จ้าง “BEM” ใช้ขบวนรถเดิมเดินรถต่อเนื่อง “สายม่วงใต้” ประเดิม 4 สถานีปี 71 ตลอดสายเลื่อนปี 73
เมื่อวันที่ 4 ส.ค. นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.คมนาคม เปิดเผยภายหลังเป็นประธานในพิธีเริ่มเดินเครื่องหัวเจาะอุโมงค์ โครงการรถไฟฟ้าสายสีม่วง (ใต้) ช่วงเตาปูน-ราษฎร์บูรณะ (วงแหวนกาญจนาภิเษก) สัญญาที่ 3 ช่วงผ่านฟ้า-สะพานพุทธ ว่า การก่อสร้างอุโมงค์ทางวิ่งใต้ดินของสัญญาที่ 3 ได้นำเทคโนโลยีหัวขุดเจาะอุโมงค์สมดุลแรงดันดิน (Earth Pressure Balance) มาใช้ ซึ่งเป็นระบบที่เหมาะกับสภาพชั้นดินอ่อนในเขตกรุงเทพฯ โดยใช้หัวขุดเจาะอุโมงค์ 2 หัว เริ่มต้นจากสถานีสะพานพุทธ ไปยังสถานีสามยอด และสิ้นสุดที่สถานีอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย บริเวณแยกผ่านฟ้า เพื่อบรรจบกับสัญญาที่ 2 รวมระยะทางการขุดเจาะประมาณ 2.8 กิโลเมตร (กม.)
นายสุริยะ กล่าวต่อว่า จุดเด่นของสัญญาที่ 3 คือการขุดเจาะอุโมงค์ลอดใต้แม่น้ำเจ้าพระยา บริเวณสะพานพระปกเกล้า ซึ่งถือเป็นอุโมงค์รถไฟฟ้าใต้ดินที่ลอดใต้แม่น้ำเจ้าพระยาแห่งที่ 2 ของประเทศไทย มีลักษณะเป็นอุโมงค์คู่ ก่อสร้างอยู่ในชั้นดินใต้ท้องแม่น้ำ มีความยาวอุโมงค์ 220 เมตร และลึก 42.3 เมตรจากผิวน้ำ หัวเจาะมีสมรรถนะการขุดเจาะเฉลี่ยวันละ 10-15 เมตร หรือเฉลี่ย 350 เมตรต่อเดือน คาดว่าจะแล้วเสร็จประมาณเดือน พ.ค. 2569 ทั้งนี้สัญญาที่ 3 มีกิจการร่วมค้า ไอทีดี-เอ็นดับเบิ้ลยูอาร์ เอ็มอาร์ที ประกอบด้วย บริษัท อิตาเลียนไทย ดีเวล๊อปเมนต์ จำกัด (มหาชน) และบริษัท เนาวรัตน์พัฒนาการ จำกัด (มหาชน) ผู้รับจ้างงานออกแบบและก่อสร้างอุโมงค์ทางวิ่ง และสถานีใต้ดิน ได้แก่ สถานีสามยอด สถานีสะพานพุทธ และอาคารปล่องระบายอากาศ 3 แห่ง
นายสุริยะ กล่าวอีกว่า ภาพรวมความคืบหน้าการก่อสร้างโครงการฯ ณ สิ้นเดือน ก.ค. 2569 อยู่ที่ 59.49% งานก่อสร้างแล้วเสร็จปี 2570 โดย รฟม. มีแผนเปิดเดินรถให้ประชาชนได้ใช้บริการช่วงเตาปูน-หอสมุดแห่งชาติ ในปี 2571 ก่อน จากนั้นจะทยอยเปิดบริการครบตลอดสายในปี 2573 (เดิมเปิดปี 2572) โครงการนี้มีแนวเส้นทางเชื่อมต่อกับรถไฟฟ้า MRT สายสีม่วง (เหนือ) ช่วงเตาปูน-บางใหญ่ มีระยะทางรวม 23.63 กม. มี 17 สถานี แบ่งเป็น สถานีใต้ดิน 10 สถานี และสถานียกระดับ 7 สถานี โดยได้เร่งให้ดำเนินการเรื่องงานเดินรถให้ได้ข้อสรุปโดยเร็ว เพื่อให้จัดหาขบวนรถมาเดินรถได้ตามแผนงานที่วางไว้ ซึ่งจะช่วยอำนวยความสะดวกในการเดินทางให้ประชาชนเดินทางเชื่อมต่อจากพื้นที่จังหวัดนนทบุรี กรุงเทพฯ และจังหวัดสมุทรปราการ ได้อย่างสะดวก ช่วยเติมเต็มโครงข่ายระบบรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนให้สมบูรณ์ยิ่งขึ้น
นายสุริยะ กล่าวด้วยว่า รถไฟฟ้าสายสีม่วง (ใต้) จะเข้าร่วมมาตรการค่าโดยสารรถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสายด้วย คาดว่าจะมีผู้โดยสารมาใช้บริการเพิ่มมากขึ้น จากเดิมคาดว่าจะมีผู้มาใช้บริการรถไฟฟ้าสายสีม่วง (ใต้) 1.5 แสนคนต่อวัน เพิ่มเป็น 2.5 แสนคนต่อวัน ส่วนความคืบหน้าการลงทะเบียนรับสิทธิรถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสาย รวม 8 สาย จะเปิดให้ประชาชนลงทะเบียนผ่านแอป “ทางรัฐ“ ในวันที่ 25 ส.ค. 2568 ตั้งแต่เวลา 00.01 น. และจะเริ่มมาตรการฯ ตั้งแต่วันที่ 1 ต.ค. 2568 ทั้งนี้คาดว่าจะมีประชาชนสนใจลงทะเบียนรับสิทธิประมาณ 2 ล้านคน
นายสุริยะ กล่าวอีกว่า เชื่อมั่นว่าแอปทางรัฐ จะสามารถรองรับการลงทะเบียนครั้งนี้ได้ เพราะสามารถทยอยลงทะเบียนรับสิทธิได้อย่างต่อเนื่อง อย่างไรก็ตามมั่นใจว่าการพิจารณากฎหมาย 3 ฉบับที่เกี่ยวข้องกับการดำเนินมาตรการค่าโดยสารรถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสาย จะผ่านการพิจารณาในวาระ 2 และ 3 เพราะเป็นโครงการที่เป็นประโยชน์ต่อประชาชน เชื่อว่าจะได้รับการสนับสนุนจากสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (สส.) พรรคเพื่อไทย พรรคร่วมรัฐบาลทุกคน และพรรคฝ่ายค้าน ตลอดจนสมาชิกวุฒิสภาด้วยเช่นกัน
ด้านนายกาจผจญ อุดมธรรมภักดี ผู้ว่าการการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) กล่าวว่า การเดินรถไฟฟ้าสายสีม่วงใต้ ผลการศึกษาสรุปแล้วว่า ควรจ้างบริษัท ทางด่วนและรถไฟฟ้ากรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือ BEM ผู้รับจ้างเดินรถสายสีม่วง (เหนือ) เดินรถต่อเนื่อง ซึ่งเตรียมเสนอคณะกรรมการ (บอร์ด) รฟม. พิจารณาภายใน 1-2 เดือนนี้ หากเห็นชอบจะเสนอกระทรวงคมนาคม คณะกรรมการนโยบายการร่วมลงทุนระหว่างรัฐและเอกชน (PPP) และเสนอคณะรัฐมนตรี (ครม.) พิจารณาในช่วงต้นปี 2569 จากนั้นจะเจรจากับผู้รับจ้างรายเดิมให้จบภายในปี 2569 โดยทำเป็นอีก 1 สัญญา ไม่เกี่ยวข้องกับสัญญาเดิม
เบื้องต้นจะให้ผู้รับจ้างรายเดิมนำขบวนรถสายสีม่วง (เหนือ) ซึ่งปัจจุบันมีอยู่ประมาณ 21 ขบวน ใช้งานจริงประมาณ 18 ขบวน มาเดินรถต่อเนื่องโดยใช้ขบวนรถเดิม จากเตาปูนมาถึงสถานีหอสมุดแห่งชาติก่อนในปี 2571 เนื่องจากสถานีหอสมุดฯ มีจุดประแจสับราง ซึ่งรถสามารถกลับรถได้ ทั้งนี้ขณะนี้ผู้โดยสารสายสีม่วง (เหนือ) อยู่ที่ประมาณ 8 หมื่นคนต่อวัน สำหรับขบวนรถของสายสีม่วง (ใต้) จะมีการจัดหาเพิ่มมากกว่า 20 ขบวน.