‘นักวิชาการ’ ชี้กรุงเทพมหานครมีความเสี่ยงสูงสุด น้ำท่วมเกือบทั้งเมืองภายในปี 2050
เมื่อวันที่ 18 ส.ค. 68 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า "ดร.สนธิ คชวัฒน์" นักวิชาการด้านสิ่งแวดล้อมและสุขภาพ ชมรมนักวิชาการสิ่งแวดล้อมไทย ได้ออกมาโพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว"Sonthi Kotchawat" กรณีกรุงเทพมหานครมีความเสี่ยงสูงต่อการจมใต้น้ำเกือบทั้งหมดภายในปี 2050 จากการทรุดตัวของแผ่นดินและระดับน้ำทะเลที่เพิ่มขึ้น พร้อมเรียกร้องมาตรการป้องกันและปรับตัวอย่างเร่งด่วน
โดยประเทศไทย อันดับ 4 ของโลก มีความเสี่ยงจะถูกน้ำท่วมหนักในปี 2050 โดยกรุงเทพฯ จะจมน้ำเกือบทั้งหมด
1. คณะกรรมการระหว่างประเทศ ว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ (IPCC) คาดการณ์ว่าภายในปี 2100 ระดับน้ำทะเลอาจสูงกว่าปัจจุบันถึง 1.1 เมตร และการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกใดๆ ก็ตาม จะไม่สามารถหยุดยั้งผลกระทบในระยะสั้น และระยะกลางของปรากฏการณ์นี้ได้ จากการคาดการณ์พบว่าประชากรการหนึ่งพันล้านคน จะเผชิญกับความเสี่ยงจากน้ำท่วมที่สูงขึ้นมากตั้งแต่ปี 2050 เป็นต้นไป
2.ประเทศในเอเชีย 8 ประเทศ ได้แก่ จีน, บังกลาเทศ, อินเดีย, เวียดนาม, อินโดนีเซีย, ไทย, ฟิลิปปินส์ และญี่ปุ่น คิดเป็นประมาณร้อยละ 70 ของประชากรที่อาศัยอยู่ในพื้นที่นี้ จะมีความเสี่ยงสูงที่จะถูกน้ำท่วมอย่างหนักในปี 2050 หรือ พ.ศ 2593 โดยเวียดนาม, อียิปต์ และบังกลาเทศ มีดัชนีความเสี่ยงน้ำท่วมสูงสุดด้วยคะแนน 9.9 จาก 10 ตามมาด้วยประเทศไทย, อิรัก (9.6) และปากีสถาน (9.5)โดยจีน (9.3) และอินเดีย (9.2) ยังได้รับผลกระทบมากที่สุดเช่นกัน
3. ประเทศในแถบอาเซียน ที่มีความเสี่ยงที่อาจได้รับผลกระทบจากการถูกน้ำท่วมในปี 2050 รายงานล่าสุดของสถาบัน McKinsey Global Institute (MGI) มีดังนี้
3.1. กรุงเทพมหานคร ประเทศไทย จากการคาดการณ์ระดับน้ำทะเลที่สูงขึ้น ทำให้เมืองหลวงของไทย เป็นเมืองที่มีความเสี่ยงมากที่สุดแห่งหนึ่งของโลก ที่จะถูกน้ำท่วมหนักเนื่องจากกรุงเทพมีระดับความสูงเฉลี่ย 1.5 เมตร เหนือระดับน้ำทะเล และแผ่นดินทรุดปีละ 2-3 ซม. โดยองค์การเพื่อความร่วมมือและการพัฒนาทางเศรษฐกิจ (OECD) ระบุว่า"ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2563 เป็นต้นไปประชากร 5 ล้านคนจาก 10.7 ล้านคนในกรุงเทพมหานคร อาจเผชิญกับความเสี่ยงจากน้ำท่วม โดยคาดว่าพื้นที่หนึ่งในสามของเมืองหลวงของไทยอาจจมอยู่ใต้น้ำทั้งหมดภายใน พ.ศ. 2593 และส่งผลให้ประ ชาชนเกือบ 11 ล้านคน ต้องอพยพออกจากพื้นที่"
นอกจากนี้ การคาดการณ์ที่อัปเดตล่าสุดของ Climate Central คาดการณ์ว่าจะเกิดน้ำท่วมรุนแรงในกรุงเทพฯ และพื้นที่ริมชายฝั่งของประเทศไทย และตามแนวชายฝั่งของมาเลเซียโดยคาดว่าจะเกิดขึ้นเร็วที่สุดในปี 2030
3.2.มาเลเซีย โดย Climate Central คาดการณ์ว่าระหว่างปี 2573 ถึง 2593 ชายฝั่งด้านตะวันตกและตะวันออก ของคาบสมุทรมาเลเซียจะถูกน้ำท่วมจากช่อง แคบมะละกาและทะเลจีนใต้ ซึ่งอาจท่วมพื้นที่ชายฝั่งมากถึง 12,000 ตารางกิโลเมตร
3.3.ฟิลิปปินส์ เป็นหนึ่งในประเทศ ที่ถูกคุกคามมากที่สุดจากปัญหาน้ำท่วมชาย ฝั่งโดยคาดการณ์ว่าบางส่วนของมนิลาเมืองหลวงของประเทศจะจมอยู่ใต้น้ำภายในปี 2593 จากข้อมูลขององค์กรข่าวและวิทยาศาสตร์ Climate Central คาดว่าจะส่งผลกระทบต่อประชากรมากถึง 6.8 ล้านคนที่อาศัยอยู่ในพื้นที่เสี่ยงภัยสูง แม้ว่ารัฐบาลจะได้ดำเนินโครงการย้ายถิ่นฐาน สำหรับผู้อยู่อาศัยในพื้นที่เสี่ยงภัยแล้วแต่บางคนก็มีความผูกพันกับบ้านเรือนของตนอย่างมาก และปฏิเสธที่จะย้ายออกไป เนื่องจากวิถีชีวิตของพวกเขาต้องพึ่งพาอาศัยท้องทะเล
3.4.รายงานของ MGI ระบุถึงความเสี่ยงของนครโฮจิมินห์ของประเทศเวียดนาม ต่ออุทกภัยร้ายแรงถึง 23% ของพื้นที่ในปัจจุบัน และคาดว่าจะเพิ่มขึ้นเป็น 36% ของพื้นที่ภายในปี 2050 (พ.ศ. 2593) ไม่เพียงแต่ระดับน้ำท่วมจะเพิ่มขึ้นถึงสามเท่าเท่านั้น แต่ความเสียหายต่ออสังหาริมทรัพย์และโครงสร้างพื้นฐานอาจสูงถึง 9.4 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ในปี 2593
ขอบคุณข้อมูล : Sonthi Kotchawat