'สุวินัย' ยก 5 ข้อ สิ่งที่ไทยต้องทำในศึกละแวกยุคดิจิทัล แนะ 'ปิดเกม' ให้เร็ว-เด็ดขาด
29 ก.ค. 68 รศ.ดร.สุวินัย ภรณวลัย อดีตอาจารย์ประจำคณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ โพสต์เฟซบุ๊กระบุว่า "สิ่งที่กองทัพไทยต้องทำในศึกละแวกยุคดิจิตัลคืออะไร?
1. ศึกที่ไม่ใช่ศึกเพื่อ “ชายแดนไม่กี่ตารางกิโลเมตร” แต่เป็นศึกเพื่อ “โครงสร้างอำนาจในอินโดจีน” สงครามไทย–เขมรครั้งนี้ ไม่ใช่เพียงเรื่องความขัดแย้งประจำพรมแดน หากแต่เป็น สมรภูมิที่เชื่อมโยงมหาอำนาจสองขั้ว คือจีนกับสหรัฐ ซึ่งต่างต้องการใช้กัมพูชาเป็นฐานรุกเข้าสู่ยุทธศาสตร์ทะเลอินโดจีนของตน เบื้องหลังการเจรจาไร้เงื่อนไขที่นายภูมิธรรมไปทำ ไม่ได้มีอะไรเกี่ยวข้องกับผลประโยชน์ของคนไทยเลย แต่เป็นผลประโยชน์ของ กลุ่มทุนการเมืองในประเทศ และ ตระกูลการเมืองไทย ที่ผูกพันธุ์ผลประโยชน์กับตระกูลฮุนมายาวนาน
นี่จึงเป็นศึกที่มี เดิมพันสูงกว่าแผนที่ชายแดน เพราะมันคือศึกเพื่อ 'ปิดเกม' เครือข่ายผลประโยชน์ที่ยึดชาติเป็นตัวประกัน
2. #ควรประกาศกฎอัยการศึก: การตัดสินใจที่ถูกเวลาที่สุด กองทัพไทยควรประกาศกฎอัยการศึกทั่วประเทศในห้วงเวลาที่ความมั่นคงของชาติสั่นสะเทือนจากหลายทิศ
> เพื่อปิดช่องให้เครือข่ายผลประโยชน์ในประเทศใช้ “การเมืองสับขาหลอก” กดดันกองทัพให้หยุดยิงโดยไร้เงื่อนไข
> เพื่อรักษาเสถียรภาพในพื้นที่เมืองใหญ่ ป้องกัน สงครามข้อมูล และ การจลาจลแฝง ที่อาจเกิดขึ้นจากผู้เล่นภายนอก
> เพื่อสร้าง Unified Command ในช่วงเวลาที่ต้องใช้ “ภาวะผู้นำเชิงยุทธศาสตร์” ไม่ใช่ “เกมผลประโยชน์เฉพาะกลุ่ม”
3. พันธมิตรตามภูมิศาสตร์: เวียดนามและลาวบางที นี่อาจเป็นจังหวะที่กองทัพไทยต้อง ประสานจังหวะกับเวียดนามและลาว—สองประเทศที่ไม่ยอมให้กัมพูชาเป็น “ฐานของใครก็ได้” ที่จะเข้ามาขยายอิทธิพลในภูมิภาค
> เวียดนามไม่ไว้ใจทั้งจีนและสหรัฐ เพราะเห็นบทเรียนในทะเลจีนใต้
> ลาวต้องการทางออกสู่ทะเล และการลดบทบาทกัมพูชาที่ขวางผลประโยชน์เชื่อมโยงอินโดจีน
การประสานกองกำลัง (หากเกิดขึ้น) จึงไม่ใช่เพียง “การช่วยเหลือเพื่อนบ้าน” แต่คือ การยกระดับยุทธศาสตร์ของไทย ให้พ้นจากกับดัก “ศึกชายแดนท้องถิ่น” ไปสู่ “สมรภูมิยุติการขยายอิทธิพลของคนนอกภูมิภาค”
4. บทบาทที่กองทัพไทยควรต้องทำทันที
(1) ปฏิเสธ “การหยุดยิงไร้เงื่อนไข”
การพักรบต้องมีเงื่อนไขที่ชัดเจน: คืนพื้นที่ที่รุกล้ำ + ยอมรับแผนที่มาตราส่วน 1:50,000
ไม่เปิดโอกาสให้ฝ่ายตรงข้ามใช้ “เวลาพักรบ” สะสมกำลังกลับมาสู้ใหม่
(2) เร่งปิดเกมในสนามรบ
ใช้ กำลังทางอากาศเต็มรูปแบบ เพื่อกดดันให้เขมร “โงหัวไม่ขึ้น” ภายในระยะเวลาสั้น
เพิ่มระดับการโจมตีต่อฐานกำลังและโครงสร้างสนับสนุน (ไม่ใช่พื้นที่พลเรือน) เพื่อเร่งให้เกิด จุดแตกหัก
(3) สงครามข้อมูล (Information Warfare)
ทำให้สังคมไทยและนานาชาติเห็นชัดว่า เขมรเปิดฉากยิงก่อน และใช้ BM21 โจมตีพลเรือนไทย
ปิดทาง “เกมกดดันสังคม” ของเครือข่ายทุนการเมืองในประเทศที่จะอ้างเรื่องมนุษยธรรมเพื่อบีบให้หยุดรบ
(4) ตัดวงจรทุน–การเมือง–สงคราม
ตรวจสอบเครือข่ายผลประโยชน์ในประเทศที่โยงกับตระกูลการเมืองและกลุ่มทุนข้ามพรมแดน
ใช้โอกาสนี้ “ปิดเกมผลประโยชน์สีเทา” ที่ผูกพันชายแดนไทย–กัมพูชา มานานหลายสิบปี
5. เกมยาว: จากสงครามสนามรบ → สงครามสัญญา
ชัยชนะในสนามรบจะไร้ความหมาย หากเรา “คืนทุกอย่างให้โต๊ะเจรจาที่คนอื่นเป็นผู้กำหนด”
● สิ่งที่กองทัพไทยต้องเตรียมหลังปิดเกม:
> จัดการเจรจาผ่านผู้นำกองทัพโดยตรง ไม่ใช่ผ่านตัวแทนการเมืองที่มีผลประโยชน์ทับซ้อน
> เขียนกติกาใหม่ ที่ป้องกันการกลับมาของเครือข่ายผลประโยชน์ข้ามชาติที่ใช้ชายแดนเป็นแหล่งต่อรอง
> วางแผนฟื้นฟูพื้นที่ชายแดน ให้กลายเป็น “เขตเศรษฐกิจแห่งสันติภาพ” ภายใต้การควบคุมของไทยอย่างเบ็ดเสร็จ
บทสรุป:
ศึกครั้งนี้ไม่ใช่เพียงเรื่องปืนใหญ่กับ BM21 แต่เป็นศึกเพื่อ ตัดสินว่าใครจะเป็นผู้กำหนดอนาคตอินโดจีน
สิ่งที่กองทัพไทยต้องทำ คือการ 'ปิดเกม' ให้เร็ว และ 'ปิดเกม' ให้เด็ดขาด ทั้งต่อฝ่ายตรงข้ามนอกบ้าน และต่อ เครือข่ายขายชาติ ในบ้านเรา
ด้วยความปรารถนาดี
~ สุวินัย ภรณวลัย"
.-008