มทภ.2 ขออย่าตื่นตระหนกเหตุ นทท.เขมร ชี้หน้าให้ทหารไทยออกนอกปราสาทตาเมือนธม
มทภ.2 ขออย่าตื่นตระหนกเหตุ นทท.เขมร ชี้หน้าให้ทหารไทยออกนอกปราสาทตาเมือนธม อ้างเป็นเขตเขมร ก่อน ทหารเขมรยกโขยงขึ้นมา 60 คน โต้เถียงกับทหารไทย จนได้ยินว่าจะมีการตั้งอาวุธปืนที่บริเวณดังกล่าว ทหารไทยจึงได้ให้นนท.ไทยออกนอกพื้นที่ สุดท้ายช่วยประสานพูดคุยเจรจากันรู้เรื่องทั้งสองฝ่ายแยกย้าย
วันที่ 15 ก.ย.68 รายงานข่าวจากหน่วยความมั่นคงในพื้นที่ปราสาทตาเมือนธม จ.สุรินทร์ ได้มีนักท่องเที่ยวของกัมพูชา(ญ 1 คน) นั่งเฝ้ามองกำลังพลทหารของฝ่ายไทยบริเวณต้นขี้เหล็กบริเวณบันไดทางขึ้นปราสาทตาเมือนธม
จากนั้นได้ตำหนิฝ่ายไทยว่ามายืนในดินแดนของประเทศกัมพูชาทำไม และไล่ทหารไทย ให้ขึ้นไปข้างบนตัวปราสาทตาเมือนธม
พร้อมกับชี้หน้าทหารไทยและใช้คำพูดที่หยาบคาย ทหารไทยจึงใช้คำพูดอธิบายให้นักท่องเที่ยวฟังแต่ฝ่ายนักท่องเที่ยวชาวกัมพูชาไม่ฟัง และได้นำกำลังทหารจำนวนประมาณ 60 นาย มาบริเวณทางขึ้นปราสาทตาเมือนธม(บันได)
ก่อนเริ่มมีปากเสียงทะเลาะกันของทหารทั้ง 2 ฝ่าย และได้ยินเสียงว่า ให้หลบไปจะทำการตั้งปืน ทหารไทยจึงได้รีบให้นักท่องเที่ยวออกจากปราสาทและออกจากพื้นที่โดยเร็วที่สุดเพื่อความปลอดภัย
จากนั้นอีก 10 นาที ได้มีการพูดคุยกันของทั้ง2ประเทศ โดยฝ่ายกัมพูชา พ.ต.กง รุน รอง.ผบ.พัน.ร.422 และ ฝ่ายไทย มี พ.ท. จักรกฤษ ปิยะศุภฤกษ์ ผบ.พัน.ร.21 และ ร.อ.ภัทรกร กลั่นการดี ผบ.ร้อย.ร.211 พูดคุย และตกลงกันให้กลับสู่สภาวะปกติ และให้ลดการกระทบกระทั่งของนักท่องเที่ยวของทั้ง2 ประเทศ
ทั้งนี้พล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 กล่าวว่า ตนได้รับรายงานในเบื้องต้นแล้ว ขอยืนยันว่าสถานการณ์ยังปกติ ไม่มีเหตุการณ์ที่น่ากังวล ใดๆเกิดขึ้น ทั้งนี้ขอให้พี่น้องประชาชน อย่าได้ตื่นตระหนกกับเหตุการณ์ดังกล่าว โดยทางเจ้าที่ทหารฝ่ายไทยและฝ่ายกัมพูชาได้พูดคุยกันเรียบร้อยเป็นที่เข้าใจ
ด้าน พล.ต.วินธัย สุวารี โฆษกกองบัญชาการกองทัพบก ได้ชี้แจงถึงกรณีดังกล่าว ว่า ทางกองทัพบกได้ตรวจสอบเบื้องต้นพบว่า นักท่องเที่ยวชาวกัมพูชาที่ขึ้นมาเที่ยวชมปราสาทและเจ้าหน้าที่ทหารไทยชุดประสานงาน มีการถกเถียงกันโดยใช้เสียงดังผิดปกติ จนเป็นเหตุให้นักท่องเที่ยวรายอื่นเกิดความแตกตื่น ทำให้เจ้าหน้าที่ทหารทั้งสองฝ่ายรีบเข้าระงับเหตุ และได้มีการไกล่เกลี่ยทำความเข้าใจกับคู่กรณีดังกล่าว ซึ่งไม่ได้เกิดเหตุรุนแรงแต่อย่างใด
ทั้งนี้ รายละเอียดเพิ่มเติมอยู่ระหว่างการตรวจสอบข้อเท็จจริงโดยหน่วยทหารในพื้นที่ หากมีความคืบหน้าจะรายงานให้ทราบต่อไป