หน่วยงาน 3 ป. แถลงปฏิบัติการจับกุม “สีกากอล์ฟ” จ่อขยายผลเส้นเงิน
สำนักข่าวไทย Online
อัพเดต 16 กรกฎาคม 2568 เวลา 4.58 น. • เผยแพร่ 7 ชั่วโมงที่ผ่านมา • สำนักข่าวไทย อสมทบก.ป. 15 ก.ค.- ตำรวจแถลงปฏิบัติการจับกุม “สีกากอล์ฟ” ตรวจสอบเงินในบัญชี 3 ปีย้อนหลัง พบมีเงินหมุนเวียน 385 ล้านบาท ส่วนใหญ่โอนไปเว็บพนัน เหลือเงินในบัญชี 8,000 บาท ขณะที่พระผิดธรรมวินัยทยอยลาสิกขาแล้ว 9 รูป จากทั้งหมด 13 รูป
พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รอง ผบช.ก. พร้อมด้วยนายภูมิวิศาล เกษมสุข เลขาธิการคณะกรรมการ ป.ป.ท., พ.ต.ท.สิริพงษ์ ศรีตุลา ผู้ช่วยเลขาธิการคณะกรรมการ ป.ป.ท., นายกมลสิษฐ์ วงศ์บุตรน้อย รองเลขาธิการคณะกรรมการ ปปง., นายสุขสันต์ ประสาระเอ ผู้อำนวยการสำนักสืบสวนและกิจการพิเศษ สำนักงานคณะกรรมการ ป.ป.ช., พล.ต.ต.ประสงค์ เฉลิมพันธ์ ผบก.ปปป., พล.ต.ต.วิทยา ศรีประเสริฐภาพ ผบก.ป., พ.ต.อ.เอนก เตาสุภาพ รอง ผบก.ป. ตำรวจกองบังคับการป้องกันปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ (บก.ปปป.) ร่วมกับ ป.ป.ท. และ ปปง. แถลงผลการปฏิบัติการ บุกจับ น.ส.วิลาวัลย์ หรือ สีกากอล์ฟ ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง ที่ จ.66/2567 ลง 15 ก.ค.68 คาบ้านพักย่าน ต.บางพลับ อ.ปากเกร็ด จ.นนทบุรี ตามหมายจับ 3 ข้อหาหนัก สนับสนุนเจ้าพนักงานปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ-รับของโจร-ฟอกเงิน และแจ้งข้อกล่าวหา นายสมพงษ์ อดีตเจ้าอาวาสวัดชูจิตธรรมาราม โดยกล่าวหาว่า “เจ้าพนักงาน มีหน้าที่ซื้อ ทำ จัดการหรือรักษาทรัพย์ใด เบียดบังทรัพย์นั้นเป็นของตน หรือเป็นของผู้อื่นโดยทุจริต หรือโดยทุจริต ยอมให้ผู้อื่นเอาทรัพย์นั้นเสีย, เป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบเพื่อให้เกิดความเสียหาย แก่ผู้หนึ่งผู้ใด หรือปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต และเป็นเจ้าพนักงานของรัฐปฏิบัติหรือละเว้น การปฏิบัติอย่างใดในตำแหน่งหรือหน้าที่ หรือใช้อำนาจในตำแหน่งหรือหน้าที่โดยมิชอบเพื่อให้เกิดความเสียหาย แก่ผู้หนึ่งผู้ใดหรือปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต”
พฤติการณ์ นายสุรชัย ผู้กล่าวหา ได้รับมอบอำนาจจากวัดชูจิตธรรมาราม จ.พระนครศรีอยุธยา โดยพระเทพวชิรกิตติ (กิตติชัย จันทร์วิเศษ) ในฐานะผู้รักษาการแทนเจ้าอาวาส ให้ร้องทุกข์กล่าวโทษดำเนินคดีกับ พระเทพพัชราภรณ์ หรือนายสมพงษ์ อดีตเจ้าอาวาสวัดชูจิตธรรมาราม และบุคคลอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง กรณีจากการสืบสวนทราบว่า น.ส.วิลาวัลย์ หรือสีกากอล์ฟ รับโอนเงินจากพระเทพพัชราภรณ์ หรือนายสมพงษ์ อดีตเจ้าอาวาสวัดชูจิตธรรมาราม ซึ่งก่อนหน้านี้เจ้าพนักงานตำรวจ กก.2 บก.ปปป. ได้ทำการสืบสวนบันทึกถ้อยคำ พระเทพพัชราภรณ์ หรือนายสมพงษ์ ปรากฏข้อเท็จจริงว่า เมื่อวันที่ 16 ก.พ.67 มีการถอนเงินจากบัญชีวัดชูจิตธรรมาราม จำนวน 380,000 บาท แล้วนำเงินจำนวนดังกล่าวฝากเข้าบัญชีธนาคารชื่อบัญชีพระเทพพัชราภรณ์ จากนั้นในวันเดียวกันได้โอนเงินจำนวนดังกล่าวต่อไปยังบัญชีธนาคารชื่อบัญชี น.ส.วิลาวัลย์ โดย น.ส.วิลาวัลย์ หรือสีกากอล์ฟ รู้ว่าเงินจำนวนดังกล่าวเป็นเงินของวัดชูจิตธรรมาราม แต่ยังแจ้งให้เจ้าอาวาสวัดชูจิตธรรมารามโอนเงินให้ พนักงานสอบสวนจึงรวบรวมพยานหลักฐานและแจ้งข้อกล่าวหาพระเทพพัชราภรณ์ หรือนายสมพงษ์ อดีตเจ้าอาวาสวัดชูจิตธรรมาราม ซึ่งเข้ามาพบเจ้าหน้าที่ตำรวจก่อนแล้ว และขอศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลางออกหมายจับ น.ส.วิลาวัลย์ หรือสีกากอล์ฟ กระทั่งต่อมา วันนี้ (15 ก.ค.) ตำรวจได้สนธิกำลังกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าจับกุมตัวผู้ต้องหามาดำเนินคดีตามกฎหมาย
พ.ต.ท.สิริพงษ์ กล่าวว่า วันนี้เป็นการแถลงข่าวนารีพิฆาต ปฏิบัติการนี้เป็นปฏิบัติการที่ทางทีมทำงานได้รับนโยบายมาจากผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติตั้งแต่วันที่ 18 มิถุนายนที่ผ่านมา และเริ่มที่จะสืบสวนนำไปสู่ภาพข่าวที่ได้เห็นคือการลาสิกขาของอดีตเจ้าอาวาสวัดตรีทศเทพวรวิหารและปรากฏชื่อของสีกากอล์ฟเข้ามา จากนั้นได้มีการเชิญตัวเข้ามาสอบสวนเมื่อวันที่ 4 กรกฎาคมที่ผ่านมา
นายภูมิวิศาล กล่าวว่า พระสงฆ์เป็นที่พึ่งของประชาชนมาตั้งแต่อดีตกาล พระบางรูปประพฤติผิดไม่ได้หมายความว่าเราจะต้องไปเสื่อมศรัทธา กฎหมายใดที่เป็นเรื่องล้าสมัยก็ถึงเวลาแล้วที่ต้องพัฒนาให้มีความยั่งยืน เราจะต้องศึกษาความผิดพลาดในอดีตมาแก้ไขปัจจุบันแล้ววางแผนแก้ไขในอนาคตว่าเหตุลักษณะนี้ไม่ควรจะต้องเกิดขึ้นอีกแล้ว ความผิดหรือกรณีวันนี้ที่เกิดขึ้นกระทบต่อความมั่นคง ศาสนาเป็นหนึ่งในเสาหลักของประเทศ การกระทำความผิดของกลุ่มคนบางกลุ่มคนทำให้สะเทือน ความผิดที่เกิดขึ้นที่กระทบต่อความรู้สึกความศรัทธาเป็นเพียงแค่กลุ่มๆ หนึ่งหรือปัจเจกบุคคลที่เกิดขึ้นอย่าไปเสื่อมศรัทธากับความดีของพระสงฆ์ที่ได้ทำกันมาเป็นร้อยเป็นพันปีแล้ว สิ่งที่เกิดขึ้นช่วยกันแก้ไข ช่วยกันฟื้นฟูเรียกศรัทธากลับคืนมาให้ได้ วันนี้เชื่อว่ายังมีเหยื่อที่ยังตกเป็นเหยื่อของสีกากอล์ฟอีกจำนวนหนึ่ง ขอให้ออกมาให้ข้อมูล สามารถแจ้งข้อมูลเข้ามาได้
พล.ต.ต.จรูญเกียรติ กล่าวว่า เรื่องนี้เป็นเรื่องที่ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ และผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง ได้ให้ความสำคัญเป็นอย่างมาก และให้ดำเนินการกับทุกคนที่เกี่ยวข้องในทุกข้อหาอย่างตรงไปตรงมา โดยเมื่อ 18 มิถุนายน ผบ.ตร.ให้ตรวจสอบว่ามีลักษณะของการกรรโชกทรัพย์อย่างอุกอาจ จึงประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้ง ป.ป.ช., ปปง., ป.ป.ท., บก.ป. ร่วมกันสืบสวนและดูเรื่องวินัยสงฆ์ เนื่องจากคลิปต่างๆ หากหลุดไปในสังคมจะก่อให้เกิดความเสียหายต่อสถาบันศาสนาเป็นอย่างมาก หลังจากได้รับข้อมูลมา 1 สัปดาห์ จะเห็นภาพว่ามีการขอเข้าพบเจ้าอาวาสวัดตรีทศเทพวรวิหารที่วัดแต่การนัดหมายในวันนั้นไม่บรรลุข้อตกลงโดยวันนั้นเจ้าอาวาสวัดตรีทศเทพวรวิหารยินยอมที่จะมาพบกับสำนักงานพระพุทธศาสนาก่อนจะหายตัวไป และไปประเทศลาวและกลับมาลาสิกขา
จากการตรวจสอบเบื้องต้นพบว่ามีการเรียกรับทรัพย์สินมีความสัมพันธ์กันตั้งแต่เดือนพฤษภาคม 2567 ก่อนจะห่างกันไป ต่อมามีการอ้างว่ามีลูกที่เกิดกับเจ้าคุณอาชว์และขอค่าเลี้ยงดู 2,700,000 บาท เป็นค่าเลี้ยงดูเดือนละ 30,000 บาท รวม 20 ปี ซึ่งทางเจ้าคุณอาชว์ไม่มีเงินที่จะจ่ายจึงตีตัวออกห่าง จากการตรวจสอบเส้นทางการเงินพบว่ามีเส้นทางการเงินเกี่ยวข้องกับอีกหลายวัดมากมาย จึงมีปฏิบัติการต่อบุกตรวจค้นเพื่อเอาโทรศัพท์มือถือ หรือโน๊ตบุ๊กหรือเอกสารต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง เมื่อนำโทรศัพท์มือถือมาตรวจสอบข้อมูลย้อนหลังพบว่ามีพระที่เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้จำนวนมาก มีคลิปและไลน์หลายอันที่ทำเพื่อกรรโชกทรัพย์ หรือแบล็คเมล์ พระที่ทยอยศึกเป็นจำนวนมากก็รู้ตัวว่ากระทำผิดวินัย ทั้งนี้เจ้าหน้าที่ไม่มีเจตนาที่จะทำลายพระพุทธศาสนา วันนี้เป็นจุดเริ่มต้นที่รัฐบาลและสำนักงานตำรวจแห่งชาติ รวมถึงหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะเอาจริงเอาจังกับเรื่องนี้ ไม่ว่าใครจะทำผิดวินัยหรือผิดอาญาจะไม่มีข้อยกเว้น จะสืบสวนพระทั่วประเทศ โดยวันที่ 17 กรกฎาคม เวลา 13.00 น. จะมีการประชุมเพื่อรวบรวมข้อมูลทั้งหมด นอกจากนี้ตำรวจสอบสวนกลางได้เปิดเฟซบุ๊กศูนย์ทำนุบำรุงพระพุทธศาสนาและส่งเสริมพระธรรมวินัย เพื่อรับแจ้งข้อมูลพระสงฆ์ที่ประพฤติตนไม่เหมาะสม
พล.ต.ต.ประสงค์ กล่าวว่า หลังจากเหตุวัดตรีทศเทพวรวิหารได้ทราบข้อเท็จจริงกันแล้ว ตัวผู้หญิงมีข้อมูลที่ก่อเหตุในพื้นที่ภาคเหนือในจังหวัดพิจิตร ตัวสีกาเดิมมีพฤติกรรมลักษณะแบบนี้ จึงมีการตรวจสอบเรื่องเส้นทางการเงิน จากนั้นมีการแกะข้อมูลและมีการเข้าค้นบ้านสีกากอล์ฟ พบว่ามีพระจำนวนมากที่เข้ามาเกี่ยวข้องจึงมีการแยกกลุ่มพระออกเป็น 3 กลุ่ม คือ กลุ่มที่ 1 เป็นกลุ่มที่สีกายอมรับว่ามีการร่วมประเวณี หรือเสพเมถุน จำนวน 9 รูป สึกไปแล้ว 8 รูป เหลือ 1 รูป คือเจ้าคณะจังหวัดพิษณุโลก ซึ่งพบว่ามีเส้นเงินโอนให้ตั้งแต่หลักพันไปถึงหลักสิบล้านบาท กลุ่มที่ 2 คือกลุ่มที่มีความสัมพันธ์ลักษณะเชิงชู้สาวจำนวน 3 รูป กลุ่มที่ 3 เป็นกลุ่มพระที่ประพฤติตนไม่เหมาะสมไม่สมควร ซึ่งกลุ่มนี้อยู่ระหว่างการพิจารณาว่ามีพระจำนวนเท่าใด วันนี้ตำรวจได้นำพยานหลักฐานที่ปรากฏของวัดชูจิตธรรมาราม พระอารามหลวง จ.พระนครศรีอยุธยา ที่เจ้าอาวาสนำเงินของวัดเข้าบัญชีตัวเองแล้วโอนให้สีกากอล์ฟไปจำนวนหนึ่งไปขอศาลออกหมายจับ จากการตรวจสอบเงินในบัญชีของสีกากอล์ฟ 3 ปีย้อนหลัง พบมีเงินหมุนเวียน 385 ล้านบาท โดยส่วนใหญ่พบโอนไปเว็บพนันสูงสุดครั้งละ 500,000 บาท และเหลือเงินในบัญชีจำนวน 8,000 บาท
พ.ต.อ.เอนก กล่าวว่า มีผู้เสียหายมาร้องทุกข์เอาผิดสีกากอล์ฟ 2 เรื่อง โดยเมื่อวันที่ 13 กรกฎาคม มีอดีตผู้อำนวยการสำนักพระพุทธศาสนาจังหวัดพิจิตรมาร้องทุกข์ความผิดเกี่ยวกับการฉ้อโกง โดยเมื่อปี 2561 ขณะที่อดีตผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัดพิจิตรได้รับเรื่องร้องเรียนเกี่ยวกับเจ้าคณะจังหวัดพิจิตรเสพเมถุนกับสีกากอล์ฟตั้งแต่ปี 2559 ได้มีการทำหนังสือร้องเรียนไปยังผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาจนถูกย้ายไปที่อื่น และได้เกษียณอายุราชการเมื่อปี 2564 จากนั้นปี 2565 ที่มีการร้องเรียนว่ามีการเสพเมถุนและประพฤติทุจริตเกี่ยวกับเงินสำนักงานพระพุทธศาสนายังไม่ได้ดำเนินการจึงสืบสวนต่อจึงได้เบอร์โทรศัพท์ของสีกากอล์ฟและได้มีการติดต่อ ทางสีกากอล์ฟยืนยันว่ามีข้อมูลมีหลักฐานได้เกี่ยวพันกับเจ้าคณะจังหวัดพิจิตรจริง แต่สีกากอล์ฟเล่นตัวไม่ยอมให้ข้อมูล กระทั่งปี 2566 ได้ติดต่อกับอดีตผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัดพิจิตร อ้างว่าตัวเองป่วยหนักต้องผ่าตัดในโรงพยาบาลในกรุงเทพฯ อ้างขอยืมเงิน 400,000 บาท เพื่อนำมารักษาตัว แต่ในข้อความแชทไลน์ได้พูดเหมือนมีข้อมูลแต่จะไม่ให้เงินก็ได้ ทางผู้เสียหายจึงโอนเงินไปให้ 400,000 บาท ต่อมาวันรุ่งขึ้นได้มีการทักไลน์มาอีกเพื่อขอเงินอีก 50,000 บาท เนื่องจากบัตรเครดิตได้ตัดไปเงินไม่ครบ เมื่อได้เงินไปจากนั้นก็หายไปและติดต่อไม่ได้และไม่ได้ให้ข้อมูล สีกากอล์ฟยืนยันว่าไม่มีการผ่าตัดจริงและไม่มีข้อมูล ทางผู้เสียหายจึงมาร้องทุกข์ให้ดำเนินคดีในข้อหาฉ้อโกงกับสีกากอล์ฟ
พ.ต.อ.เอนก กล่าวว่า ในวันเดียวกันอดีตผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดโสธรวรารามวรวิหาร ได้มาร้องทุกข์กับตำรวจกองบังคับการปราบปรามให้ดำเนินคดีกับสีกากอล์ฟ ในความผิดฐานรีดเอาทรัพย์ ทำให้เสื่อมเสียเสรีภาพ สีกากอล์ฟพยายามจะเข้าหาเจ้าอาวาสวัดโสธรวรารามวรวิหารโดยผ่านทางอดีตผู้ช่วยเจ้าอาวาส เมื่อติดต่อกันระยะหนึ่งมีการติดต่อพูดคุยกันทางไลน์ ภายหลังมีความสัมพันธ์เชิงชู้สาวกัน และได้มีการทักมาขอเงิน 15,000 บาท เพื่อนำไปมัดจำเซรามิกที่นำเข้าจากต่างประเทศ อดีตผู้ช่วยเจ้าอาวาสไม่มีเงิน ทางสีกากอล์ฟจึงข่มขู่หากไม่โอนให้จะเปิดเผยเรื่องความลับที่เสพเมถุน จึงจำเป็นต้องโอนเงินไปให้ 8,000 บาท และสีกากอล์ฟบังคับให้อดีตผู้ช่วยเจ้าอาวาสทำหนังสือร้องเรียนเจ้าคุณอาชว์เกี่ยวกับเรื่องเสพเมถุน พนักงานสอบสวนได้รวบรวมพยานหลักฐานออกหมายจับในข้อหารีดเอาทรัพย์และทำให้เสื่อมเสียต่อเสรีภาพ จะไปแจ้งข้อกล่าวหาสอบสวนดำเนินคดีส่งพนักงานอัยการดำเนินการตามขั้นตอนไป
นายกมลสิษฐ์ กล่าวว่า ได้มีการร่วมบูรณาการกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง จนมีการออกหมายจับแจ้งข้อกล่าวหา ซึ่งพฤติการณ์พระชั้นผู้ใหญ่และฆราวาส ในความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ และความผิดเกี่ยวกับทรัพย์ในข้อหาฉ้อโกงและการรีดเอาทรัพย์ ซึ่งเป็นความผิดมูลฐานของการฟอกเงิน ซึ่งจะนำเข้าสู่กระบวนการตรวจสอบทรัพย์สินที่เกี่ยวกับการกระทำความผิด ไม่ว่าจะไปถึงใครหากเป็นเงินที่ได้มาจากการกระทำความผิดมูลฐานดังกล่าวจะดำเนินการจนถึงที่สุด
เมื่อถามว่าถ้าไม่มีวัดชูจิตฯ สามารถดำเนินคดีกับพระวัดอื่นได้หรือไม่ พ.ต.ท.สิริพงษ์ กล่าวว่าเบื้องต้นที่ทำ ทำทั้งคดีอาญาและวินัยสงฆ์ไปพร้อมๆ กัน สิ่งที่ทำได้ก่อนคือคลิปที่เราได้ ส่วนการตรวจสอบก็ตรวจสอบคู่ขนานกันไป ทุกวัดที่ทำต้องถูกตรวจสอบ เราไม่ได้หยุดเท่านี้ และที่แถลงครั้งนี้เพื่อให้รู้ว่าสิ่งที่ดำเนินการไป ไปถึงไหน อย่างไร และจะเดินต่ออย่างไร
ส่วนความชัดเจนของยอดเงินทั้งหมด 12.8 ล้านบาท เป็นเงินที่ตรวจสอบเบื้องต้น แต่ยังไม่ชัดเจนว่าจะมีเงินจากบัญชีวัดมากกว่านี้หรือไม่ เพราะวัดนี้ไม่มีไวยาวัจกร ไม่มีกรรมการวัด แต่พอไล่เส้นทางการเงินคร่าวๆ พบเงิน 3.8 แสนบาท ซึ่งอาจมากกว่านั้นก็ได้ ขอให้เจ้าหน้าที่ทำงานก่อน ที่เราทำงานแข่งกับเวลาเพราะต้องการดำเนินคดีกับสีกากอล์ฟ
ส่วนการโอนเงินกลับเข้าไปเป็นคำให้การของอดีตเจ้าอาวาสฯ ที่บอกว่าเอาเงินส่วนตัวไปคืนบัญชีวัดแล้ว พ.ต.ท.สิริพงษ์ กล่าวว่า ในความผิดฐานทุจริตต่อหน้าที่เป็นความผิดอาญาแผ่นดิน การที่นำเงินออกมาแสดงถึงเจตนาพิเศษ ถึงแม้จะเอาเงินคืนกลับไปบัญชีวัดความผิดก็สำเร็จแล้ว ซึ่งจากคำให้การของอดีตเจ้าอาวาสฯ นำเงินออกมาจากบัญชีวัดจริง หลังจากนั้นก็ใช้เงินส่วนตัวคืนกลับเข้าไป แต่อีกจุดหนึ่งที่ยังอยู่ระหว่างการตรวจสอบคือเงิน 12.8 ล้านบาท ที่อ้างว่าเป็นเงินส่วนตัวของท่าน ตอนนี้กำลังตรวจสอบว่าที่มาของเงินจำนวนนี้มาจากไหน
ส่วนสีกากอล์ฟรู้หรือไหมว่าเงิน 3.8 แสนบาท เป็นเงินวัด ตรงนี้จะรู้หรือไม่พนักงานสอบสวนไม่ได้สนใจ เพราะถือว่าแบ่งหน้าที่กันทำซึ่งเป็นการโอนเงินต่อเนื่องตั้งแต่เดือนมกราคมถึงเดือนกรกฎาคม 2567 จะอ้างว่าไม่รู้ไม่ได้ ซึ่งผู้ต้องหามีสิทธิ์จะให้การอย่างไรก็ได้ แต่พนักงานสอบสวนทำในข้อเท็จจริง ว่ากันไปตามพยานหลักฐาน
ส่วนกรณีเรื่องสีกากอล์ฟมีปมหรือไม่ พล.ต.ต.ประสงค์ บอกว่า ที่ผ่านมาได้มีการลงพื้นที่บ้านเกิดที่ จ.พิจิตร ญาติส่วนใหญ่ไม่ทราบ และไม่ให้ข้อมูล ส่วนการสังเกตพฤติกรรมสีกากอล์ฟ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ กล่าวเสริมว่า คลิปส่วนใหญ่ไม่แสดงหน้าตาของสีกากอล์ฟ แต่แสดงให้เห็นพฤติกรรมของเหยื่อ เมื่อเสร็จกิจจะถ่ายทั้งภาพและมีเสียง หรือหากมีการคุยแชทก็จะบันทึกเอาไว้ ดังนั้นพฤติกรรมนี้หากวันหนึ่งมีปัญหาก็จะใช้วิธีนี้ในการกรรโชกทรัพย์ เท่าที่ได้ตรวจสอบไม่พบว่ามีคลิปที่เห็นหน้าสีกากอล์ฟเต็มๆ เลย ส่วนเรื่องปมพอมีข้อมูลแต่จะจริงหรือไม่ ส่วนตัวไม่ทราบ.-419- สำนักข่าวไทย