พลอยชมพู อัมพุช แห่งเดอะมอลล์ กรุ๊ป แพชชั่นที่มุ่งมั่นดันสินค้าไทยสู่ 'เวิลด์ คลาส'

พลอยชมพู อัมพุช แห่งเดอะมอลล์ กรุ๊ป แพชชั่นที่มุ่งมั่นดันสินค้าไทยสู่ ‘เวิลด์ คลาส’

เป็นอีกหนึ่งผู้บริหารรุ่นใหม่ของอาณาจักร ‘เดอะมอลล์ กรุ๊ป’ สำหรับ ‘พลอยชมพู อัมพุช’ หนึ่งในทายาทเจน 3 ของตระกูล ‘อัมพุช’ ที่มีความมุ่งมั่นพัฒนาเดอะมอลล์ กรุ๊ป โดยเฉพาะ “กูร์เมต์ มาร์เก็ต” ทั้ง 17 สาขา ให้เป็นซุปเปอร์มาร์เก็ตระดับเวิลด์คลาส เป็นหมุดหมายของคนทั่วโลก (World Class Gourmet Destination) เป็นเวทีผลักดันสินค้าไทยให้ก้าวไกลระดับโลก

พลอยชมพู เป็นลูกสาวคนกลางของ “สุรัตน์ อัมพุช” กับ “นันท์นภัส หวันปาเต๊ะ” เป็นหลานสาวของหญิงเหล็กแห่งวงการค้าปลีก อย่าง “แอ๊ว-ศุภลักษณ์ อัมพุช”

แม้จะเติบโตจากตระกูลธุรกิจหมื่นล้าน หากครอบครัวก็บ่มเพาะให้เธอใช้ชีวิตการทำงานเฉกเช่น “พนักงานธรรมดาคนหนึ่ง” ตั้งแต่ก้าวแรกที่เข้ามาทำงานในเดอะมอลล์ กรุ๊ป หลังศึกษาจบปริญญาตรี สาขา Business Management with Marketing จาก University of Brighton ประเทศอังกฤษ

พลอยชมพู เริ่มต้นชีวิตการทำงาน แผนกการตลาดและอีเวนต์ ที่เอ็มโพเรียม และเอ็มควอเทียร์ จากนั้นย้ายแผนกไปดูเรื่อง Retail Development ดูแลลูกค้าผู้เช่าพื้นที่ศูนย์การค้า (Tenant) ก่อนที่จะไปดู Business Development การพัฒนาธุรกิจ หรือพัฒนาโปรเจ็กต์ที่ต่อยอดธุรกิจกลุ่มเดอะมอลล์ ผลงานที่เคยทำคือการพัฒนา Escape Bangkok ซึ่งเป็นคอนเซ็ปต์ของร้านอาหารกับบาร์ ตั้งอยู่บนชั้น 5 เอ็มควอเทียร์ เพื่อเติมเต็มประสบการณ์ กิน ดื่ม ช็อป ให้กับลูกค้า

ชิมลางงานมาอย่างหลากหลาย ทำให้เธอค้นพบ“ทางที่ใช่” ด้วยความเป็นคนที่ชอบทำอาหาร จึงชอบเดินซุปเปอร์มาร์เก็ต เธอจึงขอครอบครัวมาทำงานที่กูร์เมต์ มาร์เก็ต (Gourmet Market) ซุปเปอร์มาร์เก็ตที่มีส่วนสำคัญในการสร้างรายได้ให้กับธุรกิจกลุ่มเดอะมอลล์ โดยปัจจุบันนี้ดูภาพรวมของ ‘กูร์เมต์ มาร์เก็ต’ ซึ่งมีทั้งหมด 17 สาขา โดยบริหารงานในตำแหน่ง ผู้อำนวยการใหญ่บริหารสินค้าซูเปอร์มาร์เก็ต บริษัท เดอะมอลล์ กรุ๊ป จำกัด

รวมถึงเป็นหัวเรือใหญ่ในการจัดอีเวนต์ต่างๆ เช่น งานเทศกาลโครงการหลวง, งานเทศกาลน้ำมันเมล็ดคามีเลียภัทรพัฒน์, งานคัดไทย มาร์เก็ต, งานเทศกาลผลไม้ กูร์เมต์ ฟรุ้ตเฟิร์ตส์ (Gourmet Fruit First), งานกูร์เมต์ เทสติวัล (Gourmet Tastival) ในตำแหน่ง “ผู้อำนวยการใหญ่บริหารสินค้าซูเปอร์มาร์เก็ต บริษัท เดอะมอลล์ กรุ๊ป จำกัด”

“พอเรียนจบเมื่อ 10 กว่าปีที่แล้ว ครอบครัวให้มาทดลองงานตั้งแต่เลเวลแรกเลย ทำตั้งแต่การทำเอกสาร และไต่ระดับขึ้นมา ไม่ได้มีการข้ามเลเวลหรืออะไร เขาก็จะให้ทำตามขั้นตอนทุกอย่างเหมือนเป็นพนักงานคนหนึ่งเลย ไม่ได้มีการอยู่ดีๆ ขึ้นมามีตำแหน่งเลย” พลอยชมพูย้อนเล่าชีวิตพนักงานฝึกหัด

เป็นการเริ่มนับหนึ่งชีวิต “พนักงาน” ที่เต็มไปด้วยความท้าทาย

“ความยากของเราคือความคาดหวัง เพราะว่าการที่เรามาทำงานที่นี่ ครอบครัวค่อนข้างจับตามองดูว่าเราทำงานเป็นยังไง ความคาดหวังก็ค่อนข้างสูง เราจะทำยังไงให้เราสามารถสวมหมวก 2 ใบได้ คือสามารถสวมหมวกที่ทำงานเป็นหนึ่งในพนักงานที่เริ่มต้นตอนแรก กับอีกอันนึงที่ต้องสวมหมวกความเป็นเจ้าของด้วย เพื่อดูภาพรวมของบริษัทด้วย”

ซึ่งเธอใช้กลยุทธ์ “เรียนรู้จากคนเก่งและผู้มีประสบการณ์”

“การที่เราจะทำงานในตอนแรกที่ไม่ได้มีประสบการณ์มาก ค่อนข้างกดดัน ท้าทาย เพราะฉะนั้นจึงเป็นสิ่งที่ต้องเรียนรู้ให้ไว เรียนรู้จากผู้มีประสบการณ์ แล้วก็เรียนรู้จากทีมงานที่มีอยู่ ที่เก่งๆ กัน ก็เรียนรู้จากเขาจนเราได้มีประสบการณ์มากขึ้น ก็ได้เรียนรู้งานมากขึ้น ได้มีการดูในเรื่องของงานมากขึ้นเรื่อยๆ”

ซึ่งนี่คือ “รากฐาน” ที่ทำให้พลอยชมพูก้าวขึ้นสู่ “ผู้บริหาร” ที่เข้าใจการทำงานทุกขั้นตอน

“การที่เราได้มีการทำงานกับทีม เราก็เข้าใจว่าในแต่ละเลเวลเขาจะรู้สึกยังไง หรือว่าเขาจะมีการทำงานแบบไหนกันบ้าง วิธีการสื่อสารกันระหว่างแผนกเป็นยังไง เมื่อขึ้นมาอยู่เป็นผู้บริหารระดับสูงจะพยายามจัดหมวดหมู่ให้ทีมทุกคนมีเป้าหมายเดียวกัน ทำงานร่วมกันภายในทีมให้ได้เพื่อประโยชน์สูงสุดของบริษัท”

ส่วนปณิธานสูงสุดของพลอยชมพูคือ อยากผลักดันให้ “กูร์เมต์ มาร์เก็ต” เป็น World Class Gourmet Destination ซึ่งก็เป็นอะไรที่ท้าทายผู้บริหารสาวไม่น้อย

“การที่เราจะเป็น World Class Gourmet Destination ให้ได้ ไม่ได้เป็นแค่ในเรื่องของการรวมรวมสินค้าที่ดีที่สุดเท่านั้น แต่เป็นเรื่องของการมอบประสบการณ์ และเป็นเรื่องของการให้บริการลูกค้าด้วย ทีนี้เราก็กลับมามองในเรื่องของ Core Value ของเราว่า ตัวของกูร์เมต์ มาร์เก็ต เรามี Core Value อะไรบ้าง ซึ่งเราก็วิเคราะห์ออกมาเป็น 4 DNA หรือ 4 แกนหลักด้วยกัน นั่นคือ Experience มีในเรื่องของ Beyond มีในเรื่องของ Enjoyment และก็มีในเรื่องของ Community ซึ่งตอนแรกสุดเลยที่ออกมาเป็น 4 แกน จริงๆ มีอยู่แล้วเป็นสโลแกนของกูร์เมต์ มาร์เก็ต เราก็แบบอยากที่จะสร้างกลยุทธ์ที่เข้ากับตัว 4 แกนนี้ ซึ่งเป็น DNA ของเรา”

พลอยชมพูยกตัวอย่างในเรื่องของแกนที่ 3 Enjoyment โดยทำให้ลูกค้ารู้สึกสนุกเวลามาช้อปปิ้งจับจ่ายใช้สอย

“เราพยายามทำอีเวนต์หรือกิจกรรมต่างๆ เพื่อตอบโจทย์ตรงนี้ เรามีการทำอีเวนต์จากปีที่แล้วที่เราทำมา 20 อีเวนต์ ปีนี้เราจะทำเพิ่มมาอีกเป็น 30 ซึ่งเรามีการทำทั้งข้างใน และข้างนอกกูร์เมต์ มาร์เก็ต ซึ่งตัวข้างนอกกูร์เมต์ มาร์เก็ต ก็จะจัดเป็นงานใหญ่ ซึ่งมีซิกเนเจอร์อีเวนต์มากมาย เช่น งานคัดไทย ที่เราเพิ่งทำผ่านมา เราก็ทำที่เอ็ม ดิสทริค ทั้งสามตึก ซึ่งงานครั้งนี้ก็เป็นงานที่เราคัดของดีจากเมืองไทยเข้ามาทั้ง 77 จังหวัด มีการนำภูมิปัญญาไทยเข้ามาโชว์ให้ชาวต่างชาติและคนไทยได้เห็น และก็ได้เป็นกระบอกเสียงให้กับ SME ด้วย”

“ส่วนแกนที่ 4 ก็เป็นเรื่องของ Community คือการที่ได้เป็นพันธมิตร พาร์ตเนอร์ที่ดีกับเรา ทั้งการดูแลในเรื่องของกลุ่มซัพพลายเออร์ที่เป็นเกษตรกร หรือ SME ซึ่งจริงๆ แล้วทางเดอะมอลล์กรุ๊ป เรามีความรู้ด้านการค้าปลีกมามากกว่า 40 ปี แล้วเราก็มีทีมที่เป็นซอร์สซิ่งทีมของเราเองด้วย ซึ่งซอร์สซิ่งทีม จะเป็นทีมที่อยู่ภายใต้กูร์เมต์ ที่จะลงไปทั้ง 77 จังหวัดของประเทศไทยไปช่วยเหลือเกษตรกร และช่วยรับซื้อสินค้ามาขายที่กูร์เมต์ มาร์เก็ต เราก็จะเอาความรู้ไปให้เขาพัฒนาสินค้า ทำยังไงให้ผลิตภัณฑ์ของเขาเป็นที่น่าสนใจ เพิ่มมูลค่าให้กับสินค้า”

“ซึ่งนี่เป็นจุดสำคัญ เพราะเราก็ทำเรื่องนี้มาอย่างยาวนาน แล้วก็ประเทศไทยของเราส่วนใหญ่รายได้ของประเทศไทยส่วนมากก็มาจากกลุ่มเกษตรกร เพราะฉะนั้น เราจึงอยากช่วยเหลือพวกเขาให้มีช่องทางในการจำหน่ายที่ชัดเจน แล้วก็อยากจะพัฒนา เพราะจริงๆ สินค้าเขาดีมาก แต่ไม่ได้มีโอกาสที่จะมาขายในห้างหรือพื้นที่ที่ชาวต่างชาติได้มาเห็น เราเลยอยากเป็นอีกกระบอกเสียงให้เขา เช่น ที่พารากอนเราก็มีพื้นที่ให้เกษตรกรโดยเฉพาะ ชื่อว่า กูร์เมต์ ไทย (Gourmet Thai) เราร่วมพัฒนาของอะไรมา เราก็เอามาใส่ในรูปแบบของกูร์เมต์ ไทย แล้วก็นำมาจำหน่ายเป็นของฝากให้กับชาวต่างชาติ”

ตลอดระยะเวลาที่ดูแลกูร์เมต์ มาร์เก็ตมาเป็นระยะเวลา 6 ปี พลอยชมพูเผยว่า สินค้าไทยได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี โดยเฉพาะกลุ่มทัวริสต์ แม้ในช่วงปีหลังๆ ทัวริสต์อาจจะน้อยลงหลังจากโควิด และโดยเฉพาะในปี 2025 แต่สินค้าไทยก็ยังได้รับการตอบรับค่อนข้างดี จากกลุ่มลูกค้าในประเทศ ที่ยังมองหาผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพคุ้มค่าต่อราคา ราคาไม่แพง แต่คุณภาพต้องถึง คุณภาพต้องห้ามดร็อป

“สินค้าไทยที่ทัวริสต์สนใจเป็นพิเศษ ก็จะเป็นผลไม้ไทยต่างๆ โดยมีทุเรียนเป็นหลัก พวกผลไม้อบแห้ง ทุเรียนอบแห้ง มะม่วงอบแห้ง นอกนั้นก็มีทองม้วนที่ชาวต่างชาติชอบ ซื้อกลับไปบ้าง และมีพวกกลุ่มถั่วที่ชาวต่างชาติให้ความสนใจเป็นพิเศษขายดิบขายดี

จากนโยบายรัฐบาลที่ผลักดันซอฟต์พาวเวอร์ ในฐานะที่กูร์เมต์ มาร์เก็ต ก็เป็นอีกหนึ่งกระบอกเสียงที่เปิดพื้นที่ขายให้กลุ่มเกษตรกร

“เรามีอีกหนึ่งโปรเจ็กต์ เรียกว่า ยิ้มยิ้ม เป็นโซนใหม่ที่เราครีเอตขึ้นมาเพื่อช่วยเหลือกลุ่ม SME ที่ทำผ้าถัก ตุ๊กตาถัก กระเป๋า หมวก ผ้าไหมต่างๆ โดยยิ้มแรก คือยิ้มที่มาจาก SME ที่เราไปช่วยเหลือเขา ยิ้มที่สองคือจากผู้ให้สู่ผู้รับ จึงกลายเป็นโปรเจ็กต์ยิ้มยิ้ม คือเราไปช่วยผู้ด้อยโอกาสให้กลับมามีโอกาสในการขาย”

นับเป็นผู้บริหาร “เจนวาย” รุ่นใหม่ทุ่มเทให้กับงานเต็มร้อย ซึ่งเธอแสดงความคิดเห็นการทำงานกับคนหลายเจเนอเรชั่นว่า

“ในกลุ่มเดอะมอลล์เองเรามีหลากหลายเจน มีหลากหลายวัฒนธรรม ซึ่งถือเป็นข้อดีของบริษัท เพราะการที่เรามีหลากหลายเจนเข้ามา คนรุ่นเก่ากับคนรุ่นใหม่อยู่ในบริษัทเดียวกัน ค่อนข้างสร้างประโยชน์ให้กับบริษัท เพราะคนรุ่นเก่าเขาก็จะค่อนข้างชำนาญ มีความเป็นมืออาชีพสูง แล้วก็ค่อนข้างชำนาญในสายงานที่เขาทำ ทราบ process ได้ค่อนข้างดี พอมาเจอกับคนรุ่นใหม่ที่มีไอเดียใหม่ๆ think out of box หรือคิดนอกกรอบ มีเทรนด์ใหม่ๆ พอเอามารวมกันแล้ว ก็จะสร้างผลประโยชน์ให้กับบริษัทอย่างมากมาย”

“ส่วนเราอาจจะเป็นคนเจนวายที่ค่อนข้างมีแพชชั่นในการทำงาน ก็คือมีความอยากจะให้กูร์เมต์ เป็นหนึ่งใน World Gourmet Destination ให้ได้ และมีความพยายามที่จะทำมัน จริงๆ แล้วการเป็นคนรุ่นใหม่ก็มองว่า เวลาทำงานกับคนรุ่นเก่า หรือว่าคนที่เป็นมืออาชีพอยู่แล้ว”

“เราก็ต้องเปิดรับฟังเขาให้มากๆ เพราะว่าเขามีประสบการณ์มากกว่า เพราะฉะนั้นการที่จะทำงาน เราก็มีการทำงานแบบว่า เปิดรับฟังเยอะๆ เวลาเราจะเสนออะไร เราก็จะฟังเขาให้มาก และนำมาปรับใช้ในโปรเจ็กต์เรา อะไรที่มันเป็นไปไม่ได้ หรือว่ามีการคุยสรุปกันมาแล้ว ว่าไม่ควรทำ เราก็จะไม่ได้ยื้อทำไป เราก็จะนำไปปรับใช้กับโปรเจ็กต์เราให้ออกมาดีที่สุด”

เป็น Working Women ที่มีครอบครัวเป็นแบบอย่าง รวมไปถึงผู้หญิงเก่งอย่าง “คุณอาแอ๊ว-ศุภลักษณ์ อัมพุช” ที่เป็นแบบอย่างในเรื่องของการทำงานหนัก มีความมุ่งมั่น และเรื่อง make impossible possible

“ครอบครัวสอนชมพูในทุกมิติเลย ไม่ว่าจะเป็นการสวมหมวกในเรื่องของการเป็นเจ้าของ หรือในเรื่องของการทำโปรเจ็กต์ ถ้าเป็นเรื่องของการทำโปรเจ็กต์ ก็สอนตั้งแต่การวางเลย์เอาต์ การวางคอมโพซิชั่นของห้างแต่ละห้างต้องเป็นยังไง ทำกลยุทธ์ยังไงให้เป็น Thailand No.1 Destination ในเรื่องของมาร์เก็ตติ้งต่างๆ รวมไปถึงการใช้ชีวิตในเรื่องของการทำงานและชีวิตส่วนตัว”

“ชีวิตในเรื่องของการทำงาน ก็จะมีในเรื่องของ 3D ที่จะพูดบ่อยๆ ก็จะ 1.มีการอุทิศตน การตั้งเป้าหมายที่ชัดเจน และไปให้ถึง มีความมุ่งมั่นในการทำงาน อย่างที่ 2 กับ 3 ก็คือจะเป็นความจงรักภักดี หรือการกำหนดในเรื่องของความมุ่งมั่นที่มีกับงาน มีการเสียสละในเรื่องของเวลาส่วนตัวให้กับงาน มีการอยากจะทำงานให้หนัก แล้วก็มีความทุ่มเทให้กับงาน จนงานนั้นสำเร็จให้ได้ คือเวลาทำงานเราต้องมีความเสียสละ ส่วนในเรื่องของใช้ชีวิตส่วนตัว ก็จะมี To Love, To Give, To Share, To forgive แล้วก็ To forget ก็จะมีการสอนแบบนี้มาอยู่ตลอด สอนว่าเวลาทำงานกับทีมต้องทำงานให้หนัก เป็นตัวอย่างของทีมว่าเราทำงานหนัก”

ซึ่งเป้าหมายที่เธอมุ่งมั่นทุ่มเทก็คือ การยกระดับสินค้าไทยเข้าสู่ระดับเวิลด์คลาส

“อยากยกระดับในเรื่องของสินค้าไทยให้เป็น World Class Destination เรามีความมุ่งมั่น ตั้งใจที่จะทำเรื่องนี้อย่างจริงจัง แล้วก็อยากจะให้กลุ่มเกษตรกร หรือกลุ่ม SME เป็นที่รู้จักทั้งในประเทศ และในระดับสากลมากยิ่งขึ้นด้วย”

ซึ่งนี่คือความตั้งใจของเธอ ทายาทเจน 3 แห่งอาณาจักรเดอะมอลล์ กรุ๊ป

อ่านข่าวต้นฉบับได้ที่ : พลอยชมพู อัมพุช แห่งเดอะมอลล์ กรุ๊ป แพชชั่นที่มุ่งมั่นดันสินค้าไทยสู่ ‘เวิลด์ คลาส’

ติดตามข่าวล่าสุดได้ทุกวัน ที่นี่
– Website : https://www.matichon.co.th