พรรคประชาชน ยังไม่ได้ข้อสรุป โหวตแดง-น้ำเงิน นั่งนายกฯ
วันที่ 1 ส.ค. 68 ภายหลังการประชุมกรรมการบริหารพรรค และ สส.พรรคประชาชน เพื่อกำหนดท่าทีของพรรคในการร่วมโหวตนายกรัฐมนตรีคนใหม่ ผ่านไปนานเกือบ 5 ชั่วโมง
ล่าสุดนายพริษฐ์ วัชรสินธุ ในฐานะโฆษกพรรคประชาชน ได้ออกมาเปิดเผยกับสื่อมวลชน ว่า ในการประชุมวันนี้มี สส. มาเข้าร่วมประมาณ 90 คน หรือคิดเป็นสัดส่วนราว 60% เนื่องจาก สส. บางคนอาจติดภารกิจ อีกทั้งในที่ประชุมมีความคิดเห็นที่หลากหลาย ที่ประชุมจึงเห็นว่าควรมีการประชุมต่อในวันพรุ่งนี้ (2 ก.ย.) ในเวลา 13.00 น. เพื่อให้ สส. ที่เหลือได้มีโอกาสนำเสียงสะท้อนจากประชาชนในพื้นที่เข้ามาหารือในที่ประชุม
ส่วนกรณีที่หลายฝ่ายเสนอให้พรรคประชาชน งดออกเสียง ไม่ต้องโหวตสนับสนุนนายกรัฐมนตรีจากพรรคใดทั้งสิ้นนั้น นายพริษฐ์ ระบุว่า ขณะนี้ไม่ทีพรรคการเมืองใดสามารถรวมเสียงในสภาได้เกินกึ่งหนึ่ง ทำให้พรรคประชาชนมีความกังวลใน 2 ประเด็น หากต้องงดออกเสียง คือ
- พรรคเพื่อไทย และพรรคภูมิใจไทย กลับไปร่วมกันจัดตั้งรัฐบาล ซึ่งจะกลายเป็นรัฐบาลเสียงข้างมากที่มีแนวโน้มจะอยู่ครบวาระอีกเหลืออยู่ 2 ปี ซึ่งขัดกับจุดยืนของพรรคประชาชนที่ต้องการให้มีการยุบสภา และจากผลงานของรัฐบาลใน 2 ปีที่ผ่านมาจะเห็นว่า ไม่มีนโยบายใดที่จะแก้ไขปัญหาให้กับประชาชนได้อย่างมีประสิทธิภาพ รวมถึงคดีความที่ 2 พรรคเข้าไปเกี่ยวข้อง ก็ถูกนำมาใช้เป็นเครื่องมือต่อรองทางการเมือง มากกว่าการเดินหน้าความยุติธรรมอย่างตรงไปตรงมา
- พรรคประชาชน กังวลว่า หากงดออกเสียง อาจนำมาซึ่งนายกรัฐมนตรีนอกระบอบประชาธิปไตยได้
ดังนั้น แนวทางจึงมีเพียงการเลือกว่าจะสนับสนุนนายกรัฐมนตรีจากพรรคใด เพื่อให้เข้าไปทำหน้าที่ยุบสภา
ส่วนจะได้ข้อสรุปในวันพรุ่งนี้เลยหรือไม่นั้น ยังไม่สามารถตอบได้ และคงไม่ได้มีการโหวตลงมติ เนื่องจากพรรครับฟังความเห็นจากทุกภาคส่วน ไม่ใข่แค่เฉพาะ สส. อย่างไรก็ตาม ในส่วนนี้เป็นกระบวนการภายในของพรรคซึ่งกรรมการบริหารพรรคก็จะต้องเป็นผู้รับผิดชอบในการตัดสินใต
ทั้งนี้ พรรคประชาชนไม่มีนัดพูดคุยกับทั้งพรรคเพื่อไทยและพรรคภูมิใจไทยอีกแล้ว และไม่จะไม่พิจารณาอะไรที่นอกเหนือจาก 3 เงื่อนไขที่ได้แจ้งไว้ตั้งแต่ต้น
ส่วนกรณีที่พรรคภูมิใจไทย ออกมาให้ข้อมูลว่าจะมีการทำบันทึกข้อตกลงกับพรรคประชาชนนั้น ก็ต้องไปถามพรรคภูมิใจไทยเอง แต่ตอนนี้พรรคประชาชนยังไม่ได้ข้อสรุปในการตัดสินใจ พร้อมย้ำว่า หากจะมีการยุบสภาก่อนก็สามารถทำได้ทันที
นายพริษฐ์ ยังบอกอีกว่า ความจริงใจของทั้ง 2 พรรค ก็เป็นปัจจัยหนึ่งที่ สส. และประชาชนจะนำมาใช้พิจารณาตัดสินใจ ซึ่งหลายคนก็เป็นห่วงว่า จะทำอย่างไรให้พรรคที่จะเข้าไปเป็นรัฐบาลรักษาสัญญา ในส่วนนี้พรรคประชาชนก็พยายามออกแบบด้วยการทำให้เป็นรัฐบาบเสียงข้างน้อย
แต่หากพูดตรงไปตรงมา ยอมรับว่า ไม่ไว้ใจทั้ง 2 พรรค แต่สุดท้ายคงต้องมาประเมินความเสี่ยงกันด้วยหลักฐาน ว่าใครมีความเสี่ยงน้อยที่สุด ซึ่งก็จะพิจารณาด้วยเหตุและผล พรรคประชาชนจะไม่ใช้อารมณ์ ความรู้สึก หรือความแค้นในอดีตมาตัดสินใจ แต่ก็ไม่ได้ลืมในสิ่งที่ถูกกระทำไว้ เพราะตระหนักดีว่ามายืนจุดนี้ได้ เพราะประชาชน ดังนั้นจะไม่นำความไว้วางใจของประชาชนไปทำอะไรที่ผิดคำพูด ผิดสัญญา.