กทท.อัญเชิญถ้วยพระราชทานพระเจ้าอยู่หัวและสมเด็จพระนางเจ้าฯพระบรมราชินี ศึกเปตองการกุศล “ท่าเรือโอเพ่น” ปี 68
การท่าเรือแห่งประเทศไทย (กทท.) เดินหน้าจัดการแข่งขันกีฬาเปตองการกุศล “ท่าเรือโอเพ่น” ประจำปี 2568 พร้อมอัญเชิญถ้วยพระราชทานพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี และสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี สำหรับมอบให้แก่ผู้ชนะเลิศในประเภททีมชาย ทีมหญิง และทีมเยาวชน ซึ่งนับเป็นการแข่งขันรายการเดียวในประเทศไทยที่ได้รับถ้วยพระราชทานจากทั้งสามพระองค์
วันที่ 30 มิถุนายน 2568 นายเกรียงไกร ไชยศิริวงศ์สุข ผู้อำนวยการ กทท. เป็นประธานในพิธีอัญเชิญถ้วยพระราชทานฯ พร้อมด้วยผู้บริหาร กทท. พนักงาน กทท. คณะกรรมการจัดการแข่งขันฯ จิตอาสา 904 และสื่อมวลชน ร่วมในพิธีอัญเชิญถ้วยพระราชทานในบริเวณพื้นที่โดยรอบท่าเรือกรุงเทพ พร้อมนำถ้วยพระราชทานมาประดิษฐานยังแท่นพิธีหน้าพระบรมฉายาลักษณ์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ณ อาคารที่ทำการ กทท. เพื่อแสดงถึงความเคารพและความจงรักภักดีต่อสถาบันพระมหากษัตริย์
นายเกรียงไกร ไชยศิริวงศ์สุข ผู้อำนวยการ กทท. เปิดเผยว่า “การแข่งขันกีฬาเปตองการกุศล “ท่าเรือโอเพ่น” ถือเป็นการแข่งขันประจำปีที่ กทท. ดำเนินการมาอย่างต่อเนื่องยาวนานกว่า 3 ทศวรรษ เพื่อส่งเสริมกีฬาเปตองจากระดับชุมชนสู่เวทีนานาชาติ โดยในปีนี้ กทท. ได้รับพระมหากรุณาธิคุณจากพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี และสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารีในการพระราชทานถ้วยรางวัลต่อเนื่องเป็นปีที่ 4 ซึ่งนับเป็นเกียรติประวัติและความภาคภูมิใจอย่างยิ่งของพนักงาน กทท. และนักกีฬาทุกคน สำหรับการแข่งขันฯ มีกำหนดจัดขึ้นในวันเสาร์ที่ 5 กรกฎาคม 2568 ณ สนามกีฬาเปตอง สโมสร กทท. โดยมีนักกีฬาจากทั้งในประเทศและต่างประเทศเข้าร่วมกว่า 250 ทีม ชิงรางวัลรวมกว่า 170,000 บาท ทั้งนี้รายได้ทั้งหมดจากการแข่งขันจะมอบให้แก่มูลนิธิพระดาบสโดยไม่หักค่าใช้จ่าย เพื่อสนับสนุนการศึกษาและสร้างโอกาสทางอาชีพให้แก่เยาวชนไทย
การแข่งขันเปตองการกุศลในปีนี้ไม่เพียงแต่เป็นการส่งเสริมสุขภาพและความสามัคคีผ่านกีฬาเท่านั้น แต่ยังเป็นการสนับสนุน ส่งเสริมและสืบสานพระราชปณิธานในการเผยแพร่กีฬาเปตองหรือกีฬาสมเด็จย่า ซึ่งเป็นกีฬาที่เข้าถึงง่าย เล่นได้ทุกเพศทุกวัย ใช้อุปกรณ์ไม่มาก และมีค่าใช้จ่ายน้อย ซึ่งเหมาะสมกับบริบทองสังคมไทย อีกทั้งยังสะท้อนให้เห็นถึงบทบาทของ กทท. ในการขับเคลื่อนสังคมอย่างรอบด้าน ทั้งด้านการส่งเสริมสุขภาพประชาชน การพัฒนาคุณภาพชีวิตของเยาวชน ตลอดจนการสร้างการมีส่วนร่วมและความสัมพันธ์อันดีกับชุมชน เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตของสังคมให้ดีขึ้นและเติบโตร่วมกันอย่างยั่งยืน”