EOD เร่งกู้ระเบิดตกค้าง-พิสูจน์กลิ่นศพทหารกัมพูชา

สุรินทร์ 4 ส.ค. – ตลอดทั้งวัน ชุด EOD ตรวจสอบพื้นที่ตามแนวปะทะ อ.พนมดงรัก จ.สุรินทร์ พบวัตถุระเบิดและลูกกระสุนปืนใหญ่ตกค้างรวมกว่า 140 ลูก ใน 34 จุด ขณะที่กลิ่นศพทหารกัมพูชา ยังไม่ส่งผลกระทบฝั่งไทย แต่ชาวบ้านในพื้นที่ยืนยันมีกลิ่นจริง

ตลอดทั้งวัน ชุดเก็บกู้วัตถุระเบิด หรือ EOD ของตำรวจตระเวนชายแดนที่ 21 และตำรวจภูธรพนมดงรัก รวมถึง ศูนย์ปฏิบัติการทุ่นระเบิดแห่งชาติ หรือ TMAC เข้าตรวจสอบพื้นที่ตามแนวปะทะใน อ.พนมดงรัก จ.สุรินทร์ หลังสถานการณ์ปะทะสงบลง โดยพบวัตถุระเบิดและลูกกระสุนปืนใหญ่ตกค้างรวมกว่า 140 ลูก ใน 34 จุด

หัวหน้าชุดเก็บกู้วัตถุระเบิดให้ข้อมูลว่า ระเบิดส่วนใหญ่ทำงานไปแล้ว เหลือเพียง 7 จุดที่ยังคงอยู่ระหว่างการเก็บกู้ แต่มีบางจุดที่เจ้าหน้าที่ยังไม่สามารถเข้าปฏิบัติงานได้ เนื่องจากอยู่ติดแนวชายแดน และอาจสร้างความเข้าใจผิดให้กับทหารทั้ง 2 ฝ่ายที่ยังคงตรึงกำลังอยู่ในพื้นที่ อีกทั้งสภาพพื้นที่เป็นโคลนตม ทำให้บางจุดลูกระเบิดฝังลึกมาก ทำให้การเก็บกู้ยากลำบาก จึงทำได้เพียงล้อมรั้วแสดงสัญลักษณ์ให้ทราบ เพื่อความปลอดภัยและไม่ให้ผู้คนเข้าใกล้

จากนั้นทีมข่าวเดินทางลงพื้นที่ไปพูดคุยกับชาวบ้านที่ยังอาศัยอยู่ในพื้นที่แนวปะทะ ซึ่งช่วงปะทะหนักที่ผ่านมา ระเบิดได้ตกในสวนข้างบ้าน แรงจากสะเก็ดระเบิดทำให้พื้นที่ดินเป็นหลุมขนาดใหญ่ ต้นไม้หักโคน อีกทั้งตัวบ้านได้รับความเสียหาย

ชาวบ้านบอกว่าในชีวิตเจอสงครามครั้งนี้เป็นครั้งที่ 2 ถือว่าหนักกว่าปี 54 เนื่องจากระเบิดเสียงดังมีความรุนแรงมากกว่าเดิม อีกทั้งที่ยังไม่เดินทางออกจากบ้านเพราะเป็นห่วงสัตว์เลี้ยง รวมถึงทรัพย์สินภายในบ้าน จึงให้เฉพาะคนในครอบครัวอพยพ ตนเองจึงเสียสละอยู่ดูแลตรงนี้ อีกทั้งไม่เชื่อข่าวลือต่างๆ จะฟังจากทางราชการและผู้นำชุมชนเท่านั้น รวมถึงเฝ้าติดตามการประชุม GBC อย่างไรก็ตาม อยากให้ทุกอย่างกลับเข้าสู่ภาวะปกติเนื่องจากขาดรายได้และใช้ชีวิตลำบากมาก

วันนี้กองบัญชาการกองทัพไทย ออกแถลงการณ์ประณามกองทัพกัมพูชาอย่างรุนแรง กรณีปล่อยทิ้งศพทหารของตนเองไว้ในพื้นที่การปะทะ โดยไม่มีการจัดการศพ ส่งผลให้เกิดกลิ่นเน่าเหม็นในพื้นที่ ถือเป็นการกระทำที่ไร้มนุษยธรรมและละเมิดต่อกฎหมายระหว่างประเทศอย่างร้ายแรง ซึ่งท้ายการแถลงการณ์ยังพูดถึงรัฐบาลกัมพูชาเพิ่มเติมว่าสุดท้ายแล้วกัมพูชารักและให้เกียรติทหารของตนเองจริงหรือไม่ หรือเพียงแสวงหาผลประโยชน์เฉพาะหน้า และละทิ้งแม้กระทั่งศพผู้เสียชีวิตของตนเอง

จากกรณีดังกล่าวทีมข่าวจึงเดินทางเข้าไปพื้นที่ปะทะหน้าแนวใกล้กับปราสาทตาควาย แต่เมื่อเดินทางไปถึง กลับพบว่าบรรยากาศในหมู่บ้านยังคงสงบ ชาวบ้านใช้ชีวิตตามปกติ ไม่มีผลกระทบจากกลิ่น หรืออาการเจ็บป่วยใดๆ อย่างที่เป็นข่าว

ผู้นำชุมชนและชาวบ้านหลายคนล้วนยืนยันเป็นเสียงเดียวกันว่ายังไม่ได้กลิ่นศพเหม็นเน่าในบริเวณนี้ หากจะได้กลิ่นต้องเดินลึกเข้าไปในแนวป่า ใกล้กับจุดปะทะที่เรียกว่าปราสาทตาควาย ซึ่งเป็นพื้นที่ต้องห้าม และอยู่ลึกจากแนวหมู่บ้าน

อย่างไรก็ตาม จากการตรวจสอบพบว่าบริเวณแนวปะทะด้านหน้ามีศพทหารตกค้างอยู่จริง แม้ขณะนี้กลิ่นจะยังไม่กระจายเข้ามารบกวนชาวบ้าน และยังไม่มีสัญญาณของโรคระบาดใดๆ แต่ชาวบ้านยังคงเฝ้าระวัง.-สำนักข่าวไทย