โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

การเมือง

โปรดเกล้าฯ พระราชกฤษฎีกาพระราชทานอภัยโทษ พ.ศ.2568

เดลินิวส์

อัพเดต 5 ชั่วโมงที่ผ่านมา • เผยแพร่ 12 ชั่วโมงที่ผ่านมา • เดลินิวส์
โปรดเกล้าฯ พระราชกฤษฎีกาพระราชทานอภัยโทษ พ.ศ.2568 ในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา 28 ก.ค.2568

เมื่อวันที่ 29 ก.ค. ราชกิจจานุเบกษาเผยแพร่พระราชกฤษฎีกาพระราชทานอภัยโทษ พ.ศ.2568 โดยระบุว่า พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดีศรีสินทรมหาวชิราลงกรณ พระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว ให้ไว้ ณ วันที่ 24 กรกฎาคม พ.ศ. 2568 เป็นปีที่ 10 ในรัชกาลปัจจุบัน

พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดีศรีสินทรมหาวชิราลงกรณ พระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ ให้ประกาศว่า โดยที่ทรงพระราชดำริเห็นว่า ในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา 28 กรกฎาคม 2568 เพื่อเป็นการแสดงพระมหากรุณาธิคุณในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว สมควรพระราชทานอภัยโทษแก่ผู้ต้องราชทัณฑ์ เพื่อให้โอกาสแก่บุคคลเหล่านั้นกลับประพฤติตนเป็นพลเมืองดีอันจะเป็นคุณประโยชน์แก่ประเทศชาติสืบไป

อาศัยอำนาจตามความในมาตรา 175 และมาตรา 179 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย และมาตรา 261 ทวิ วรรคสอง แห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา (ฉบับที่ 9) พ.ศ.2517 จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ตราพระราชกฤษฎีกาขึ้นไว้ ดังต่อไปนี้

มาตรา 1 พระราชกฤษฎีกานี้เรียกว่า พระราชกฤษฎีกาพระราชทานอภัยโทษ พ.ศ.2568

มาตรา 2 พระราชกฤษฎีกานี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจาบุกษา เป็นต้นไป

มาตรา 3 ในพระราชกฤษฎีกานี้ “ผู้ต้องกักขัง” หมายความว่า ผู้ต้องโทษกักขังแทนโทษจำคุกหรือผู้ถูกกักขังแทนค่าปรับซึ่งมีคำพิพากษาหรือคำสั่งของศาลถึงที่สุดก่อนหรือในวันที่พระราชกฤษฎีกานี้ใช้บังคับ

“ผู้ทำงานบริการสังคมหรือทำงานสาธารณประโยชน์แทนค่าปรับ” ซึ่งศาลมีคำสั่งอนุญาตให้ทำงานบริการสังคมหรือทำงานสาธารณประโยชน์แทนค่าปรับตามมาตรา 30/1 แห่งประมวลกฎหมายอาญา ก่อนหรือในวันที่พระราชกฤษฎีกานี้ใช้บังคับ โดยผู้นั้นได้ปฏิบัติตามคำสั่งศาลและมิได้กระทำผิดเงื่อนไข

“ผู้ได้รับการปล่อยตัวคุมประพฤติ” หมายความว่า นักโทษเด็ดขาดซึ่งเป็นผู้ได้รับการพักการลงโทษตามกฎหมายว่าด้วยราชทัณฑ์หรือกฎหมายว่าด้วยเรือนจำทหาร หรือได้รับการลดวันต้องโทษจำคุกตามกฎหมายว่าด้วยราชทัณฑ์ ซึ่งมิได้ปฏิบัติผิดเงื่อนไขแห่งการพักการลงโทษ หรือการลดวันต้องโทษจำคุกก่อนหรือในวันที่พระราชกฤษฎีกานี้ใช้บังคับ

“นักโทษเด็ดขาด” หมายความว่า ผู้ซึ่งในวันที่พระราชกฤษฎีกานี้ใช้บังคับเป็นนักโทษเด็ดขาดตามกฎหมายว่าด้วยราชทัณฑ์หรือนักโทษตามกฎหมายว่าด้วยเรือนจำทหาร

“ผู้กระทำความผิดซ้ำ” หมายความว่า นักโทษเด็ดขาดซึ่งเคยต้องโทษจำคุกและพ้นโทษแล้วกลับมากระทำความผิดอีกภายใน 5 ปีนับแต่วันที่พ้นโทษจำคุกคราวก่อน โดยความผิดทั้ง 2 คราวไม่ใช่ความผิดที่กระทำโดยประมาทหรือความผิดลหุโทษ

“กำหนดโทษ” หมายความว่า กำหนดโทษที่ศาลได้กำหนดไว้ในคำพิพากษาและระบุไว้ในหมายแจ้งโทษเมื่อคดีถึงที่สุด หรือกำหนดโทษตามคำสั่งที่ชอบด้วยกฎหมายให้ลงโทษ หรือกำหนดโทษดังกล่าวที่ได้ลดโทษลงแล้วโดยการได้รับพระราชทานอภัยโทษหรือโดยเหตุอื่น

“ต้องโทษจำคุกเป็นครั้งแรก” หมายความว่า ต้องโทษเพราะถูกศาลพิพากษาให้ลงโทษจำคุกไม่ว่าในกรณีความผิดคดีเดียวหรือหลายคดี โดยมิได้ถูกศาลพิพากษาให้เพิ่มโทษฐานกระทำความผิดอีกตามมาตรา 92 หรือมาตรา 93 แห่งประมวลกฎหมายอาญา หรือตามกฎหมายอื่น และไม่เป็นผู้กระทำความผิดซ้ำ

มาตรา 4 ผู้ซึ่งจะได้รับพระราชทานอภัยโทษตามพระราชกฤษฎีกานี้ ต้องมีตัวอยู่ในความควบคุมของทางราชการ หรือถูกกักขังไว้ในสถานที่หรือที่อาศัยที่ศาลหรือทางราชการกำหนดในวันที่พระราชกฤษฎีกานี้ใช้บังคับติดต่อกันไปจนถึงวันที่ศาลออกหมายสั่งปล่อยหรือลดโทษ หรือนายกรัฐมนตรีมีคำสั่งปล่อยหรือลดโทษตามที่บัญญัติไว้ในพระราชกฤษฎีกานี้ เว้นแต่ผู้ทำงานบริการสังคมหรือทำงานสาธารณประโยชน์แทนค่าปรับ และผู้ได้รับการปล่อยตัวคุมประพฤติ

มาตรา 5 ภายใต้บังคับมาตรา 6 และมาตรา 18 นักโทษเด็ดขาดซึ่งจะได้รับพระราชทานอภัยโทษตามพระราชกฤษฎีกานี้ ไม่ว่าในกรณีความผิดคดีเดียวหรือหลายคดี จะต้องได้รับโทษจำคุกมาแล้วถึงวันที่พระราชกฤษฎีกานี้ใช้บังคับไม่น้อยกว่า 1 ใน 3 ของกำหนดโทษตามคำพิพากษาถึงที่สุดหรือไม่น้อยกว่า 8 ปี แล้วแต่ระยะเวลาใดจะเป็นคุณมากกว่า ในกรณีต้องโทษจำคุกหลายคดี ให้ถือเอากำหนดโทษในคดีที่มีโทษสูงที่สุดเป็นเกณฑ์ในการพิจารณา

มาตรา 6 ผู้ต้องโทษดังต่อไปนี้ ให้ได้รับพระราชทานอภัยโทษปล่อยตัวไป
(1) ผู้ต้องกักขัง
(2) ผู้ทำงานบริการสังคมหรือทำงานสาธารณประโยชน์แทนค่าปรับ

กรณีผู้ต้องกักขังตาม (1) ซึ่งเป็นนักโทษเด็ดขาด และยังไม่ได้รับโทษกักขังแทนโทษจำคุกหรือยังไม่ได้ถูกกักขังแทนค่าปรับ ให้ผู้ต้องกักขังนั้นได้รับพระราชทานอภัยโทษปล่อยตัวไป ในส่วนของโทษกักขังแทนโทษจำคุกหรือในส่วนของการกักขังแทนค่าปรับ แล้วแต่กรณี

มาตรา 7 ผู้ได้รับการปล่อยตัวคุมประพฤติให้ได้รับพระราชทานอภัยโทษลดโทษลง 1 ใน 3 จากกำหนดโทษที่ยังเหลืออยู่นับแต่วันที่ได้รับการปล่อยตัวคุมประพฤติ เว้นแต่ผู้ได้รับการปล่อยตัวคุมประพฤติเป็นผู้มีลักษณะอย่างหนึ่งอย่างใดตามมาตรา 8 ให้ได้รับพระราชทานอภัยโทษปล่อยตัวไป

อ่านฉบับเต็มได้ที่ https://ratchakitcha.soc.go.th/documents/80356.pdf

ดูข่าวต้นฉบับ
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...

ล่าสุดจาก เดลินิวส์

“นฤมล” นอนไม่หลับ! สะเทือนใจ ครู-นร.ชายแดน รับผลกระทบเหตุปะทะไทย-กัมพูชา

37 นาทีที่แล้ว

ค่าเงินบาท 32.38-32.40 บาท จับตาเจรจาภาษีทรัมป์ การสู้รบชายแดนไทย-กัมพูชา

40 นาทีที่แล้ว

รร.วัดทุ่งคอก รวมพลังทำความดี Big Cleaning Day ถวายในหลวง

43 นาทีที่แล้ว

‘โฆษกทบ.’ เชื่อไร้นัย ‘มาเลเซีย’ ส่งผู้สังเกตการณ์ลงกัมพูชาก่อนไทย

45 นาทีที่แล้ว

วิดีโอแนะนำ

ข่าวและบทความการเมืองอื่น ๆ

หมอผีเขมร ทำพิธีกรรมประหลาด เล็งเป้าแม่ทัพภาคที่ 2

สยามนิวส์

โรม ขออภัย สหัสวัตโพสต์เดือด ย้ำจุดยืนปชน.หนุนทหารป้องประเทศ แต่เรื่องที่แย่ก็ต้องปรับปรุง

MATICHON ONLINE

มติ 5:4 ขยายเวลาครั้งสุดท้าย! ให้อุ๊งอิ๊งแจงคลิปลุงฮุน

ไทยโพสต์

‘มาริษ’ เผย ‘รมว.กต.เวียดนาม’ ห่วงเหตุปะทะชายแดน ขอบคุณที่เข้าใจท่าที

The Bangkok Insight

โรม ขออภัย ปม‘สหัสวัต’โพสต์จวกกองทัพ ย้ำจุดยืน ปชน. หนุนทหารปกป้องประเทศ

Khaosod

มติศาลรธน. 5 ต่อ 4 ยืดเวลา”นายกฯอิ๊งค์” ชี้แจงคลิปเสียง”ฮุนเซน”

INN News

ข่าวและบทความยอดนิยม