"แม่ทัพภาคที่ 2" โชว์ลูกคอร้องเพลง "มนต์แคน" สุดเพราะ สมฉายาแม่ทัพมนต์แคน
3 ก.ค. 2568 เวลา 20.30 น . ที่บริเวณลานอัฐศิลป์ มหาวิทยาลัยมหาสารคาม องค์การนิสิต ร่วมกับ สโมสรนิสิตมหาวิทยาลัยมหาสารคาม (มมส) จัดพิธีบายศรีสู่ขวัญนิสิตใหม่ รุ่น "มฤคมาศ 13" ประจำปีการศึกษา 2568 อย่างยิ่งใหญ่ เพื่อความเป็นสิริมงคล สร้างขวัญและกำลังใจแก่นิสิตใหม่ พร้อมทั้งส่งเสริมการเรียนรู้วิถีวัฒนธรรมและประเพณีอันดีงามของชาวอีสาน
โดยมี รองศาสตราจารย์ ดร.ประยุกต์ ศรีวิไล อธิการบดีมหาวิทยาลัยมหาสารคาม ให้เกียรติเป็นประธานในพิธีและกล่าวเปิดงาน พิธีบายศรีสู่ขวัญในครั้งนี้ ได้รับเกียรติจากศิลปินแห่งชาติผู้ทรงคุณวุฒิ มาร่วมสร้างสรรค์บรรยากาศและประกอบพิธีอันศักดิ์สิทธิ์ โดย ดร.ฉวีวรรณ พันธุ (ฉวีวรรณ ดำเนิน) ศิลปินแห่งชาติ สาขาศิลปะการแสดง (หมอลำ) ประจำปี 2536 ได้ขับกลอนลำต้อนรับนิสิตใหม่
ขณะที่ คุณพ่อฉลาด ส่งเสริม (ป.ฉลาดน้อย) ศิลปินแห่งชาติ สาขาศิลปะการแสดง (หมอลำ) ประจำปี พ.ศ. 2548 ได้รับหน้าที่เป็นหมอพราหมณ์ ประกอบพิธีบายศรีสู่ขวัญอย่างสมบูรณ์แบบ
นอกจากนี้ พลโท บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 ยังให้เกียรติมาร่วมต้อนรับ และผูกข้อมือรับขวัญนิสิตใหม่มหาวิทยาลัยมหาสารคามอีกด้วย นายธงชัย เฉิดพันธ์ นายกองค์การนิสิตและประธานคณะกรรมการดำเนินงานฯ เปิดเผยว่า พิธีบายศรีสู่ขวัญจัดขึ้นเพื่อความเป็นสิริมงคลแก่นิสิตใหม่ ให้มีขวัญและกำลังใจที่ดี ในการดำเนินชีวิตและการศึกษาเล่าเรียนภายในมหาวิทยาลัย ตลอดจนสร้างความสัมพันธ์อันดีระหว่างนิสิตใหม่ นิสิตรุ่นพี่ คณาจารย์ และบุคลากร
“เราต้องการให้นิสิตใหม่ได้เรียนรู้วิถีวัฒนธรรม ประเพณีบายศรีสู่ขวัญ และร่วมสืบสานขนบธรรมเนียมประเพณีอันดีงามของชาวอีสาน อีกทั้งยังเป็นการเปิดโอกาสให้นิสิตได้สัมผัสกับประเพณีและวัฒนธรรมผ่านงานด้านพิธีกรรม ดนตรี และนาฏกรรมอย่างใกล้ชิด" โดยมีนิสิตจากทุกคณะและวิทยาลัยเข้าร่วมโครงการรวมกว่า 5,000 คน ภายในงานมีการแสดงการขับกลอนลำต้อนรับนิสิตใหม่โดย ดร.ฉวีวรรณ พันธุ ศิลปินแห่งชาติ
จากนั้นได้มีการจัดขบวนพิธีอัญเชิญสิ่งศักดิ์สิทธิ์ประจำมหาวิทยาลัยมหาสารคามอย่างยิ่งใหญ่ ประกอบด้วย ริ้วขบวนนางฟ้อน นางรำ, ริ้วขบวนอัญเชิญตราโรจนากร, ริ้วขบวนเชิญธงมหาวิทยาลัย, ธงของทั้ง 17 คณะและ 2 วิทยาลัย, ริ้วขบวนอัญเชิญพระพุทธกันทรวิชัย อภิสมัยธรรมนายก และริ้วขบวนอัญเชิญพานบายศรีสู่ขวัญจากทั้ง 17 คณะและ 2 วิทยาลัย เคลื่อนเข้าสู่บริเวณพิธีอย่างสง่างาม
พร้อมกันนี้ยังมีการแสดงชุด "ฟ้อนบายศรีสู่ขวัญ" โดยนิสิตจากภาควิชาศิลปะการแสดง คณะศิลปกรรมศาสตร์และวัฒนธรรมศาสตร์ ซึ่งสะท้อนถึงความงดงามของศิลปะและวัฒนธรรมอีสาน หลังจากนั้น อธิการบดีมหาวิทยาลัยมหาสารคาม ประธานในพิธี ได้จุดธูปเทียนบูชาพระพุทธกันทรวิชัย อภิสมัยธรรมนายก และจุดเทียนชัยยอดบายศรีสู่ขวัญเพื่อความเป็นสิริมงคล ศิษย์เก่าและศิษย์ปัจจุบันของมหาวิทยาลัยมหาสารคาม มาร่วมสร้างความบันเทิงและมอบความสุขให้กับน้องใหม่ด้วยบรรยากาศที่อบอุ่น
โดยไฮไลท์สำคัญของงานนี้ คือ การปรากฏตัวของท่านแม่ทัพภาคที่ 2 ที่มาร่วมกล่าวต้อนรับนิสิต พร้อมกล่าวว่า ดีใจที่ได้มาพบปะกับน้อง ๆ เยาวชน คนรุ่นใหม่ ซึ่งมหาวิทยาลัยมหาสารคาม ถือเป็นมหาวิทยาลัยลำดับต้น ๆ ของประเทศไทย รู้สึกดีใจ ตนเองเป็นคนอีสานโดยกำเนิด ดีใจที่ได้มาพบปะทุกคน ก่อนอื่นในนามของคุณลุงแม่ทัพ และข้าราชารทหาร ต้องขอชื่นชมและแสดงความยินดีที่น้อง ๆ ปี 1 มฤคมาศ 13 ทุกคนที่สามารถสอบผ่านเข้ามาในรั้วมหาวิทยาลัยที่มีชื่อเสียงแห่งนี้ ต้องขอแสดงความยินดีด้วย
น้องๆ อาจจะได้เห็นลุงแม่ทัพบ่อย ๆ ในทีวี บางส่วนก็เป็นเรื่องจริง บางส่วนก็เป็นเรื่องไม่จริง แต่ที่แน่ๆ คือ ทำเพื่อประเทศชาติ เพื่อแผ่นดินของเราทั้งหมด วันนี้ก็เป็นอีกครั้งหนึ่งที่ลุงแม่ทัพอีกไม่กี่เดือนก็เกษียณอายุราชการ ขอฝากน้องๆ ไว้ว่าพวกเราจะต้อง เป็นหนึ่งแรง เป็นหนึ่งเสียงที่จะต้องดูแลประเทศชาติเราต่อไป ขอให้พวกเรามีอุดมการณ์ มีความคิด เป็นคนดีของแผ่นดิน เป็นคนดีของมหาวิทยาลัยมหาสารคาม เป็นที่มุ่งหวังของพี่ๆ ว่าน้องรุ่นใหม่เราจะต้องเป็นคนดี และเสียสละเพื่อประเทศชาติบ้านเมือง
เมื่อถึงเวลาหนึ่งประเทศไทยต้องการความรัก ความสามัคคี ของคนในชาติ ความเป็นหนึ่งเดียว ไม่มีหลายสี ไม่มีสีอื่น สีธงชาติไทยเท่านั้น ขอให้น้องๆ ได้เป็นหนึ่งแรงของคนรุ่นใหม่ที่จะช่วยกันเชิดชูเกียรติของประเทศไทย และศักดิ์ศรีของชาติ นั่นก็คือศักดิ์ศรีของมหาวิทยาลัยมหาสารคามของเราด้วย ลุงแม่ทัพเองก็มั่นใจว่าน้องๆ ทุกคนสามารถทำได้ดี และเป็นเยาวชนคนรุ่นใหม่ที่จะช่วยกันดูแลแผ่นดินของพวกเรา ให้อยู่มั่นคงสถาพรชั่วลูกชั่วหลานตราบนานเท่านาน
โดยท่านแม่ทัพได้ร่วมผูกแขนนิสิตน้องใหม่ เพื่อความเป็นสิริมงคล ก่อนที่เดินทักทายนิสิต โดยมีนิสิต คณาจารย์ และเจ้าหน้าที่มาร่วมขอถ่ายรูป และเซลฟี่เป็นที่ระลึกจำนวนมาก ซึ่งท่านแม่ทัพก็ยิ้มแย้ม และร่วมถ่ายภาพอย่างเป็นกันเองกับนิสิต ก่อนที่จะเข้าสู่ช่วงคำถามที่นิสิตน้องใหม่ อยากจะถามกับท่านแม่ทัพ ซึ่งเปิดโอกาสให้ถามได้ในทุกคำถาม โดยท่านแม่ทัพพูดทั้งภาษากลางและภาษาอีสาน คำถามแรกถามว่า
ปราสาทที่เป็นประเด็นอยู่ตอนนี้ เป็นของใครกันแน่?
ซึ่งท่านแม่ทัพก็ตอบทันทีว่า ปราสาทเป็นของไทย คนอื่นไม่รู้ แต่ทหารไทยไม่ยอม ถ้ามาก็ตามที่เป็นข่าว ตามนั้น นิสิตต่างก็ปรบมือโห่ร้อง โดยแม่ทัพได้พูดถึงมหาวิทยาลัยฯ ว่า ได้ทราบจากท่านอธิการว่า นิสิตส่วนใหญ่ ก็เป็นคนอีสานถึง 95% ส่วนอีก 5 % มาจากภาคอื่น ก็ยินดีต้อนรับ มีอะไรก็ให้ช่วยเหลือเกื้อกูลกัน อย่าทิ้งเพื่อน ให้ดูแลเพื่อนที่มีฐานะยากจน เพื่อนที่มีปัญหา ขอให้พวกเราช่วยดูเพื่อน
ฝากอธิการช่วยดูลูกหลาน บางครั้งคนเราเลือกเกิดไม่ได้ แต่เลือกที่จะทำความดี ทำประโยชน์ต่อประเทศชาติได้ มุ่งไปตามฝันตัวเองให้ได้ และมีนิสิตคนนึง อยากจะให้ท่านแม่ทัพ ร้องเพลงให้ฟังสักหนึ่งบทเพลง เพราะมีฉายาว่าแม่ทัพมนต์แคน ท่านแม่ทัพก็เลยร้องให้ฟัง 1 ท่อน โดยแม่ทัพร้องเพลง "คิดฮอดทุกคน แล้วก็บอกว่าพอแล้ว กลัวว่าทางฝั่งนั้นจะตัดเสียงไปลงติ๊กต่อก
คนต่อมา มีคำถามว่าในฐานะที่เป็นนิสิตที่มาจากทางจังหวัดอำนาจเจริญ อุบลราชธานี ซึ่งเป็นพื้นที่มีข้อพิพาท จึงอยากจะถามท่านแม่ทัพว่า ถ้าหากมีการยกระดับเกิดการปะทะขึ้นมาจริง ๆ แสนยานุภาพของกองทัพ พร้อมหรือไม่ ท่านแม่ทัพก็ตอบว่า เฮาเตรียมการไว้เบิ่ดแล้ว ฝากไปบอกพ่อแม่ญาติพี่น้องให้นอนหลับให้สบาย เบิ่งคลิปแม่ทัพที่บ้านได้เลย เอฟซีแม่ทัพมีแต่คนอายุ 70 ปีขึ้นไป บางคนมาขอถ่ายรูปหน้าจอก็มองไม่เห็น บางคนก็กลับหน้ากล้องไม่เป็น น่ารักจะตาย ทางกองทัพเตรียมการไว้แล้ว ทางนั้นเขาไม่กล้าหรอก หากเกิดอะไรขึ้นทุกอย่างจะจบภายใน 3 วัน ไม่มีปัญหา ปลอดภัยแน่นอน
และคนสุดท้าย ถามว่าทางกองทัพมีการเตรียมเสบียงอาหารไว้เพียงพอหรือไม่ หากเกิดการปะทะ ซึ่งทางแม่ทัพก็ตอบว่าได้เตรียมไว้พร้อมแล้ว มีการจัดระบบอย่างดี ไม่มีขาดแคลน และต้องขอบคุณที่พี่น้องประชาชน ส่งเสบียงขึ้นไปให้ ก็ถือเป็นการเสริมกำลังใจให้กัน ซึ่งก่อนที่จะลงจากเวที น้องนิสิตได้สวมกอดกับท่านแม่ทัพ ขอเป็นกำลังใจให้กับแม่ทัพ โดยท่านแม่ทัพก็ตอบว่ากอดเฉย ๆ เด้อ ก่อนที่จะมีเสียงขึ้นว่าขออนุญาตนะครับ และหอมแก้มแม่ทัพไป 1 ฟอดใหญ่ สร้างเสียงหัวเราะ และความสุขให้กับนิสิตเป็นอย่างมาก