‘อ่านเส้นทางจากสัญญาณมือถือ’ เมื่อ Mobility Data กลายเป็น GPS พาการท่องเที่ยวไทยไปต่อ
ถ้าบอกว่ามี ‘ดวงตาล่องหน’ ที่มองเห็นการเคลื่อนไหวของผู้คนทั้งประเทศได้ คุณอาจจะคิดว่ามันเป็นนิยายไซไฟ แต่จริงๆ แล้วมันอยู่ในมือคุณทุกวัน… ใช่ มือถือที่คุณกำลังถืออยู่นี่แหละ
ทุกครั้งที่มือถือเชื่อมกับเสาสัญญาณ มันกำลังทิ้ง ‘รอยเท้าดิจิทัล’ เอาไว้ และเมื่อเอาข้อมูลเหล่านี้มาทำให้เป็นนิรนาม เราจะได้ภาพใหญ่ของการเดินทางของผู้คนทั้งประเทศ — หรือที่เรียกว่า Mobility Data
ข้อมูลนี้ไม่ใช่แค่ตัวเลขแห้งๆ แต่มันเล่าเรื่องได้ว่า คนไทยเที่ยวกันยังไง คนต่างชาติมาเมืองไหนเยอะ เมืองไหนถูกมองข้าม และเส้นทางไหนที่กำลังรอการถูกค้นพบ
นี่คือจุดเริ่มของโครงการที่ TRUE จับมือกับกระทรวง อว., สกสว., CU Social Design Lab และ The Cloud เพื่อเอา Mobility Data มาทำสิ่งที่ยิ่งใหญ่ — ออกแบบอนาคตการท่องเที่ยวไทยแบบคลัสเตอร์
[ จุดประกาย: เมื่อแล็บออกแบบสังคมเจอ Big Data ]
‘เอกราช ปัญจวีณิน’ แห่ง CU Social Design Lab เล่าให้ฟังว่า การเจอกับทีม TRUE เมื่อ 3 ปีก่อนมันเหมือน ‘การจับคู่ที่ใช่’ ฝั่งแล็บมีไอเดียอยากออกแบบโครงสร้างสังคมให้ดีขึ้น ฝั่ง TRUE มี ‘ขุมทองข้อมูล’ ที่บอกได้ว่าผู้คนเคลื่อนไหวอย่างไรในโลกจริง
เมื่อสองสิ่งนี้มารวมกัน คำถามจึงเกิดขึ้นว่า ‘แล้วเราจะใช้ข้อมูลนี้แก้โจทย์อะไรได้บ้าง?’ คำตอบที่ได้… คือการท่องเที่ยว
[ ทำไมต้องการท่องเที่ยว? ]
การท่องเที่ยวคือ ‘เส้นเลือดใหญ่’ ของเศรษฐกิจไทย ก่อนโควิด-19 ไทยเคยติดอันดับ 4 ของโลกด้านรายได้จากนักท่องเที่ยว แต่วันนี้เวียดนาม ญี่ปุ่น สิงคโปร์ แซงหน้าไปแล้ว เรามีแหล่งเที่ยวสวยๆ แต่รายได้กระจุกตัวแค่ 6 เมืองหลัก ส่วนอีก 55 จังหวัดได้เศษเค้กเพียง 13%
Mobility Data จึงถูกหยิบมาเป็น ‘กล้องส่องทางไกล’ เพื่อดูว่า เมืองรองแต่ละแห่งมีอะไรดึงดูดคนอยู่แล้ว และต้องเติมอะไรเพื่อให้คนอยู่นานขึ้น ใช้จ่ายมากขึ้น
[ คลัสเตอร์: เมื่อการเที่ยวไม่หยุดแค่จังหวัดเดียว ]
แทนที่นักท่องเที่ยวจะไปแค่จุดเดียว ทำไมไม่จับจังหวัดใกล้กันมารวมเป็น ‘คลัสเตอร์’ เพื่อให้คนวนเที่ยวได้หลายวัน? แนวคิดนี้ต่างประเทศใช้มานาน ญี่ปุ่นทำมามากกว่า 15 ปี จนเปลี่ยนประเทศอุตสาหกรรมให้กลายเป็นประเทศท่องเที่ยวเต็มตัว
4 สูตรลับของคลัสเตอร์ คือ
1. Networking – เชื่อมกิจกรรมและเมืองให้ต่อเนื่อง
2. Area Branding – สร้างชื่อเรียกและภาพจำใหม่ให้พื้นที่
3. Infrastructure – เติมถนน รถไฟ พิพิธภัณฑ์ ให้พร้อมรับคน
4. Regulatory Easing – ลดกฎเกณฑ์ให้ธุรกิจท่องเที่ยวเกิดง่าย
[ 6 คลัสเตอร์นำร่อง: เหมือน Playlist ท่องเที่ยวของประเทศ ]
หลังวิเคราะห์ข้อมูลจาก 50 ล้านซิม TRUE พบว่า 6 คลัสเตอร์นี้คือเพชรเม็ดงามที่รอเจียระไน
• เหนือ: เชียงใหม่-ลำปาง-ลำพูน (กลิ่นอายล้านนา + กิจกรรมกลางแจ้ง)
• กลาง: สุพรรณบุรี-ชัยนาท-อุทัยธานี (แม่น้ำ-วัฒนธรรม-ของอร่อย)
• ตะวันตก: ประจวบฯ-เพชรบุรี-สมุทรสงคราม-สมุทรสาคร (ชายฝั่ง + วัดดัง)
• อีสาน: บุรีรัมย์-สุรินทร์-ศรีสะเกษ (กีฬา-วัฒนธรรมพื้นบ้าน)
• ตะวันออก: จันทบุรี-ตราด (ผลไม้-ทะเล-เกาะ)
• ใต้: นครศรีฯ-พัทลุง (ธรรมชาติ + วัฒนธรรมท้องถิ่น)
[ เคสตัวอย่าง: คลัสเตอร์ภาคตะวันตก ]
ภาพที่ได้จาก Mobility Data ทำให้มุมมองเปลี่ยนไป
• เมืองหลัก: สมุทรสาคร – จุดเริ่มเส้นทาง กินข้าวไหว้พระ
• เมืองบริวาร: เพชรบุรี-ประจวบฯ – จุดพีคของการพักค้าง
• เมืองส่งเสริม: สมุทรสงคราม – คนอยู่ไม่ถึงชั่วโมง ต้องคิดกิจกรรมดึงตัวไว้
วัดท่าไม้ในสมุทรสาคร ขายสติกเกอร์ได้วันละ 30,000 ใบ แต่ไม่เคยถูกวางในเส้นทางท่องเที่ยวหลัก ถ้าใส่เข้าไปในแพ็กเกจ อาจกลายเป็นตัวดึงดูดใหม่ของทั้งคลัสเตอร์
[ รู้ลึก: ไม่ใช่แค่ ‘คนไปไหน’ แต่ ‘คนแบบไหนไป’ ]
จากการใช้งานมือถือ นักท่องเที่ยวถูกจัดกลุ่มได้ว่าใครสนใจอะไร
• ภาคเหนือ: ผู้ชายวัยเกษียณ สนใจกอล์ฟและศิลปวัฒนธรรม
• อีสาน: คนอายุต่ำกว่า 40 สายกีฬา (บุรีรัมย์) และสายกิน
ข้อมูลแบบนี้ช่วยให้การตลาดแม่นยำขึ้น เช่น โปรโมททัวร์กอล์ฟ หรือจัดเทศกาลกีฬา
[ จัดการ Overtourism ก่อนจะสาย ]
Mobility Data บอกได้ว่า พื้นที่ไหนกำลัง “แน่นเกินไป” เช่น เกาะช้างที่เกินค่าเฉลี่ย UNESCO แล้ว โดยเฉพาะหาดคลองพร้าวที่หนาแน่นกว่า 9 เท่า แทนที่จะเพิ่มคนเข้า ควรหันไปเพิ่มรายจ่ายต่อหัว เช่น ทำแพ็กเกจหรู หรือกิจกรรมพิเศษ
[ โอกาสจากความต่างของไทย-เทศ ]
บางเมือง นักท่องเที่ยวไทยกับต่างชาติเที่ยวไม่เหมือนกันเลย เช่น ภาคตะวันออก คนไทยอยู่จันทบุรี เที่ยวสวนผลไม้ ส่วนต่างชาติไปเกาะช้าง นี่คือโอกาสในการโปรโมท ‘Travel like Thai do’ ให้ต่างชาติเปิดประสบการณ์แบบคนท้องถิ่น
[ สรุป: จากสัญญาณมือถือสู่เส้นทางอนาคต ]
Mobility Data ไม่ได้แค่บอกว่า ‘ใครไปไหน’ แต่มันเป็นเครื่องมือวางแผนอนาคต ว่าควรลงทุนตรงไหน เมืองไหนควรเสริมกิจกรรม เส้นทางไหนควรเชื่อม และจุดไหนต้องระวังผลกระทบ
เมื่อข้อมูลแม่นยำมาผสมกับการออกแบบที่เข้าใจคน เมืองรองไทยก็มีโอกาสกลายเป็นตัวเอกของเวทีท่องเที่ยวโลกอีกครั้ง…