‘ดร.ก้องเกียรติ’ เปิดปม การเมืองสะดุด จุดอ่อนประเทศ-ตลาดหุ้น
สัมภาษณ์
ตลาดหุ้นไทย ปี 2568 ช่วง 5 เดือนแรก ดัชนี SET ติดลบไปแล้ว 17.9% มาถึงเดือน มิ.ย. ดัชนีก็ยังคงปรับตัวลงต่อ จนทำท่าจะหลุดต่ำกว่า 1,000 จุด แม้ว่าที่ผ่านมา ตลาดหลักทรัพย์ฯจะพยายามทำหลาย ๆ มาตรการ แต่ก็ดูเหมือนจะทำได้แค่ “พยุง” ไม่ให้ตลาดดิ่งหนักไปมากกว่านี้ ขณะที่ปัจจัยเสี่ยง ทั้งศึกนอก-ศึกใน ก็รุมเร้าเต็มไปหมด ทางออกจะเป็นอย่างไร
“ประชาชาติธุรกิจ” พูดคุยกับ “รุ่นใหญ่” ตลาดหุ้นไทยที่เคยผ่านร้อนผ่านหนาวมาหลายยุค อย่าง “ดร.ก้องเกียรติ โอภาสวงการ” ประธานกรรมการบริหาร บมจ.เอเซีย พลัส กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ (ASP) และบริษัทหลักทรัพย์ เอเซีย พลัส จำกัด มาสะท้อนแง่มุมให้ได้คิดกัน
5 ปมประเทศไทยที่ต้องแก้ไข
“ดร.ก้องเกียรติ” บอกว่า ประเทศไทยมีหลายเรื่องที่ไม่ถูกแก้ไข ซึ่งเป็นเรื่องเกี่ยวกับ “ปัจจัยพื้นฐาน” นั่นก็คือ 1.ประเทศไทย “กินบุญเก่า” จากอดีตที่เศรษฐกิจเคยเติบโตได้จากการลงทุนโดยตรงจากญี่ปุ่น ที่มีอุตสาหกรรมรถยนต์ มีการส่งออก มีการท่องเที่ยว แต่ตอนหลังเครื่องยนต์เหล่านี้เริ่มดับ เพราะคนหันไปใช้รถยนต์ไฟฟ้า (อีวี) กันมากขึ้น ส่วนนักท่องเที่ยวก็มีที่ที่จะไปเที่ยวหลากหลายขึ้น หรือนักท่องเที่ยวจีนก็เที่ยวในประเทศกันมากขึ้น ทำให้เครื่องยนต์สำคัญของไทยถูกกระทบ
2.ประเทศไทยไม่มีการพัฒนาเทคโนโลยี ทางด้านไอทีขนาดใหญ่ ๆ ทำให้ตอนนี้ตามหลังเวียดนาม หรือมาเลเซียแล้ว ซึ่งเรื่องนี้เป็นเรื่องสำคัญ เพราะการลงทุนที่มูลค่าสูง ๆ เป็นการลงทุนทางด้านเทคโนโลยีไอทีเป็นส่วนใหญ่
“เทคโนโลยีที่เราจับมาได้ อย่างดาต้าเซ็นเตอร์ มันเป็นปลายทาง แต่ชิ้นใหญ่ ๆ เรื่องการวิจัยและพัฒนา เราไม่มี เราไม่ได้แข็งแรง”
3.ปัญหาด้านการศึกษาที่เรื้อรังมานานหลายสิบปี โดยประเทศไทยผลิตคนที่ไม่ตรงกับที่ตลาดต้องการ หรือโลกต้องการ ไม่เหมือนเวียดนามที่มีการผลิตคนทางด้านไอที มีบริษัทไอทีที่มีมหาวิทยาลัยสำหรับผลิตคนด้านไอทีโดยตรง ส่วนไทยจะมีบริษัทใหญ่ จะเป็นอุตสาหกรรมอื่น เช่น ผลิตซีเมนต์ ค้าปลีก โรงแรม เป็นต้น แต่ไม่มียักษ์ใหญ่ทางด้านเทคโนโลยี จะมีก็เพียงค่ายมือถือ ซึ่งไม่ได้เกี่ยวกับการสร้างคน
การเมือง-คอร์รัปชั่น ปัญหาใหญ่
4.ปัญหาความไม่ต่อเนื่องทางการเมือง ทำให้ทุกอย่างสะดุด และ 5.ปัญหาคอร์รัปชั่น ที่ทำให้ไม่มีใครอยากเข้ามาลงทุน
“ผมคิดว่า การเมืองบ้านเราทำให้ทุกอย่างสะดุดตลอดเวลา เหมือนเครื่องยนต์จะสตาร์ต แต่เดินไปได้สักพักก็หยุด ไม่มีความต่อเนื่อง จุดอ่อนก็คือ รัฐบาลมาจากพรรคการเมืองหลาย ๆ พรรคมารวมกัน เพื่อมาตั้งรัฐบาล ก็ต้องยอมคนโน้น ยอมคนนี้ ก็ไม่จบ ไม่เสร็จสรรพ อีกประเด็น ผมว่าคอร์รัปชั่น ตอนนี้มันมากเกินไป ไม่มีการกำจัดเรื่องพวกนี้อย่างจริงจัง ผมว่าประเทศเรานี่ คนเขาเห็นหมด ทั้งโลกเห็น ว่าประเทศนี้การโกงกิน กลายเป็นเรื่องปกติ ซึ่งน่าเป็นห่วง ทำให้คนไม่มีความมั่นใจที่จะมาลงทุน เพราะจะต้องเตรียมเงินไว้จ่ายใต้โต๊ะ ซึ่งหลายประเทศเขาไม่เห็นด้วย เขาทำไม่ได้ หลายบริษัทเขาไม่ทำ มันผิดวิธีการทำงาน”
การเมืองวุ่น-นักลงทุนเบื่อหน่าย
เมื่อถามว่าสถานการณ์การเมืองในปัจจุบัน สร้างความกังวลให้กับนักลงทุนมากแค่ไหน “ดร.ก้องเกียรติ” ยอมรับว่า นักลงทุนทุกคนก็เบื่อหน่าย จากที่เดิมก็มองในแง่ลบอยู่แล้ว เห็นได้จากการขายหุ้นหนีออกไปกัน ทั้งนี้ ต่อให้หุ้นราคาถูก คนก็ไม่อยากลงทุน เพราะหุ้นยังลงได้อีกเรื่อย ๆ ไม่รู้ว่าจุดต่ำสุดจะอยู่ตรงไหน หรือหุ้นหลายบริษัทราคาต่ำกว่า Book Value (มูลค่าทางบัญชี) อย่างบริษัทด้านอสังหาริมทรัพย์หลาย ๆ แห่งก็สะท้อนว่า เกือบจะไม่มีอนาคตแล้ว
“ที่สุดแล้วทางแก้ก็ต้องทำ Treasury Stock ซื้อหุ้นคืน แต่พอซื้อถึงจุดหนึ่งก็หมดกระสุน ก็เป็นเรื่องปกติ แถมยังมี HFT ทำให้ตลาดย่อยยับอีก โดยที่แทบจะไม่ต้องจ่ายค่าคอมมิชชั่น ผมว่าผลของการปล่อยคอมมิชชั่นลอยตัว ก็เป็นผล เพราะตลาดเราไม่ใหญ่พอ ที่จะปล่อยให้ลอยตัว ไม่เหมือนตลาดฮ่องกง หรือตลาดสหรัฐ ที่ใหญ่มาก ทำ HFT ก็ไม่ได้มีผลอะไร แต่บ้านเรามันหมู ทำก็ฆ่ารายย่อยอย่างเดียว ก็ต้องปรับ ต้องเพิ่มค่าคอมมิชชั่นให้มีความเท่าเทียมกัน ไม่อย่างนั้นผู้ลงทุนรายย่อยหมดตลาด ไม่มีใครอยากลงทุน”
“ดร.ก้องเกียรติ” กล่าวอีกว่า ที่ผ่านมาอาจจะมีนักลงทุนส่วนหนึ่งหนีออกไปลงทุนต่างประเทศ แต่สุดท้ายก็เจอนโยบายเก็บภาษีอีก ซึ่งถึงแม้จะบอกว่า จะไม่เก็บซ้ำซ้อนหากประเทศที่ไปลงทุนมีการเก็บภาษีอยู่แล้ว แต่การทำบัญชีต่าง ๆ ก็มีต้นทุน
“บุคคลที่ไปลงทุนต่างประเทศด้วยความสุจริตใจ แล้วต้องมานั่งทำบัญชีส่งสรรพากร เรื่องพวกนี้ผมว่าล้าสมัย ตกยุคไปนานแล้ว”
“ดร.ก้องเกียรติ” ทิ้งท้ายว่า หวังว่าทุกอย่างจะมีทางออกในทางที่ดีขึ้น เพราะตอนนี้ชาวบ้านทำมาหากินลำบาก แม้แต่ธุรกิจขนาดใหญ่ก็เริ่มมีปัญหากันแล้ว สะท้อนจากยอดขายตก ซึ่งต้องติดตามดูว่าจะไปถึงขั้นปลดคนงาน หรือชะลอการสร้างโรงงานใหม่หรือไม่
จี้ยกเครื่องสาธารณสุข-การศึกษา
ทั้งนี้ “ดร.ก้องเกียรติ” มองว่า คนไทยคงกระตือรือร้น ต้องลุกขึ้นมาทำอะไรบ้าง ไม่ใช่รอพึ่งพารัฐบาลอย่างเดียว เพราะก็เห็นอยู่แล้วว่า รัฐบาลอ่อนแอ ไม่มีอะไรที่ทำได้เป็นชิ้นเป็นอัน ในหลาย ๆ รัฐบาลที่ผ่านมา เหล่านี้ทำให้ประเทศไทยน่าเป็นห่วง จะเห็นได้จากคนรวย ๆ ที่ส่งลูกออกไปเรียนต่างประเทศ ไม่ค่อยอยากให้กลับมาเมืองไทย แล้วยิ่งสังคมไทยจะเป็นสังคมคนแก่มากขึ้น ก็ไม่รู้จะกลับมาทำอะไร
“ปัญหามันเยอะ แต่ผมยังไม่เห็นใครมาจัดการเลย เช่น กระทรวงสาธารณสุข จะว่าอย่างไรกับสังคมคนแก่ นโยบายคืออะไร เงินประกันสังคมไม่เพียงพออยู่แล้ว หรือเรื่องการศึกษา กระทรวงศึกษาธิการจะเอาอย่างไร มันต้องยกเครื่องใหม่ ต้อง Overhaul ดูอย่างนายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐที่ยกเครื่องข้าราชการทั้งระบบ อะไรไม่มีประสิทธิภาพก็ตัดทิ้งไป หรือเวียดนามที่รวมจังหวัดจาก 60 กว่า เหลือแค่ 30 กว่าจังหวัด แต่ของเราสมัยก่อนเพิ่มจังหวัด เพราะต้องการประโยชน์ทางด้านการเมือง มันกลับไปที่เรื่องนั้นหมด” ดร.ก้องเกียรติกล่าว
อ่านข่าวต้นฉบับได้ที่ : ‘ดร.ก้องเกียรติ’ เปิดปม การเมืองสะดุด จุดอ่อนประเทศ-ตลาดหุ้น
ติดตามข่าวล่าสุดได้ทุกวัน ที่นี่
– Website : https://www.prachachat.net