ค้น 4 จุด เปิดโปงขบวนการรีดหัวคิวแรงงานนำไปฟอกเงินผ่าน จนท.กัมพูชา
สำนักข่าวไทย Online
อัพเดต 4 กรกฎาคม 2568 เวลา 0.45 น. • เผยแพร่ 7 ชั่วโมงที่ผ่านมา • สำนักข่าวไทย อสมทกทม. 3 ก.ค. – พ.ต.ต.ยุทธนา แพรดำ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ พร้อมด้วย พ.ต.ท.อนุรักษ์ โรจนนิรันดร์กิจ รองอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ ตรวจการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ดีเอสไอลงพื้นที่ตรวจค้นพยานหลักฐาน ขบวนการรีดหัวคิวแรงงานนำไปฟอกเงินผ่านเจ้าหน้าที่กัมพูชา
สืบเนื่องจากกรมสอบสวนคดีพิเศษ ได้รับหนังสือร้องเรียนจากผู้ใช้ชื่อว่า “กลุ่มนายจ้าง ที่ได้รับความเดือดร้อน” ร้องเรียนว่า ตามที่กระทรวงแรงงานของไทยได้มีประกาศกระทรวงแรงงาน ลงวันที่ 26 พฤศจิกายน 2567 ผ่อนผันให้มีการต่อใบอนุญาตทำงานให้กับแรงงานต่างด้าว สัญชาติเมียนมา กัมพูชา ลาว และเวียดนาม ที่ครบกำหนดวันสิ้นสุดการอนุญาตในวันที่ 13 กุมภาพันธ์ 2568 ซึ่งประกอบด้วย เมียนมา 2,012,856 คน กัมพูชา 287,557 คน ลาว 94,132 คน และเวียดนาม 3,673 คน โดยกำหนดเงื่อนไขใหม่ขึ้นมาว่าผู้ที่จะต่อใบอนุญาตทำงานได้ ต้องได้รับการรับรองจากสถานทูตและนายหน้าจัดหางาน (AGENCY) จากประเทศต้นทางเสียก่อน จึงทำให้เกิดมีขบวนการเรียกรับเงินจากแรงงานต่างด้าวที่ต้องการจะต่อใบอนุญาตทำงานดังกล่าว โดยแรงงานต่างด้าวแต่ละคน จะจ่ายเงินเพิ่มเติมจากค่าใช้จ่ายปกติตามที่ทางราชการกำหนด อีกรายละ 2,500 บาท โดยการบอกกล่าวจาก นายหน้าคนไทย เป็นคนแจ้งไปยังนายจ้างและแรงงานต่างด้าวให้โอนเงินส่วนนี้ผ่านบัญชีม้า ซึ่งเป็นบัญชีของคนต่างด้าวด้วยกัน หากไม่จ่ายเงินส่วนนี้ก็จะไม่ได้รับการอนุมัติให้ต่อใบอนุญาตทำให้แรงงานต่างด้าวเกิดความกลัวว่าจะถูกจับกุม จึงยอมทำตาม สร้างความเสียหายให้กับแรงงานต่างด้าว นายจ้าง และบริษัทผู้รับจ้างฯ
จากการตรวจสอบเส้นทางการเงินพบว่าเงินจำนวนดังกล่าว บางส่วนได้ถูกโอนไปยังเจ้าหน้าที่ของกัมพูชา โดยในวันนี้ เจ้าหน้าที่กรมสอบสวนคดีพิเศษเข้าทำการตรวจค้นพยานหลักฐานในคดี จำนวน 4 จุด ประกอบด้วยบริเวณพื้นที่7 ถนนไทยรามัญ แขวงสามวาตะวันตก เขตคลองสามวา กทม. จำนวน 2 จุด และอีก 2 จุด อยู่ที่บริเวณถนนแจ้งวัฒนะ กทม. โดยเบื้องต้นวันนี้ได้มีการสอบสวนปากคำพยานบุคคลไปแล้ว 2 ราย คือ เจ้าของบริษัทและพนักงาน ซึ่งเป็นบริษัทนำคนต่างด้าวมาทำงานกับนายจ้างในประเทศ เป็นผู้ดำเนินการรับต่อใบอนุญาตทำงานให้แก่แรงงานสัญชาติกัมพูชา ผลการตวจค้นพบพยานหลักฐานอันเป็นประโยชน์ต่อการสืบสวนขยายผล
อธิบดีดีเอสไอ กล่าวว่า แรงงานกัมพูชาที่มีประมาณกว่า 280,000 ราย พบว่ามีแรงงานกัมพูชาที่ได้ต่อใบอนุญาตไปแล้วประมาณ 180,000 ราย คำนวณเป็นเงินประมาณ 300-400 ล้านบาท แต่ถ้าต่อใบอนุญาตครบทุกคน จะมีเงินที่เข้ามาเกี่ยวข้องกับแรงงานกัมพูชาตรงนี้สูงถึง 700 ล้านบาท การสืบสวนเส้นทางการเงินยังพบว่ามีการโอนผ่านไปยังเจ้าหน้าที่กัมพูชา ซึ่งจะต้องนำไปขยายผลตรวจสอบว่ามีการอ้างชื่อ มีการใช้บัญชีม้า หรือเป็นตัวจริงหรือไม่ อย่างไร ทั้งนี้ หลังจากเส้นเงินโอนผ่านไปยังเจ้าหน้าที่กัมพูชาแล้ว บางส่วนก็มีการวนกลับมายังบุคคลไทยอีกจำนวนหนึ่ง ประมาณร้อยล้านบาทที่วนกลับมาซึ่งต้องไปขยายผลต่อไป
สำหรับจุดเป้าหมายที่ตรวจค้นในวันนี้ซึ่งเป็นสำนักงานพบว่ามีเจ้าของเป็นคนไทย และทำธุรกิจโดยคนไทย แต่มีผลประโยชน์ทั้งฝ่ายไทยและฝ่ายกัมพูชา ส่วนการแบ่งหน้าที่กันทำ โดยเฉพาะในส่วนการเรียกหักค่าหัวคิวแรงงาน 2,500 บาทต่อรายนั้น พบว่ามีบุคคลที่คอยชี้บอกว่าจะต้องจ่ายเงินส่วนต่างจำนวนดังกล่าวผ่านบัญชีตามที่กำหนด ซึ่งพบบัญชีที่ผ่านไปยังเจ้าหน้าที่ของกัมพูชา เบื้องต้นพบว่าบุคคลที่อยู่ในขบวนการเครือข่ายนี้มีประมาณมากกว่า 10 ราย กระจายในพื้นที่กรุงเทพมหานครและปริมณฑล
อธิบดีดีเอสไอ กล่าวอีกว่า บัญชีม้าที่พบ มีทั้งคนต่างด้าวและคนไทย ก็ต้องไปพิสูจน์ทราบต่อไป ส่วนประเด็นที่ปรากฏว่ามีเจ้าหน้าที่กัมพูชาเข้ามาเกี่ยวข้องกับขบวนการรีดค่าหัวคิวนั้น ในข้อมูลการสืบสวนเป็นเจ้าหน้าที่ระดับสูง ส่วนเส้นทางการเงินของเจ้าหน้าที่กัมพูชาระดับสูงที่โอนเงินมายังคนไทย ซึ่งไม่ใช่เจ้าหน้าที่ เเต่เป็นบุคคลหรือเอกชน ซึ่งก็อาจจะเป็นตัวแทนหรือนอมินีก็ได้ เบื้องต้นพบเป็นเจ้าหน้าที่กัมพูชาประมาณ 2-3 ราย ขณะที่มูลค่าเงินที่มีการโอนจากฝั่งไทยไปยังเจ้าหน้าที่กัมพูชา ประมาณ 100 ล้านบาท
เมื่อถามว่าขอบเขตการรับผิดชอบดังกล่าวจะอยู่ที่กระทรวงแรงงานไทยและกระทรวงแรงงานกัมพูชา ใช่หรือไม่นั้น พ.ต.ต.ยุทธนา ยอมรับว่าใช่ แต่ก็ต้องมีหลักฐานชัดเจนก่อนว่าเป็นเจ้าหน้าที่รัฐหรือไม่ แต่ปฎิเสธไม่ได้ว่าเนื้อหาลักษณะของงานอยู่ในความรับผิดชอบของกระทรวงแรงงาน ส่วนจะเป็นเจ้าที่ภายในกระทรวงแรงงานด้วยหรือไม่นั้น ต้องขยายผลต่อไป
ต่อข้อถามว่ากลุ่มเจ้าหน้าที่ระดับใดของกระทรวงแรงงานที่จะมีส่วนเกี่ยวข้องกับการออกใบอนุญาตการต่ออายุของแรงงานต่างด้าว พ.ต.ต.ยุทธนา ระบุว่า มีตั้งแต่ระดับปฏิบัติงานจนถึงผู้ที่สามารถอนุมัติได้. -119-สำนักข่าวไทย