‘ธีรรัตน์’ เผยเมียนมาทราบข้อมูลแม่น้ำกก ปนเปื้อนสารพิษ เร่งถกร่วมไทย 2-3 ก.ค.นี้
เมื่อวันที่ 29 มิ.ย. น.ส.ธีรรัตน์ สำเร็จวาณิชย์ รมช.มหาดไทย รักษาราชการแทนรมว.มหาดไทย ในฐานะผอ.ศูนย์อำนวยการแก้ไขปัญหาคุณภาพน้ำ (ส่วนหน้า) เปิดเผยว่า จากการร่วมลงพื้นที่ตรวจติดตามสถานการณ์อุทกภัยในพื้นที่จังหวัดเชียงรายร่วมกับ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 28 มิ.ย.ที่ผ่านมา โดยตนได้ติดตามข้อมูลสถานการณ์คุณภาพน้ำในพื้นที่ลุ่มน้ำกกและแม่น้ำสายกับท่านผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย และสั่งการให้ทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งขับเคลื่อนมาตรการต่าง ๆ ตามแผนของศูนย์อำนวยการแก้ไขปัญหาคุณภาพน้ำ (ส่วนหน้า) ให้เห็นผลเป็นรูปธรรมโดยเร็วที่สุด เพื่อคลี่คลายสถานการณ์และลดผลกระทบต่อพี่น้องประชาชนอย่างยั่งยืน
นอกจากนี้ ยังได้สั่งการให้จังหวัดเชียงราย จังหวัดเชียงใหม่ เร่งสำรวจผลกระทบทั้งทางตรงและทางอ้อมที่ประชาชนได้รับจากปัญหาคุณภาพน้ำ รวมถึงให้จัดเวทีสาธารณะในระดับชุมชน เพื่อเปิดพื้นที่ให้ประชาชนได้แสดงความคิดเห็น เสนอแนะแนวทางการแก้ไข และร่วมกำหนดอนาคตของการพัฒนาในพื้นที่อย่างยั่งยืน พร้อมมอบหมายให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจัดตั้งศูนย์เฝ้าระวังสิ่งแวดล้อมในพื้นที่ ชี้แจงสถานการณ์คุณภาพน้ำ และตอบข้อกังวลของประชาชน ทั้งทางเฟซบุ๊ก "ศูนย์ข้อมูลกลางเพื่อการรับรู้และติดตามสถานการณ์น้ำเชียงราย (AIM)" และทุกช่องทางสื่อสาร อาทิ หอกระจายข่าว เสียงตามสาย วิทยุชุมชน โดยประเด็นที่สอบถามมากที่สุดคือผลกระทบต่อสุขภาพ และต่อพืชผลทางการเกษตร
น.ส.ธีรรัตน์ กล่าวอีกว่า ลำน้ำกกและลำน้ำสาย เป็นทรัพยากรร่วมระหว่างไทยและเมียนมา รัฐบาลจึงได้กำชับให้ได้มีการประสานงานสื่อสารกับภาคีระหว่างประเทศอย่างใกล้ชิด โดยล่าสุดกรมกิจการชายแดนทหาร ได้หารือกับพลจัตวาโซหล่ายของเมียนมา เกี่ยวกับกรณีการตรวจพบสารหนูในแม่น้ำกกและแม่น้ำสาย ซึ่งฝ่ายเมียนมาได้รับทราบข้อมูลดังกล่าว และได้แจ้งว่า จะมอบหมายให้กรมทรัพยากรสิ่งแวดล้อมของเมียนมาจัดส่งเจ้าหน้าที่ลงพื้นที่สำรวจแม่น้ำต่าง ๆ ภายในประเทศ เพื่อรวบรวมข้อมูลและเตรียมพร้อมสำหรับการหารือร่วมกับฝ่ายไทยในเวทีประชุมคณะกรรมการชายแดนส่วนภูมิภาค (Regional Border Committee: RBC) ระหว่างวันที่ 2–3 ก.ค. 2568 ซึ่งฝ่ายไทยโดยกรมกิจการชายแดนทหารจะใช้โอกาสนี้หารือเชิงลึกกับรัฐบาลเมียนมา เพื่อหาแนวทางความร่วมมือในการแก้ไขปัญหาคุณภาพน้ำอย่างยั่งยืน พร้อมทั้งรอกำหนดวันเจรจาในระดับรัฐบาลอย่างเป็นทางการในลำดับถัดไป.