ไทยดูตัวอย่างไว้ฟิลิปปินส์แทบจะกราบทรัมป์ แต่ผลที่ได้รับคือความอัปยศ
ดีลภาษีทรัมป์ของฟิลิปปินส์กลายเป็นดีลที่น่าหัวร่อที่สุด เพราะเดิมทรัมป์ขึ้นภาษีประเทศนี้ 20% หลังจากได้ดีลแล้วลดเหลือ 19% นั่นหมายความว่าลดลงแค่ 1%
เป็นดีลที่ไม่เอาไหนเอาซะเลย แม้แต่ดีลที่กัมพูชาขายประเทศแล้วคุยโวว่าเป็น "ชัยชนะที่ยิ่งใหญ่" ก็ยังไม่อัปยศเท่าฟิลิปปินส์
ฟิลิปปินส์อาจจะคิดว่ามันคุ้ม แต่ประเทศอื่นมองว่านี่คือการยอมจำนนแบบไม่มีศักดิ์ศรีเอาซะเลย
ที่ฟิลิปปินส์คิดว่าคุ้มก็เพราะดีลนี้มาพ่วงกับความร่วมมือด้านการทหารกับสหรัฐฯ
ฟิลิปปินส์ต้องการสิ่งนี้เป็นพิเศษ เพราะกำลังทะเลาะกับจีน และต้องการดึงสหรัฐฯ เข้ามาตั้งฐานทัพที่บ้านตนหรือไม่ก็มาช่วยตนสู้กับจีน
ฟิลิปปินส์ทำแบบนี้ไม่ฟังเสียงร้อง "เฮ้ย" ของเพื่อนบ้านอาเซียนเอาซะเลย ที่บอกว่า "เตือนๆ แล้วนะโว้ยว่าอย่าทำตัวเป็นยูเครนแห่งอาเซียน" แต่ฟิลิปปินส์ไม่ได้ฟังเอาเลย
ความหน้ามืดของฟิลิปปินส์ในเรื่องความมั่นคงนั้นไม่ได้ชัดแค่เรื่องนี้ (ปรารถนาจะให้ตนเป็นยูเครนแห่งอาเซียน) แต่ยังเอาความมั่นคงด้านเศรษฐกิจไปแลกความมั่นคงทางการทหาร
นั่นคือดีลกับทรัมป์จะเปิดทางให้สหรัฐฯ เข้าถึงตลาดฟิลิปปินส์อย่างอ้าซ่าเสรี
ประเทศไทยที่ไม่ยอมดีลกับทรัมป์เสียทีก็เพราะเรื่องความมั่นคงทางทหารและความมั่นคงทางอาหาร (และเศรษฐกิจ) นี่แหละครับ
เพราะสหรัฐฯ อยากมาตั้งฐานทัพในไทย แต่ไทยไม่ได้ใจง่ายแบบฟิลิปปินส์เพราะกลัวจะเป็นยูเครนแห่งอาเซียน ฟิลิปปินส์ไม่กลัวบ้านเมืองจะพินาศก็ไม่เป็นไร แต่ไทยรู้สึกว่ามัน "เป็นไร"
และเพราะสหรัฐฯ ต้องการให้ไทยเปิดเสรีตลาดสินค้าเกษตร หากไทยยอมแล้วสินค้าเกษตรบ้านเรากลายเป็นขยะแน่นนอน สิ่งที่ตามมาคือ จะเกิดม็อบเกษตรครั้งใหญ่ที่จะโค่นล้มรัฐบาลในที่สุด
ไทยจึงต้องคิดแล้วคิดอีก ไม่เหมือนฟิลิปปินส์ที่ถวายพานให้ทุกอย่าง เพื่อแลกกับการที่สหรัฐฯ มาช่วยคุ้มหัวให้จากจีน แม้จะยอมเสียศักดิ์ศรีด้วยการให้เขาขึ้นภาษีเอาๆ แล้วก็ลดให้แค่ 1% แบบไม่เห็นหัวเอาเลย
ที่น่าขายหน้ากว่านั้นคือ ขณะที่ผู้นำฟิลิปปินส์เป็นผู้นำอาเซียนประเทศแรกที่ได้พบกับสหรัฐฯ ที่ทำเนียบขาวเมื่อวันก่อน
เรื่องนี้ "บองบอง" มาร์กอส น่าจะปลาบปลื้มเป็นพิเศษ เพราะ "บอส" ให้เข้าพบด้วยแถมยังตกลงรับดีลด้วย ทีนี้ล่ะจีนมันจะต้องอกสั่นขวัญแขวนแน่นอน
ปรากฎว่าระหว่างคุยกันที่ทำเนียบขาว ทรัมป์ทำอะไรรู้ไหมครับ?
ทรัมป์บอกกับสื่อทั้งๆ ที่มาร์กอสก็นั่งกุมเป้าอยู่ตรงนั้นว่า "ผมไม่สนใจที่เขา (หมายถึงมาร์กอส จูเนียร์) เป็นมิตรกับจีน เพราะเราเข้ากันได้ดีกับจีน เราจึงมีความสัมพันธ์ที่ดี อันที่จริง แม่เหล็ก (แม่เหล็กธาตุหายาก) กำลังถูกส่งมาจากจีนในปริมาณมากเป็นประวัติการณ์"
จากนั้นทรัมป์ก็มองไปที่มาร์กอส จูเนียร์ แล้วพูดว่า "ผมไม่สนใจว่าคุณจะไปยุ่งกับจีน ทำในสิ่งที่ควรทำเถอะ ผมไม่ได้กังวลเลยที่คุณไปยุ่งกับจีน"
ภาพจับไปที่หน้าของมาร์กอสที่ออกอาการตกใจแล้วอยากพูดอะไรแทรก แต่ใครหน้าไหนที่แทรกทรัมป์ได้? มาร์กอสจึงได้แต่ทำหน้าเหมือนสำรอกไม่ได้ถ่ายหนักไม่ออก เป็นสภาพที่น่าเวทนาเป็นที่สุด
นี่หรือคือสิ่งที่ "มหามิตร" ที่ดีที่สุดของสหรัฐฯ ในอาเซียนได้รับ หลังจากยอมดีลให้ลดภาษีแค่ 1% ยอมถวายตลาดให้โดยไม่แยแสประชาชน และยอมให้สหรัฐฯ เข้ามายุ่มย่ามเรื่องการทหารได้โดยไม่สนใจเพื่อนบ้านอาเซียน
สิ่งที่ได้รับคือ… ทรัมป์ไม่ได้เห็นหัวมาร์กอส และไม่เห็นฟิลิปปินส์อยู่ในสายตา
สิ่งที่อยู่สติสัมปชัญญะของทรัมป์คือ "จะดีลกับจีนยังไงดี?" แม้จะมีมาร์กอสนั่นอยู่เคียงข้าง แต่ใจเขานึกถึงสีจิ้นผิง
ดังนั้น ไทยเราดูเป็นตัวอย่างไว้ครับ พวกที่อยากให้ยอมถวายหัวให้สหรัฐฯ ผลมันจะเป็นแบบนี้ นี่ฟิลิปปินส์ถือเป็นมหามิตรยิ่งกว่าไทยเสียอีก ยังโดนขนาดนี้
ถามว่าจะไม่ให้ยอมแล้วยืนหยัดเหมือนจีนหรือ? ตอบว่า "ทำไม่ได้หรอกครับ" ไทยจะซี้เปล่าๆ ผมหมายถึงอย่าไป "ขายตัว" แบบบางประเทศเพื่อแลกดีลกับทรัมป์ เพราะมันไม่คุ้ม สิ่งที่ควรทำคือ "ยอมอย่างมีศักดิ์ศรี" และ "รับข้อตกโดยไม่เสียตัว"
ผมคิดว่านี่เป็นอีกสถานการณ์ที่เราเกือบจะเสียอธิปไตย (ทางเศรษฐกิจและความมั่นคง) แต่ไทยเราเก่งอยู่แล้วเรื่อง "รักษาเอกราช"
เชื่อว่าจะเป็นอีกครั้งที่เราสามารถได้ดีลกับมหาอำนาจ แม้จะเสียเปรียบไปบ้าง แต่ผมหวังว่าเขายังจะเกรงใจเรา ไม่เหมือนกับที่กระทำต่อฟิลิปปินส์
บทความทัศนะโดย กรกิจ ดิษฐาน ผู้ช่วยบรรณาธิการบริหาร และบรรณาธิการข่าวต่างประเทศ The Better
Photo by ANDREW CABALLERO-REYNOLDS / AFP