บิ๊กธุรกิจ นักเศรษฐศาสตร์ ลุ้น กนง.ลดดอกเบี้ย พยุงเศรษฐกิจ-จีดีพีโตเกิน 2% ชี้ถึงเวลาแล้ว
บิ๊กธุรกิจ นักเศรษฐศาสตร์ ลุ้น กนง.ลดดอกเบี้ย พยุงเศรษฐกิจ-จีดีพีโตเกิน 2% ชี้ถึงเวลาแล้ว
ภาคธุรกิจและนักเศรษฐศาสตร์ กำลังจับตาการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน(กนง.)ในวันที่ 13 สิงหาคม 2568 นี้ ซึ่งเป็นการประชุมครั้งสุดท้ายของนายเศรษฐพุฒิ สุทธิวาทนฤพุฒิ ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.) โดยกำลังลุ้นว่ากนง.จะมีการผ่อนคลายนโยบายการเงินด้วยการปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลงหรือคงไว้ที่ 1.75% ต่อปี
“อสังหาฯ” มอง…ถึงเวลาแล้ว
นายพรนริศ ชวนไชยสิทธิ์ นายกสมาคมอสังหริมทรัพย์ไทย กล่าวว่า มีความคาดหวังกนง.รอบนี้จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลง ด้วยสถานการณ์เศรษฐกิจที่มีปัจจัยกดดันมากมายทั้งภายในและภายนอก คงหลีกเลี่ยงไม่ได้และน่าจะถึงเวลาที่ต้องปรับลดลงแล้ว ไม่งั้นจะทำให้ภาคธุรกิจไม่มีต้นทุนการเงินมากพอที่จะไปสู้กับผลกระทบและการขีดแข่งขันจากการเก็บภาษีสหรัฐ 19%ได้ และการลดอัตราดอกเบี้ยถือเป็นนโยบายที่สอดคล้องกับรัฐบาลที่ต้องการให้ปรับลดลงเช่นกัน เพื่อลดภาระหนี้และต้นทุนการเงินของภาคธุรกิจ แต่การปรับลดถ้าจะให้เกิดผลได้จริง ต้องได้ความร่วมมือจากแบงก์รัฐและแบงก์พาณิชย์ที่ลดดอกเบี้ยลงอย่างแท้จริงและลดในทันที
“มองว่าการลดดอกเบี้ยจะส่งผลต่อการลงทุนในตลาดหุ้นและอสังหาฯ เพราะคนที่มีกำลังซื้อหรือมีเงิน เมื่อดอกเบี้ยเงินฝากลดลง อาจจะมีการโยกเงินมาลงทุนซื้อหุ้นหรืออสังหาฯ ซึ่งตอนนี้ตลาดอสังหาฯกำลังซื้อใหม่ไม่ค่อยมี เพราะแบงก์ไม่ปล่อยกู้ หากดอกเบี้ยมีทิศทางที่ลดลง น่าจะจูงใจกลุ่มที่ซื้อเพื่อการลงทุน ดังนั้นในมุมของธุรกิจการลดดอกเบี้ยช่วงนี้ น่าจะเป็นจังหวะที่เหมาะสม” นายพรนริศกล่าว
ช่วยพยุงเศรษฐกิจ-จีดีพีโตเกิน 2%
นายอิสระ บุญยัง นายกกิตติมศักดิ์สมาคมธุรกิจบ้านจัดสรร กล่าวว่า แม้จะคาดเดาได้ยากว่ากนง.จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโนบายหรือไม่ แต่คาดหวังในรอบนี้มีแนวโน้มจะลดลง เนื่องจาก 1.สภาวะการณ์เศรษฐกิจยังไม่ฟื้นตัว รัฐบาลต้องใช้นโนบายการคลังและงบประมาณสำหรับการแก้ปัญหาผลกระทบที่เกิดขึ้นจากภาษีสหรัฐ 19% ข้อพิพาทชายแดนไทยกับกัมพูชา ทั้งภาคเกษตรกรรมและอุตสาหกรรมต่างๆ
ขณะที่การเมืองและการขับเคลื่อนเศรษฐกิจในประเทศยังไม่นิ่ง เครื่องจักรทุกตัวสะดุด ต้องมีนโยบายการเงินโดยลดอัตราดอกเบี้ยมาช่วยกระตุ้นร่วมกับนโยบายการคลังที่ตึงตัว ซึ่งดอกเบี้ยยังมีโอกาสปรับลดไปสู่ระดับ 0.50% ต่อปีเท่ากับช่วงโควิดได้ เพราะเศรษฐกิจปัจจุบันไม่ได้ดีกว่าโควิดและผลกระทบธุรกิจก็สะสมมาจากวิกฤตโควิด ไม่มีธุรกิจไหนที่ฟื้นตัวชัดเจน ไม่ว่าอสังหาฯ รถยนต์ ยกเว้นธุรกิจเกี่ยวกับการท่องเที่ยวและการบินที่ยังคงเติบโต
นายอิสระ กล่าวว่า 2.การลดดอกเบี้ยทำให้ภาวะเงินเฟ้อปรับตัวสูงขึ้นอยู่ในกรอบ กระตุ้นการใช้จ่าย เนื่องจากปัจจุบันเงินเฟ้อไทยยังต่ำ ทำให้เกิดภาวะเงินฝืด และ3.ส่งผลให้เงินบาทอ่อนค่า ทำให้ภาคการส่งออกและภาคการท่องเที่ยวซึ่งเป็นเครื่องยนต์หลักกระตุ้นเศรษฐกิจมีแนวโน้มที่ดีขึ้น
“ถ้าลดดอกเบี้ย จะสะท้อนถึงการผ่อนคลายทางด้านเศรษฐกิจ มีผลต่อความเชื่อมั่นและความรู้สึก ทำให้คนกล้าใช้จ่ายหรือลงทุนมากขึ้น แต่ต้องการเป็นการลดอัตราดอกเบี้ยที่แท้จริง ไม่เหมือนครั้งที่ผ่านมาที่แบงก์ปรับลดไม่เท่ากับอัตราดอกเบี้ยนโนบายที่ประกาศออกมา จึงทำให้เกิดผลค่อนข้างน้อย ทั้งนี้อัตราดอกเบี้ยลดลงในแง่ของธุรกิจอสังหาฯ ภาระของผู้ประกอบการจะลดลง ผู้ที่ซื้อที่อยู่อาศัยดอกเบี้ยลดลงหรือเพิ่มขึ้น 1% ส่งผลต่อสามารถการกู้หรือการผ่อนชำระ เพิ่มขึ้นหรือลดลง 6-7% ดังนั้นจากภาษีทรัปม์ที่ชัดเจนและดอกเบี้ยที่อาจจะมีแนวโน้มขาลง มองว่ามีความเป็นไปได้ที่ปีนี้จีดีพีจะขยายตัวได้เกิน 2%” นายอิสระกล่าว
“บิ๊กแสนสิริ” วิงวอนช่วยคนผ่อนบ้าน
นายอุทัย อุทัยแสงสุข กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท แสนสิริ จำกัด(มหาชน) กล่าวว่า การประชุมกนง.ในวันที่ 13 สิงหาคมนี้ อยากวิงวอนให้กนง.พิจารณาปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลดอีก 0.25% ต่อปี เพื่อช่วยเหลือภาคประชาชนและภาคธุรกิจ เนื่องจากเศรษฐกิจไทยในปัจจุบันยังเผชิญกับปัญหารุมเร้า ทั้งภาษีทรัมป์ สงครามการค้า ข้อพิพาทชายแดนระหว่างไทยกับกัมพูชา รวมถึงหนี้ครัวเรือนที่ยังอยู่ในระดับสูง กดดันกำลังซื้อภาคธุรกิจต่างๆ ขณะที่แบงก์ก็ไม่ปล่อยกู้ ถ้าหากดอกเบี้ยนโยบายปรับลดลง เชื่อว่าจะส่งผลเชิงบวกต่อเซนติเมนต์เศรษฐกิจ ทำให้เกิดการลงทุนใหม่ แต่แบงก์รัฐและแบงก์พาณิชย์ก็ต้องลดอัตราดอกเบี้ยตามกนง.ด้วย ถึงจะทำให้เกิดผลได้จริง
“ผลต่อตลาดอสังหาริมทรัพย์ การลดดอกเบี้ย 1% จะช่วยเพิ่มอำนาจการซื้อได้ 8% ช่วยคนที่มีภาระผ่อนบ้านลดภาระค่าผ่อนรายเดือน ยังมีเงินเหลือที่จะนำไปใช้จ่ายในชีวิตประจำวัน ในขณะเดียวกันจะช่วยลดต้นทุนการเงินของผู้ประกอบการและเพิ่มสภาพคล่องหมุนเวียนในการทำธุรกิจได้” นายอุทัยกล่าว
แนะเพิ่มเงื่อนไขจูงใจนักลงทุน
นายอุทัยกล่าวว่า นอกจากการปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายแล้ว อยากให้ภาครัฐมีนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจออกมาเพิ่มเติม ทั้งนโยบายด้านการเงินและนโยบายการคลัง ที่ต้องมีการออกมาตรการให้สอดรับกัน รวมถึงเร่งสร้างความเชื่อมั่นต่อนักลงทุนทั้งชาวไทยและต่างชาติ เพื่อดึงดูดให้เข้ามาลงทุนในประเทศไทยมากขึ้น ไม่ว่าการเร่งรัดการลงทุนอินฟราสตรัคเจอร์ การปรับนโยบายการส่งเสริมการลงทุนให้จูงใจมากขึ้น และขยายเวลาการเช่าจาก 30 ปี เป็น 99 ปี
“มองว่าเศรษฐกิจไทยปีนี้ มีโอกาสจะขยายตัวได้เกิน 2% หลังจากมีการคลายกังวลภาษีทรัมป์ โดยไทยถูกสหรัฐเก็บภาษีนำเข้าในอัตรา 19% ลดลงจากเดิม 36% น่าจะทำให้นักลงทุนและผู้ส่งออกมีความมั่นใจมากขึ้น น่าจะส่งผลดีต่อการลงทุนและการส่งออกของไทย รวมถึงการท่องเที่ยวในช่วงครึ่งปีหลังนี้” นายอุทัยกล่าว
น.ส.เกษรา ธัญลักษณ์ภาคย์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท เสนาดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า คาดหวังกนง.จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลงอีกอย่างน้อย 0.25% ต่อปี และน่าจะเป็นปัจจัยบวกที่เหลืออยู่ปัจจัยเดียวที่มีต่อเศรษฐกิจไทยและตลาดอสังหาฯในครึ่งปีหลัง ซึ่งดอกเบี้ยที่ลดลงจะช่วยลดภาระผู้ผ่อนบ้านและต้นทุนการเงินของผู้พัฒนาโครงการได้ และหากดอกเบี้ยขาลง จะกระตุ้นให้กลุ่มนักลงทุนซื้ออสังหาฯเพื่อปล่อยเช่ามากขึ้น
“นักเศรษฐศาสตร์” เก็งลดเหลือ1.50%
นายอมรเทพ จาวะลา ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ ผู้บริหารสำนักวิจัย ธนาคารซีไอเอ็มบีไทย กล่าวว่า มองว่าการประชุมกนง.วันที่ 13 สิงหาคมนี้ จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายจาก 1.75%ต่อปี สู่ระดับ 1.50% ต่อปี เนื่องจากเศรษฐกิจไทยกำลังเผชิญแรงกดดันหลายด้าน ทั้งภาวะเงินเฟ้อต่ำต่อเนื่อง เศรษฐกิจอ่อนแรง กำลังซื้อของประชาชนยังอ่อนแอ ภาคการผลิตซบเซา ภาคการก่อสร้างทรุดหนัก ขณะที่ระบบสินเชื่อยังหดตัว เนื่องจากแบงก์ยังเข้มงวดการปล่อยสินเชื่อ เพราะความเสี่ยงด้านเครดิตสูง ทำให้เงินไหลเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจน้อยลง แม้ว่าภาษีทรัมป์ที่เก็บในอัตรา19% ต่ำกว่าคาด แต่ยังมีผลกระทบ โดยเฉพาะต่อภาคส่งออกไทย
“การลดดอกเบี้ยจะช่วยพยุงเศรษฐกิจไม่ให้ทรุดหนัก เพิ่มสภาพคล่อง ลดต้นทุนการเงิน กระตุ้นการใช้จ่ายและการลงทุน แต่ถ้าหากกนง. ไม่ลดดอกเบี้ย อาจจะมองว่าเศรษฐกิจกำลังฟื้น มองไปข้างหน้ายังมีความไม่แน่นอนสูง อย่ารอใช้มาตรการดอกเบี้ยเมื่อมีความชัดเจนและจำเป็นมากกว่านี้ แต่มองว่าถ้าลดช้าเกินไป อาจต้องลดแรงกว่าที่จำเป็นในอนาคต ดังนั้นจึงถึงเวลาที่นโยบายการเงินต้องออกแรงช่วยเศรษฐกิจไทยแล้ว” นายอมรเทพกล่าว
อ่านข่าวต้นฉบับได้ที่ : บิ๊กธุรกิจ นักเศรษฐศาสตร์ ลุ้น กนง.ลดดอกเบี้ย พยุงเศรษฐกิจ-จีดีพีโตเกิน 2% ชี้ถึงเวลาแล้ว
ติดตามข่าวล่าสุดได้ทุกวัน ที่นี่
– Website : https://www.matichon.co.th