กลับไปดู "ม็อบนกหวีด" เป่าปี๊ดดด ปิดกรุงเทพฯ พังเศรษฐกิจไทยไปแค่ไหน
“เมื่อชาติมีภัย รวมพลังไทยสามัคคี”
ประโยคทำนองนี้จะโผล่มาทุกครั้ง เมื่อบรรยากาศทางการเมืองมีอุุณหภูมิสูงขึ้น เห็นได้ชัดจากกรณีที่ คลิปเสียงของ “แพทองธาร ชินวัตร” นายกรัฐมนตรีไทย ยกหูโทรคุยกับฮุน เซน เพื่อหาทางออกปมพิพาทชายแดนไทย-กัมพูชา
เนื้อหาในคลิปเสียงนายกฯ กับฮุน เซน ถูกกลุ่มคนที่อ้างว่ารักชาติ นิยามว่าเป็นการทำผิดจริยธรรมในฐานะผู้นำประเทศ จนมีการเรียกร้องให้นายกฯ ประกาศยุบสภา แล้วจัดการเลือกตั้งใหม่ คืนอำนาจสู่ประชาชนอีกครั้ง
ผลสะเทือนจากคลิปเสียงหลุด ทำให้มีการประกาศชุมนุมใจกลางกรุงเทพฯ ในวันที่ 28 มิถุนายน 2568 หรือ “ม็อบ 28 มิ.ย.” ซึ่งจัดขึ้นที่บริเวณอนุเสาวรีย์ประชาธิปไตย มีเวทีใหญ่ และตัวละครทางการเมือง จำนวนมากเตรียมตบเท้าขึ้นเวที
บรรยากาศชวนให้นึกถึงเหตุการณ์ “Shut down กรุงเทพฯ” โดย คณะกรรมการประชาชนเพื่อการเปลี่ยนแปลงประเทศไทยให้เป็นประชาธิปไตยที่สมบูรณ์อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข (กปปส.) ช่วงปลายปี 2556 ถึงกลางปี 2557
ซึ่งเป็นการลงถนนต่อต้านการผลักดันร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) นิรโทษกรรม "ฉบับสุดซอย" ของรัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ม็อบนกหวีดครั้งนี้ กลายเป็นจุดเริ่มต้นการชุมนุมบนท้องถนนครั้งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์การเมืองไทย
“ม็อบนกหวีด” คือกุญแจสำคัญที่เปิดประตูให้กองทัพเข้ามา “รักษาความสงบ” ด้วยการรัฐประหารรัฐบาลพลเรือน โดย พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์ โอชา หรือ บิ๊กตู่ ในวันที่ 22 พฤษภาคม 2557 ทำให้ประเทศไทยตกอยู่ใต้รัฐบาลทหารยาวนาน 9 ปี
และเมื่อมนุษย์สามารถเรียนรู้จากข้อผิดพลาดในอดีตได้ SPRiNG ชวนย้อนกลับไปดู พลเมืองนกหวีด เป่าปี๊ดดด ปิดกรุงเทพฯ สกัดกั้นโอกาสทองของไทยไปแค่ไหน เศรษฐกิจเสียหายเท่าไหร่ ไล่ไปจนถึงยุคสิ้นสุดรัฐบาลทหาร
การก่อตัวและจัดตั้งกลุ่ม กปปส.
“ปี๊ดดดด ปี๊ดดดด ปี๊ดดดดดดดดด”
กลุ่มคณะกรรมการประชาชนเพื่อการเปลี่ยนแปลงประเทศไทยให้เป็นประชาธิปไตยที่สมบูรณ์อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข หรือ กปปส. มีบทบาทสำคัญในการต่อต้านรัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ช่วงปี 56-57 แกนนำโดย นายสุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการ และ สาทิตย์ วงศ์หนองเตย เป็นผู้ดูแลภาพโดยรวมของการชุมนุมทั้งหมด
กลุ่ม กปปส. มีเป้าหมายหลักคือ ต่อต้านและคัดค้าน ร่าง พ.ร.บ. นิรโทษกรรม, ร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ (ประเด็นที่มา ส.ว. และ ม.190), โครงการจำนำข้าวชาวนา กดดันให้ น.ส. ยิ่งลักษณ์ ยุบสภา และลาออก ไปจนถึงขัดขวางการเลือกตั้ง 2 กุมภาพันธ์ 2557
อย่างไรก็ตาม ม็อบ กปปส. ปักหลักกระจายตัวทั่วกรุงเทพฯ หรือที่รู้จักกันในชื่อ “ยุทศาสตร์ดาวกระจาย” โดยเริ่มจากการใช้พลเมืองนกหวีดเข้ายึดพื้นที่สำคัญของราชการ เช่น กองทัพ, ตำรวจ, กระทรวงต่าง ๆ และช่องโทรทัศน์ เพื่อสร้างความชะงักงันในการบริหารประเทศ
กระทั่ง 13 ม.ค. 2557 นายสุเทพ เทือกสุบรรณ ประกาศ Shut down กรุงเทพฯ และกระจายผู้ชุมนุมไปตั้งเวที 7 แห่งทั่วกรุงเทพฯ อันได้แก่ แจ้งวัฒนะ, ห้าแยกลาดพร้าว, อนุสาวรีย์ชัยฯ, ปทุมวัน, สวนลุมฯ, อโศก, ราชประสงค์
ม็อบ กปปส. มีอายุขัยราว 204 วัน ช่วงเวลา 6 เดือนนี้ “กระบวนการแช่แข็งกรุงเทพฯ" สร้างความเสียหายในหลาย ๆ ด้าน อันจะขยายความในลำดับต่อไป
เปิดแผล แลอดีต: ม็อบนกหวีด เฉือนเศรษฐกิจไทย 2557 เสียหายแค่ไหน ?
หลายคนอาจไม่ทราบว่า ม็อบ กปปส. พรากภาษีของประชาชนทั้งประเทศไปมากขนาดไหน ข้อมูลจากข้อมูลจากมติคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 2 ธ.ค. 2556 (อนุมัติก่อน น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ลาออกจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 9 ธ.ค. 2556) ระบุว่า
ครม.มีมติอนุมัติงบประมาณจากงบกลาง วงเงิน 815,184,720 บาท เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการรักษาความสงบเรียบร้อยจากการชุมนุม ระหว่างวันที่ 9 ต.ค.-30 พ.ย. 56 (งบประมาณส่วนแรกที่อนุมัติก่อนที่การชุมนุมจะยกระดับเป็นชัตดาวน์ กรุงเทพฯ) โดยแบ่งเป็นกอง ๆ ได้ดังนี้
- สำนักงานตำรวจแห่งชาติ จำนวน 776,849,720 บาท
- กองทัพบก 10,115,000 บาท
- กองทัพเรือ 1,734,000 บาท
- กองทัพอากาศ จำนวน 1,734,000 บาท
- กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร (กอ.รมน.) จำนวน 17,762,000 บาท
- กองบัญชาการกองทัพไทย จำนวน 6,990,000 บาท
ด้านมหาวิทยาลัยหอการค้าไทย ได้ออกมาเตือนว่าหากการชุมนุมของม็อบกปปส. ยังดำเนินต่อไป อาจสร้างความเสียหายทางเศรษฐกิจราว 700-1,000 ล้านบาท/วัน และในอาจพุ่งสูงถึง 20,000 ล้านบาท กรณียืดเยื้อไปนาน 2 สัปดาห์
“ย้ำอีกครั้ง” ม็อบกปปส. มีอายุ 204 วัน
ทีนี้ ข้ามไปดูอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวกันบ้าง กรุงเทพฯ เป็นเมืองที่เป็นแหล่งดึงดูดนักท่องเที่ยวจากทั่วโลก ปี 2557 กระทรวงต่างประเทศ ระบุว่า หากม็อบกปปส. ยืดเยื้อ การเติบโตทางเศรษฐกิจของปี 2557 อาจลดลงจาก 4-5% เหลือ 3-3.5%
สภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยคาดการณ์ว่าจำนวนนักท่องเที่ยวจีนและรัสเซียอาจลดลง 25-30% ในปี 2557 และคาดว่าจะสูญเสียรายได้จากการท่องเที่ยวเฉพาะเดือนมกราคมไป 18,000 ล้านบาท
สมาคมโรงแรมไทยระบุว่าอัตราการเข้าพักโรงแรมในกรุงเทพฯ ลดลงจาก 80% เหลือ 70-75% และในภาพใหญ่ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทยระบุว่า การชัตดาวน์อาจทำให้ GDP ลดลง 0.1-0.2%
22 พ.ค. 57 : กปปส. โห่ร้องยินดี ประยุทธ์ ทุบโต๊ะ ก่อรัฐประหารรัฐบาลพลเรือน
หนังสือพิมพ์บางกอกโพสต์ฉบับวันที่ 23 มิถุนายน 2557 เปิดเผยการพูดคุยระหว่าง พล.อ.ประยุทธ์กับสุเทพ ช่วงก่อนรัฐประหารไม่นาน ระบุว่า “คุณสุเทพ คุณกับมวลมหาประชาชนกปปส. เหนื่อยเกินไปแล้ว ต่อไปขอเป็นหน้าที่กองทัพบกที่จะทำภารกิจนี้แทน”
หลังจากที่คณะทหาร นำโดย พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ประกาศกฎอัยการศึกต่อเนื่องเป็นวันที่ 3 ได้มีการจัดการประชุมโดยมีตัวแทนจากหลาย ๆ ฝ่าย ไม่ว่าจะเป็น ตัวแทนรัฐบาล (พรรคเพื่อไทย) ตัวแทนพรรคประชาธิปัตย์ (กปปส.) คนเสื้อแดง สมาชิกวุฒิสภา ฯลฯ
เป็นแต่เพียงพิธีกรรมเท่านั้น !
ช่วง 16.30 น. คณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) นำโดย พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา ก่อรัฐประหาร ยึดอำนาจรัฐบาลรักษาการของ นายนิวัฒน์ธำรง บุญทรงไพศาล ซึ่งรักษาการแทน น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ที่ถูกศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยให้พ้นตำแหน่งนายกรัฐมนตรี
จุดเริ่มต้นจากม็อบ กปปส. นำมาสู่การยึดอำนาจของคณะทหาร ประวัติศาสตร์การเมืองไทยซ้ำรอย พลเอกประยุทธ์ ผุดเครื่องมืออย่าง ม.44 ใช้กำจัดผู้เห็นต่างทางการเมือง โยกย้ายข้าราชการแบบมิชอบ จับผู้เห็นต่างไป “ปรับทัศนคติ” ในค่ายทหาร
ทั้งยังคุกคามสิทธิเสรีภาพ สร้างบรรยากาศความหวาดกลัวในสังคม ปิดช่องทางการตรวจสอบ ตลอดเวลา 9 ปีเต็ม ที่ประเทศไทยถอยหลังลงคลอง ไม่มีการพัฒนา เสียโอกาสทางเศรษฐกิจมูลค่ามหาศาล
การขับเคลื่อนประเทศแบบรัฐบาลทหารดิ่งลงคลอง เห็นได้ชัดจากตัวเลข GDP รัฐบาลภายใต้การบริหารของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร GDP ไทยเติบโตเฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ 3% ต่อปี ส่วนรัฐบาลภายใต้การนำของพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา GDP ไทยเติบโตเฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ 1.7-1.8% ต่อปี และ 9 ปี ใต้รัฐบาล คสช. ไทยเสียโอกาสไปราว ๆ 10 ของ GDP หรือราว 1.8 ล้านล้านบาท
บทเรียนจาก ‘Shut down กรุงเทพฯ' ปี 57 สะท้อนให้เห็นชัดเจนว่า นอกจากจะไม่ได้นำมาซึ่งสิ่งใด ยังสร้างความเสียหาย และพรากโอกาสของประเทศไปอย่าง “น่าเจ็บใจ" และ “น่าเสียดาย”
ที่มา: สถาบันพระปกเกล้า, The nation, กระทรวงการต่างประเทศ, กรุงเทพธุรกิจ
ข่าวที่เกี่ยวข้อง