‘ศิลปินมรดกอีสาน’ รำพึง กว่าจะเป็นฝ่ายอนุรักษ์นิยมล้าหลัง ใช้เวลากว่า 30 ปี ต้องเป็นเสรีนิยมก้าวหน้าก่อน
20ส.ค.2568- นายวีระ สุดสังข์ หรือ "ฟอน ฝ้าฟาง" ศิลปินมรดกอีสาน ปี 2558 อดีตครูสอนภาษาไทย นักเขียนอิสระ ผู้ก่อตั้งกลุ่มวรรณกรรมลำน้ำมูลและสโมสรนักเขียนภาคอีสาน โพสต์เฟซบุ๊ก ว่า
กว่าจะเป็นฝ่ายอนุรักษ์นิยมล้าหลัง ไม่ใช่เรื่องง่าย ผมใช้เวลาไม่น้อยกว่า 30 ปี
ขั้นตอนแรก จะต้องเป็นเสรีนิยมก้าวหน้าเสียก่อน เสรีนิยมก้าวหน้านี้จะต้องไม่มองเห็นอดีตอันเป็นรากเหง้าแห่งต้นกำเนิด ไม่เห็นเงาคุณูปการของบรรพบุรุษ ไม่เห็นความสำคัญของภูมิปัญญาดั้งเดิม ขนบ ธรรมเนียม วัฒนธรรมประเพณีต่างๆ พิธีปฏิบัติ พิธีกรรมชวนหงุดหงิด ขัดหูขัดตา ล้าหลังเป็นไดโนเสาร์เต่าล้านปี มองเห็นแต่ปัจจุบันอันไม่พึงประสงค์และมองเห็นอนาคตอันสวยงาม
ขั้นตอนที่สอง จะต้องทุ่มเทแรงกาย แรงใจ แรงสมอง แรงสติปัญญา แรงความคิด แรงอุดมการณ์ เพื่อรื้อระบบอันไม่พึงประสงค์นั้น โดยตั้งเป้าปฏิรูป ปฏิวัติและเปลี่ยนแปลงสรรพสิ่งในสังคมไปสู่จุดหมายปลายทางที่ดีกว่า ประกาศตนอยู่ตรงกันข้ามกับสิ่งเก่าๆ ผู้คนเก่าๆ ความคิดเก่าๆ ปรัชญา ทฤษฎีและความเชื่อเก่าๆ วัฒนธรรมประเพณีเก่าๆและทวนกระแสปัจจุบัน แสดงตนทับถมเหยียดหยามสิ่งเหล่านั้นว่าล้าสมัย ทั้งแสดงตนเป็นผู้รู้ เป็นผู้เหนือกว่า ทันสมัยกว่า ประเสริฐกว่าและไฉไลกว่า
ขั้นตอนที่สาม จะต้องวาดวิมานสังคมใหม่สวยหรูด้วยจินตนาการอันเลิศล้ำ มนุษย์ไม่มีชนชั้นวรรณะ ทุกคนเท่าเทียมเสมอภาค เสรีภาพ ยึดถือวัตถุนิยมเป็นที่ตั้งมองข้ามจิตนิยม อยู่เหนือกฎธรรมชาติและกฎแห่งกรรม
ขั้นตอนที่สี่ อายุมากขึ้นจักต้องหมดแรง อ่อนล้ากับภารกิจชีวิตส่วนตัวและครอบครัว ความคิด ความฝันจินตนาการถอยถดหดหาย คนรุ่นใหม่เหยียบย่ำเย้ยหยันจนหยุดอยู่กับที่ ในที่สุดก็กลายเป็นฝ่ายอนุรักษ์นิยมล้าหลังสืบรุ่นต่อรุ่น อุดมการณ์อุดมคติในยุคสมัยของตนที่ว่าทันสมัยกลายเป็นสิ่งไร้ค่าและหมดแรงดั้นด้นต่อไป ถึงจะฝืนแรงก็ไม่ไหว คนรุ่นใหม่เย้ยเยาะเหมือนที่ตัวเองเคยเย้ยเยาะคนรุ่นก่อนๆ
ในที่สุดก็จะได้รับตำแหน่งอนุรักษ์นิยมล้าหลังสืบสานรุ่นต่อไป