรองว่าเป็นกิจกรรมทางศาสนา
ส่วนการศึกษาก็เช่น
- การศึกษาเกี่ยวกับธงชาติและเพลงชาติจะเป็นภาคบังคับ
- ยกเลิกข้อกำหนดเกี่ยวกับประเทศเพื่อนบ้าน และมุ่งขจัดมุมมองด้านมาโซคิสต์เกี่ยวกับประวัติศาสตร์ตามที่กำหนดไว้ในมาตรฐานการรับรองตำราเรียน
- ทบทวนหลักสูตรการศึกษาที่เน้นภาษาอังกฤษ และเสริมสร้างการศึกษาด้านภาษาญี่ปุ่น จริยธรรม และประวัติศาสตร์หลังสงครามของญี่ปุ่น
- จะทบทวนพระราชบัญญัติพิเศษว่าด้วยข้าราชการการศึกษาและกฎหมายอื่นๆ โดยมีเป้าหมายเพื่อสร้างระบบที่อนุญาตให้มีการลงโทษทางวินัยอย่างเข้มงวดต่อนักการศึกษาที่ละเมิดกฎหมายซ้ำแล้วซ้ำเล่า
- ทบทวนกฎหมายเงินอุดหนุนส่งเสริมโรงเรียนเอกชนและกฎหมายอื่นๆ เพื่อหยุดยั้งการทุ่มงบประมาณสาธารณะให้กับโรงเรียนเอกชนที่ต้องพึ่งพานักเรียนต่างชาติ
และกิจการต่างประเทศ/กลาโหม คือ
- จัดโครงสร้างกองกำลังป้องกันตนเองใหม่ให้เป็นกองทัพแห่งชาติ และปรับโครงสร้างให้เป็นระบบที่สามารถเตือนภัยและขับไล่ศัตรูด้วยกำลัง
- แก้ไขพระราชบัญญัติว่าด้วยการคุ้มครองความลับพิเศษ ซึ่งบังคับใช้เฉพาะกับผู้ก่ออาชญากรรม และมีเป้าหมายที่จะบังคับใช้กฎหมายต่อต้านการจารกรรม
- จัดตั้งองค์กรใหม่ที่สามารถจัดการข่าวกรองและสงครามไซเบอร์ได้
- ทบทวนความช่วยเหลือแบบให้เปล่าและเงินกู้เยนแก่ต่างประเทศ และนำไปใช้เป็นแหล่งเงินทุนสำหรับนโยบายภายในประเทศต่างๆ
นอกจากนี้ยังมี "ห้าคำมั่นสัญญา" ส่วนหนึ่งคือ
(1) การระงับการจ่ายเงินสวัสดิการสาธารณะแก่ชาวต่างชาติ
รัฐมีหน้าที่รับประกันสิทธิในการดำรงชีวิตของพลเมือง ประการแรก ตาข่ายนิรภัยสุดท้ายสำหรับพลเมืองญี่ปุ่นไม่ได้มีไว้เพื่อช่วยเหลือชาวต่างชาติที่ไม่สามารถเลี้ยงดูตนเองได้ เราจะไม่มองข้ามสถานการณ์ปัจจุบันที่อัตราการจับกุมพลเมืองญี่ปุ่นลดลงทุกปี และชาวต่างชาติยังคงได้รับการปฏิบัติอย่างเท่าเทียม
(3) ระงับการเข้าเมืองโดยทันที
เป็นปัจจัยที่ทำให้ค่าจ้างที่แท้จริงของชาวญี่ปุ่นลดลงเพื่อแลกกับแรงงานต่างชาติราคาถูก นอกจากนี้ เมื่อพิจารณาถึงอัตราการก่ออาชญากรรมที่เพิ่มขึ้นในสหภาพยุโรป และความล้มเหลวของ "การป้องกันการระบาด" ที่เผยให้เห็นจากเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ที่กำเนิดในอู่ฮั่น เราจึงคัดค้านอย่างหนักแน่นต่อการยอมรับผู้อพยพในฐานะผู้ต่อต้านโลกาภิวัตน์
(5) การห้ามร้านปาจิงโกะดำเนินกิจการ
เจ้าของร้านปาจิงโกะหลายคนมีเชื้อสายเกาหลีหรือเกาหลีเหนือ ความจริงก็คือร้านปาจิงโกะแทบจะถูกกฎหมายแล้ว เนื่องจากมีการโอนย้ายเจ้าหน้าที่ตำรวจและข้าราชการไปยังรัฐบาลและนักการเมืองปาจิงโกะ (ผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย) รายได้ส่วนหนึ่งจะถูกส่งไปยังเกาหลีเหนือ ซึ่งเงินรายได้ดังกล่าวจะถูกนำไปใช้สนับสนุนกิจกรรมต่อต้านญี่ปุ่น เช่น การทดลองนิวเคลียร์ การทดลองขีปนาวุธ และปฏิบัติการลักพาตัว
นี่เป็นแค่นโยบายต่อคนต่างชาติเท่านั้น ซึ่งมีลักษณะ "เกลียดกลัวต่างชาติ" (Xenophobia) อย่างชัดเจน ซึ่งปกติแล้วสังคมญี่ปุ่นก็มีความ "ระแวงต่างชาติ" เป้ทุนเดิม แต่ 'นิปอน ไดอิตโต' มีลักษณะที่หวาดระแวงถึงขั้นเกลียดกลัว
ความ "เกลียดกลัวต่างชาติ" นั้นส่วนหนึ่งเพราะสังคมญี่ปุ่นไม่เคยคลุกคลีกับความหลากหลายทางชาติพันธุ์ และอีกประการคือบางกลุ่มเชื่อในหลักการ "สายเลือดบริสุทธิ์ของคนญี่ปุ่น" ที่ไม่ควรผสมกับชนชาติใด
แนวคิดแบบนี้ทำให้ญี่ปุ่นมีปัญหามากในปัจจุบัน เพราะคนญี่ปุ่นมีลูกน้อยลง ประชากรลดลงมาก และคนแก่ล้นประเทศ หากไม่เร่งผลิตลูกก็ต้องนำเข้าประชากรใหม่ๆ จากต่างแดน แต่ความ "เกลียดกลัวต่างชาติ" เป็นตัวขัดขวางเรื่องนี้
บอกตรงๆ ก็คือ ผมไม่ค่อยเห็นด้วยกับแนวทางเรื่องคนต่างชาติของพรรคนี้ เพราะมัน Xenophobic ซึ่งขัดต่อนิสัยของคนไทยที่ชอบคลุกคลีกับต่างชาติอยู่แล้ว
อย่างไรก็ตาม "ปัญหาผู้อพยพต่างด้าว" เป็นสิ่งที่ประเทศรายได้สูง (เช่น ญี่ปุ่น) และรายได้ปานกลางระดับสูง (เช่น ไทย) เผชิญเหมือนกัน เพราะประเทศพวกนี้อัตราการเกิดต่ำและต้องการแรงงานสูง จึงต้องรับ "คนนอก" เข้ามา
แต่พอรับเข้ามาแล้วผสมกันไม่เข้า ค่านิยมก็ต่างกัน "ความศิวิไลซ์" ก็อยู่คนละระดับ ทำให้เกิดกระแสต่อต้านขึ้นในประเทศรายได้สูง แม้แต่ไทยเองก็มีกระแสตาอต้านนี้อย่างหนักเมื่อปีที่แล้ว และอาจจะลามมาถึงปีนี้ด้วยถ้าไม่มี "กรณีกัมพูชา" เสียก่อน (ซึ่งในแง่หน่งก็ตามมาด้วยการต่อต้านคนกัมพูชาเช่นกัน)
แต่ในฐานะที่ผมสานใจ "ชาตินิยม" ผมยังเห็นว่าประเทศไทยควรจะมีพรรคการเมืองอย่าง 'นิปอน ไดอิตโต' เอาไว้ตรวจสอบนโยบายต่างด้าวที่หละหลวม เช่น การสวมสิทธิ์ สวมชื่อคนไทย และการเกื้อหนุนจีนเทาและ "พวกสีเทาชาติอื่นๆ"
ไม่ได้เล่นงานต่างด้าวเท่านั้น แต่เอาไว้ตรวจสอบ จับตา และจับกุมเจ้าหน้าที่รัฐของไทยที่ "ขายบ้านขายเมือง" ให้ต่างชาติ
ในเวลาเดียวกันเมื่อเรามองไปที่ "ห้าคำมั่นสัญญา" ของพรค 'นิปอน ไดอิตโต' เราจะพบว่าพวกดขาตั้งใจ "ตัดท่อน้ำเลี้ยง" ที่ดูดทรัพย์ชาวญี่ปุ่นไปสนับสนุนรัฐที่เป็นภัยต่อญี่ปุ่น นั่นคือ เกาหลีเหนือ โดยเฉพาะกิจการปาจิงโกะที่นิยมเล่นกันมากในหมู่คนญี่ปุ่นนั้น เป็นส่วนหนึ่งของท่อน้ำเลี้ยงส่งไปยังเกาหลีเหนือที่ดำเนินการโดยไซนิจิ
นี่คล้ายๆ กับพวก "ธุรกิจสีเทา" ที่ทำเงินในไทยแล้วเอาเงินนั้นมาบ่อยทำลายไทยด้วยการซื้อข้าราชการและนักการเมือง
ถ้าเป็นแบบนี้ ผมวังจะให้ไทยมีพรรค Thailand First กับเขาเหมือนกัน
บทความทัศนะโดย กรกิจ ดิษฐาน ผู้ช่วยบรรณาธิการบริหาร และบรรณาธิการข่าวต่างประเทศ The Better
Photo -โซเฮ คามิยะ หัวหน้าพรรคฝ่ายค้านซันเซโตของญี่ปุ่น กล่าวสุนทรพจน์หาเสียงก่อนการเลือกตั้งสภาสูงในวันที่ 20 กรกฎาคม ที่เมืองยกไกจิ จังหวัดมิเอะ เมื่อวันที่ 18 กรกฎาคม 2568 (ภาพโดย JIJI PRESS / AFP) / JAPAN OUT