นายกฯ ลุยเชียงราย พบปะผู้ประสบอุทกภัย-มอบบัตรประชาชนให้กลุ่มชาติพันธุ์
28 มิ.ย. 68 เวลา 11.10 น. ที่บริเวณบ้านสบเปา อำเภอพญาเม็งราย จังหวัดเชียงราย นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี และคณะ ลงพื้นที่ติดตามสถานการณ์อุทกภัย
นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า นายกรัฐมนตรีรับฟังสรุปสถานการณ์อุทกภัย ในพื้นที่จังหวัดเชียงราย เมื่อวันที่ 27 มิถุนายน 2568 ซึ่งส่งผลให้เกิดความเสียหายต่อบ้านเรือนของราษฎร สถานที่ราชการ วัด และพื้นที่การเกษตร รวมทั้งสิ้น 5 อำเภอ 10 ตำบล 32 หมู่บ้าน
บ้านเรือนราษฎรได้รับผลกระทบจำนวน 4,405 ครัวเรือน ถนนได้รับความเสียหาย 3 จุด สถานบริการสาธารณสุขได้รับผลกระทบ 2 แห่ง พื้นที่การเกษตร (นาข้าว) ได้รับความเสียหายประมาณ 500 ไร่
ทั้งนี้ จังหวัดเชียงรายได้บูรณาการความร่วมมือจากหน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชน ทั้งในระดับจังหวัด อำเภอ และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น อพยพผู้ประสบอุทกภัย โดยเคลื่อนย้ายจากพื้นที่ประสบภัยน้ำท่วมไปยังพื้นที่ปลอดภัย อาทิ ศูนย์พักพิงชั่วคราว เพื่อให้มั่นใจในความปลอดภัยและสวัสดิภาพของประชาชนสำหรับการช่วยเหลือด้านการเกษตร ขณะนี้ อยู่ระหว่างการสำรวจความเสียหาย โดยหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะดำเนินการให้ความช่วยเหลือต่อไป
นายกรัฐมนตรี ได้สั่งการให้ส่วนราชการที่เกี่ยวข้องวางแผนรับมือทั้งแผนระยะสั้น ระยะกลางและระยะยาวเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดอุทกภัยในลักษณะเช่นนี้อีกและนำกลับมารายงานให้นายกรัฐมนตรีทราบ
โอกาสนี้ นายกรัฐมนตรีได้ลงพื้นที่พบปะประชาชนผู้ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์อุทกภัยในพื้นที่บ้านสบเปา อำเภอพญาเม็งราย จังหวัดเชียงราย โดยได้เดินทักทาย พูดคุย และสอบถามความเป็นอยู่ของประชาชนอย่างใกล้ชิด ทั้งสถานที่พักอาศัย การเข้าถึงน้ำดื่มสะอาด อาหาร เครื่องใช้จำเป็น รวมถึงการดูแลกลุ่มผู้เปราะบาง อาทิ ผู้สูงอายุ เด็กเล็ก และผู้ป่วยติดเตียง
พร้อมให้กำลังใจและแสดงความห่วงใยถึงความเดือดร้อนที่เกิดขึ้น พร้อมยืนยันว่า รัฐบาลจะเร่งประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อเข้าช่วยเหลือ ฟื้นฟู และบรรเทาความเดือดร้อนอย่างเต็มที่
จากนั้น นายกรัฐมนตรีเดินทางต่อไปยังวัดสันติคีรี อำเภอพญาเม็งราย จังหวัดเชียงราย เพื่อพบปะให้กำลังใจและมอบถุงยังชีพให้กับประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์อุทกภัยต่อไป
นายกฯ พบปะผู้ประสบอุทกภัย ย้ำรัฐบาลติดตามความเดือดร้อน ปชช. ตลอด
ต่อมา เวลา 11.35 น. ณ วัดสันติคีรี อำเภอพญาเม็งราย จังหวัดเชียงราย นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี พร้อมคณะ พบปะให้กำลังใจและมอบถุงยังชีพให้กับประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์อุทกภัย
นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า เมื่อนายกรัฐมนตรีเดินทางถึงได้ทักทายประชาชนที่รับผลกระทบจากอุทกภัยด้วยความห่วงใย พร้อมพูดคุยสอบถามถึงความเป็นอยู่ ความต้องการเร่งด่วน รวมถึงรับฟังข้อเสนอแนะจากประชาชนในพื้นที่ด้วยความห่วงใย รวมทั้งรับฟังรายงานสถานการณ์อุทกภัยในพื้นที่
นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า ได้ติดตามสถานการณ์น้ำท่วมในจังหวัดเชียงรายอย่างใกล้ชิดมาโดยตลอด และเน้นย้ำว่ารัฐบาลไม่เคยละเลยความเดือดร้อนของประชาชน โดยได้สั่งการให้ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งเข้าให้ความช่วยเหลือ พร้อมมอบหมายให้รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทยดูแลติดตามการช่วยเหลืออย่างใกล้ชิด เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนให้เร็วที่สุด
“วันนี้เดินทางมาในฐานะตัวแทนของรัฐบาล เพื่อติดตามสถานการณ์และให้กำลังใจพี่น้องประชาชน ทั้งนี้ เชื่อว่าการได้พบกัน พูดคุยกันโดยตรง จะช่วยเติมพลังใจให้กันและกัน ซึ่งตัวเองก็ได้รับกำลังใจจากประชาชนเช่นกัน” นายกรัฐมนตรีกล่าว
นอกจากนี้ นายกรัฐมนตรียังได้เน้นย้ำให้หน่วยงานในพื้นที่เร่งดำเนินการช่วยเหลือเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบในทุกด้าน ทั้งด้านความเป็นอยู่ การฟื้นฟูบ้านเรือน และด้านเกษตรกรรมอย่างเป็นระบบ
จากนั้น นายกรัฐมนตรีได้มอบถุงยังชีพให้แก่ผู้ประสบอุทกภัยในพื้นที่ พร้อมพบปะ พูดคุย และให้กำลังใจประชาชนด้วยความห่วงใย โดยบรรยากาศเป็นไปด้วยความอบอุ่น ประชาชนต่างแสดงความรู้สึกดีใจที่นายกรัฐมนตรีได้ลงพื้นที่มาเยี่ยมเยียนด้วยตนเอง พร้อมกล่าวขอบคุณรัฐบาลที่ไม่ทอดทิ้งประชาชน
ภายหลังเสร็จสิ้นภารกิจในพื้นที่อำเภอพญาเม็งราย นายกรัฐมนตรีได้เดินทางต่อไปยังโรงเรียนแม่จันวิทยาคม อำเภอแม่จัน จังหวัดเชียงราย เพื่อพบปะกลุ่มชาติพันธุ์ที่ได้รับสัญชาติไทยในพื้นที่ต่อไป
นายกฯ มอบบัตรประชาชนคนไทย ให้กลุ่มชาติพันธุ์เชียงราย ขอบคุณร่วมกันพัฒนาชาติไทย
ต่อมาเวลา 13.20 น. ที่โรงเรียนแม่จันวิทยาคม อำเภอแม่จัน จังหวัดเชียงราย นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี พร้อมคณะ พบปะกลุ่มชาติพันธุ์ที่ได้รับสัญชาติไทย ตามมติคณะรัฐมนตรีเรื่องการให้สัญชาติกับกลุ่มชาติพันธ์ุที่มีหลักเกณฑ์ครบถ้วนตามกฎระเบียบของกระทรวงมหาดไทย
นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า นายกรัฐมนตรีได้รับฟังรายงานความคืบหน้าการดำเนินงานแก้ไขปัญหาสถานะบุคคลและบุคคลไร้รัฐจากกรมการปกครอง
โดยมีการชี้แจงว่ารัฐบาลได้เร่งรัดการแก้ไขปัญหาให้ครอบคลุมกลุ่มเป้าหมายหลัก ได้แก่ บุคคลที่อพยพเข้ามาในราชอาณาจักรก่อนปี พ.ศ. 2542 ซึ่งได้มีการจัดทำทะเบียนประวัติไว้แล้ว จำนวน 340,101 คน และบุตรของบุคคลกลุ่มดังกล่าวอีก 143,525 คน
โดยผู้ที่เข้าข่ายสามารถยื่นขอแก้ไขสถานะได้ต้องเป็นชนกลุ่มน้อยหรือกลุ่มชาติพันธุ์ที่เคยได้รับการจัดทำทะเบียนประวัติไว้แล้ว หรือผ่านการสำรวจเพิ่มเติมระหว่างปี พ.ศ. 2548–2554 รวมถึงผู้ที่ตกหล่นจากการสำรวจภายในปี พ.ศ. 2554 โดยผู้ยื่นต้องมีคุณสมบัติตามที่กฎหมายกำหนด อาทิ พำนักอยู่ในประเทศไทยต่อเนื่องไม่น้อยกว่า 15 ปี ไม่มีสัญชาติอื่น มีเลขประจำตัว 13 หลัก และมีความประพฤติดี
สำหรับการยื่นคำร้อง ผู้มีภูมิลำเนาในกรุงเทพมหานคร สามารถยื่นคำร้อง ต่อผู้อำนวยการ สำนักกิจการความมั่นคงภายใน ที่กรมการปกครอง ส่วนในส่วนภูมิภาคหรือจังหวัดต่าง ๆ สามารถยื่นคำร้อง ต่อนายอำเภอ ณ ที่ว่าการอำเภอ โดยต้องใช้เอกสารประกอบ ได้แก่ สำเนาทะเบียนบ้าน/ทะเบียนประวัติ และบัตรประจำตัวที่มีเลขประจำตัว 13 หลัก
ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรีได้ติดตามและรับทราบ Timeline การดำเนินงานที่สำคัญอย่างต่อเนื่อง อาทิ การประชุมร่วมระหว่างรัฐบาล กรมการปกครอง และสภาความมั่นคงแห่งชาติในต้นเดือนกรกฎาคม 2567 เพื่อกำหนดแนวทางแก้ไขอย่างเป็นระบบ การประกาศนโยบายลดขั้นตอนเมื่อวันที่ 14 กรกฎาคม 2567
ซึ่งได้ลดระยะเวลาพิจารณาจาก 270 วัน เหลือเพียง 5 วัน รวมถึงการเห็นชอบหลักเกณฑ์ใหม่ของคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 29 ตุลาคม 2567 ที่มอบอำนาจให้นายอำเภอพิจารณาอนุมัติได้โดยตรง
ต่อมา เมื่อวันที่ 2 เมษายน 2568 นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ได้ร่วมลงนามในประกาศกระทรวงมหาดไทย เรื่อง การให้สถานะคนต่างด้าวที่เข้าเมืองโดยชอบด้วยกฎหมายและมีถิ่นที่อยู่ในราชอาณาจักรไทย ตามพระราชบัญญัติคนเข้าเมือง พ.ศ. 2522 และประกาศดังกล่าวได้เผยแพร่ในราชกิจจานุเบกษาเมื่อวันที่ 29 พฤษภาคม 2568 โดยมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 28 มิถุนายน 2568 เป็นต้นไป
โอกาสนี้ นายกรัฐมนตรีได้มอบบัตรประชาชนให้กับผู้ได้รับสัญชาติไทย พร้อมกล่าวว่าวันนี้รู้สึกดีใจและเป็นเกียรติอย่างยิ่งที่ได้มีโอกาสมาพบกับทุกคนอีกครั้ง และมาประกาศข่าวดีที่สำคัญ คือ พี่น้องทุกคนมีสิทธิที่จะยื่นขอรับรองสถานะเพื่อให้ได้รับบัตรประจำตัวประชาชน และได้รับสิทธิในฐานะคนไทยอย่างเสมอภาค และร่วมกันพัฒนาชาติไทย
“จำได้ว่าเมื่อประมาณ 3 ปีก่อน เคยลงพื้นที่พบพี่น้องกลุ่มชาติพันธุ์ และได้รับฟังเรื่องราวความเดือดร้อนที่ไม่มีบัตรประชาชน ทำให้ไม่สามารถเข้าถึงสิทธิขั้นพื้นฐานและสวัสดิการของรัฐได้ วันนั้นดิฉันฟังแล้วรู้สึกสะเทือนใจมาก และตั้งใจไว้ว่าจะผลักดันให้เกิดการแก้ไขปัญหานี้อย่างเป็นรูปธรรม จนเป็นผลสำเร็จในวันนี้ “นายกรัฐมนตรี กล่าว
นายกรัฐมนตรียำ้ว่ารัฐบาลได้ดำเนินนโยบายเพื่อแก้ปัญหาให้กับพี่น้องมาอย่างต่อเนื่อง มีการลดขั้นตอน ลดระยะเวลาการพิจารณาเหลือเพียง 5 วัน จากเดิมที่ต้องรอเป็นเวลานาน ซึ่งขณะนี้เรื่องดังกล่าวได้ผ่านความเห็นชอบจากคณะรัฐมนตรีแล้ว และกำลังจะมีผลบังคับใช้ในวันที่ 30 มิถุนายนนี้
นายกรัฐมนตรีกล่าวอีกว่า อยากเห็นพี่น้องสามารถเดินทางได้อย่างมั่นใจ มีบัตรประชาชน มีสิทธิในการรับบริการจากรัฐ และได้รับการยอมรับในฐานะประชาชนของประเทศนี้อย่างเสมอภาคและมีศักดิ์ศรี
ภายหลังเสร็จสิ้นภารกิจ นายกรัฐมนตรีได้ร่วมถ่ายภาพเป็นที่ระลึกกับประชาชนในพื้นที่ ท่ามกลางบรรยากาศเป็นกันเอง ประชาชนต่างร่วมแสดงความขอบคุณ และกล่าวให้กำลังใจในการปฏิบัติหน้าที่ของนายกรัฐมนตรี โดยมีประชาชนจำนวนมากมายืนรอต้อนรับ ส่งรอยยิ้ม และโบกมืออำลาอย่างอบอุ่น ก่อนที่นายกรัฐมนตรีจะเดินทางกลับกรุงเทพมหานคร
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
“นายกฯ” บินเชียงราย ดูน้ำท่วม มองการชุมนุมเป็นสิทธิ ไม่ขอตอบโต้
เปิดโผ ครม.ใหม่ “นายกฯ อิ๊งค์” ควบวัฒนธรรม เตรียมรับมือหยุดปฏิบัติหน้าที่
เริ่มแล้ว! มวลชนทยอยร่วมกิจกรรมปกป้องอธิปไตย ไม่ยอมเสียดินแดนไทย
อ่านข่าวต้นฉบับได้ที่ : นายกฯ ลุยเชียงราย พบปะผู้ประสบอุทกภัย-มอบบัตรประชาชนให้กลุ่มชาติพันธุ์
ติดตามข่าวล่าสุดได้ทุกวัน ที่นี่
- Website : https://www.pptvhd36.com