'Apple' หืดจับ ประกาศปิดสาขาในประเทศ 'จีน' เป็นครั้งแรก
สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานว่า บริษัท "แอปเปิ้ล อิงค์" (Apple Inc.) ได้ประกาศ "ปิดร้านค้าปลีกในประเทศจีน" เป็นครั้งแรกนับตั้งแต่เข้ามาลงทุนในแดนมังกร นับเป็นสัญญาณชัดเจนของการถดถอยในตลาดใหญ่ที่บริษัทกำลังพยายามกระตุ้นยอดขาย iPhone ที่ชะลอตัวลง
บริษัทประกาศเมื่อวันจันทร์ที่ 28 ก.ค.68 ว่า จะปิดร้านค้าปลีกในห้าง Parkland Mall เขตจงซาน เมืองต้าเหลียน มณฑลเหลียวหนิง ในวันที่ 9 ส.ค.68 นี้ โดยอ้างถึงสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงไปของศูนย์การค้าแห่งนี้ โดยเมื่อช่วงต้นปี ผู้ถือหุ้นรายใหญ่ของศูนย์การค้าแห่งนี้ได้เข้าควบคุมการดำเนินงานอย่างเต็มรูปแบบ ขณะที่ร้านค้าปลีกบางราย เช่น Coach, Sandro และ Hugo Boss ไม่ได้ต่ออายุสัญญาเช่าในช่วงไม่กี่ปีมานี้
ปัจจุบัน Apple มีร้านค้าประมาณ 56 แห่ง ในจีนแผ่นดินใหญ่ คิดเป็นสัดส่วนมากกว่า 10% ของร้านค้าทั้งหมดกว่า 530 แห่งทั่วโลก โดยการตัดสินใจครั้งนี้สะท้อนถึงความพยายามของแอปเปิ้ลในการปรับกลยุทธ์ ท่ามกลางความท้าทายด้านยอดขายในตลาดสำคัญอย่างจีน
“เรามุ่งมั่นที่จะมอบประสบการณ์ที่ยอดเยี่ยมให้กับลูกค้าทุกคน ทั้งทางออนไลน์ และที่ Apple Store กว่า 50 แห่งทั่วจีนแผ่นดินใหญ่” แถลงการณ์ของบริษัทระบุ “เพราะมีผู้ค้าปลีกหลายรายย้ายออกจากห้างพาร์คแลนด์ มอลล์ เราจึงตัดสินใจปิดร้านของเราที่นั่น”
ปิดร้านสัญญาณบ่งชี้ความท้าทาย
ปัจจุบันจีนกำลังเผชิญกับแรงกดดัน "ภาวะเงินฝืด" เนื่องจากการบริโภคที่ลดลง และภาษีศุลกากรทั่วโลกส่งผลกระทบต่อการส่งออก ซึ่งเป็นแรงขับเคลื่อนสำคัญของเศรษฐกิจอันดับสองของโลก การเติบโตของยอดค้าปลีกต่ำกว่าที่คาดการณ์ไว้ และราคาบ้านก็ลดลงอย่างรวดเร็วในเดือนมิถุนายน
สาขาที่ปิดให้บริการนี้เป็น 1 ใน 2 สาขาในเมืองต้าเหลียน อีกสาขาหนึ่งคือ สาขาที่ศูนย์การค้า Olympia 66 ซึ่งยังคงเปิดให้บริการอยู่ บริษัทกล่าวว่าพนักงานในที่สาขาที่ปิดให้บริการจะได้รับโอกาสในการทำงานที่อื่น โดยทั้งสองสาขาอยู่ห่างกันประมาณ 10 นาที
ทั้งนี้ ยอดขายของแอปเปิ้ลในจีนปรับตัวลดลง 2.3% เหลือ 1.6 หมื่นล้านดอลลาร์ ในไตรมาสที่สอง (สิ้นสุดวันที่ 29 มี.ค.68) ลดลงเล็กน้อยจากที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ที่ 1.68 หมื่นล้านดอลลาร์ แต่บลูมเบิร์ก ระบุว่าโดยภาพรวมแล้ว Apple กำลังมองหาทางกลับมาพลิกฟื้นในตลาดจีนอีกครั้ง
แอปเปิ้ลกำลังจะเปิดสาขาใหม่ที่ Uniwalk Qianhai ในเซินเจิ้น วันที่ 16 ส.ค.68 นี้ และมีแผนจะเปิดสาขาเพิ่มเติมในปักกิ่งและเซี่ยงไฮ้ในปีหน้า โดยเมื่อเดือนม.ค. ที่ผ่านมา แอปเปิ้ลก็เพิ่งเปิดสาขาใหม่ในมณฑลอานฮุย
นอกจากจีนแล้ว แอปเปิ้ลก็กำลังขยายธุรกิจในหลายประเทศเมื่อเร็วๆ นี้ด้วยการเปิดสาขาใหม่ในดีทรอยต์ สหรัฐ, สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์, ซาอุดีอาระเบีย และอินเดีย รวมถึงเพิ่งเปิดสาขาใหม่ที่โอซาก้า ญี่ปุ่น เมื่อวันที่ 26 ก.ค.68 และร้านแฟล็กชิปสโตร์แห่งใหม่ขนาดใหญ่ที่ไมอามี สหรัฐ ในเดือนม.ค. บริษัทยังได้เปิดสาขาแรกในประเทศมาเลเซียเมื่อปีที่แล้วด้วย
แม้ว่า Apple จะยังคงเพิ่มร้านค้าใหม่ๆ แต่การขยายตัวของธุรกิจค้าปลีกโดยรวมกลับชะลอตัวลงนับตั้งแต่เกิดการระบาดใหญ่ของโควิด แอปเปิ้ลจึงมุ่งเน้นไปที่การเปิด "ร้านค้าปลีกออนไลน์" ในประเทศใหม่ๆ เช่น อินเดีย และซาอุดีอาระเบีย รวมถึงการปรับปรุงหรือย้ายสถานที่ตั้งเดิมแทน
ขณะเดียวกัน แอปเปิ้ลยังดูเหมือนจะเริ่มมีความเข้มงวดมากขึ้นในการต่ออายุสัญญาเช่าร้านค้า โดยประกาศแผนที่จะปิดร้านในเมืองบริสตอล สหราชอาณาจักร ในวันเดียวกับที่ประกาศปิดสาขาในจีน นอกจากนี้ยังมีสาขาอื่นๆ ที่แอปเปิ้ลเตรียมจะปิดร้านต่อไป เช่น สาขา Partridge Creek ในมิชิแกน สหรัฐ และสาขา Hornsby ใกล้กับซิดนีย์ ออสเตรเลีย
ยอดขาย iPhone ดีขึ้น แต่ยังสู้แบรนด์จีนไม่ได้
ข้อมูจากบริษัทวิจัยตลาดเทคโนโลยี Canalys ระบุว่า ในไตรมาส 2 สิ้นสุดเดือนมิ.ย. ที่ผ่านมา "หัวเว่ย เทคโนโลยีส์" กลับมาครองอันดับ 1 ในตลาดสมาร์ตโฟนจีนได้อีกครั้ง โดยสามารถจัดส่งสมาร์ตโฟนได้ 12.2 ล้านเครื่องในจีน เพิ่มขึ้น 15% เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปีก่อน คิดเป็นส่วนแบ่งตลาด 18% และนับเป็นครั้งแรกที่หัวเว่ยกลับมาครองเบอร์ 1 ส่วนแบ่งตลาดในจีน นับตั้งแต่ไตรมาสแรกของปี 2567
ส่วนแอปเปิ้ลสามารถจัดส่งสมาร์ตโฟนได้ 10.1 ล้านเครื่องในจีน เพิ่มขึ้น 4% เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปีก่อน อยู่ในอันดับ 5 ของตลาดจีน และยังนับเป็นครั้งแรกที่สมาร์ตโฟนของแอปเปิ้ลสามารถเติบโตได้ในจีน นับตั้งแต่ไตรมาส 4 ของปี 2566
อย่างไรก็ดี ตัวเลขการจัดส่งสมาร์ตโฟนหมายถึงจำนวนอุปกรณ์ที่ส่งไปยังผู้ค้าปลีก ซึ่งเป็นตัวชี้วัดดีมานด์ในตลาด แต่ไม่ได้บ่งชี้ยอดขายโดยตรง
พิสูจน์อักษร….สุรีย์ ศิลาวงษ์