หัวอกแม่! ฝืนใจแจ้งจับลูกชาย เสพยาจนเพี้ยนเผาบ้านตัวเองวอด

เมื่อวันที่ 29 มิ.ย. ร.ต.อ.บดินทร์ ไชยชาญ รอง สว.(สอบสวน) สภ.กลางใหญ่ รับแจ้งจากศูนย์วิทยุ 191 ภ.จว.อุดรธานี ว่ามีเหตุลูกชายเจ้าของบ้านที่มีอาการป่วยจิตเวช จากการใช้สารเสพติดมานานหลายปี มีอาการหลอนยาจุดไฟเอาห้องนอนตัวเอง เหตุเกิดที่บ้านเลขที่ 195 หมู่ 16 บ้านติ้ว ต.เมืองพาน อ.บ้านผือ จ.อุดรธานี จึงรุดไปตรวจสอบ พร้อมด้วยตำรวจชุดสืบสวน การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค อ.บ้านผือ และรถดับเพลิง อบต.เมืองพาน

ที่เกิดเหตุเป็นบ้าน 2 ชั้น ครึ่งปูนไม้ มีเพลิงลุกไหม้อย่างรุนแรง เจ้าหน้าที่การไฟฟ้าจึงได้ทำการตัดกระแสไฟ เพื่อให้รถดับเพลิงฉีดน้ำสกัดเพลิง โดยใช้เวลาประมาณ 30 นาที จึงสามารถควบคุมเพลิงไว้ได้ แต่บ้านก็ถูกไฟเผาวอดทั้งหลัง รวมทั้งข้าวของเครื่องใช้ไฟฟ้า เสื้อผ้า ที่นอนหมอนมุ้งทั้งหมด ส่วนผู้ก่อเหตุได้ขี่รถจักรยานยนต์หลบหนีออกไป

สอบสวนนางสีผา (สงวนนามสกุล) อายุ 53 ปี เจ้าของบ้าน เล่าว่า ผู้ก่อเหตุ คือ นายธราดล ลูกชาย อายุ 23 ปี ได้ใช้ไฟแช็กจุดกล่องโฟม แล้วโยนเข้าไปในตู้เสื้อผ้า จนลุกลามดังกล่าว

ต่อมา นายจำรัส วงษ์สินธ์ กำนัน ต.เมืองพาน และผู้ใหญ่บ้านบ้านติ้ว พร้อมด้วยตำรวจชุดสืบสวน สภ.กลางใหญ่ รับแจ้งจากชาวบ้านว่าพบตัวนายธราดล ผู้ก่อเหตุ ขี่รถจักรยานยนต์หลบหนีไปตามถนนท้ายหมู่บ้าน จึงออกติดตามจับกุมตัวไว้ได้ ขณะขี่รถจักรยานยนต์ ยี่ห้อฮอนด้าเวฟ 125 สีแดง ทะเบียน 1 กผ 1845 สระบุรี หลบหนี ก่อนควบคุมตัวมาสอบสวนที่โรงพัก

เบื้องต้นยังมีอาการหลอนหวาดระแวง ตาขวาง คาดว่าคงเสพเข้าไปหลายเม็ด จึงให้การวกวนไม่ค่อยรู้เรื่อง รับสารภาพที่พอจับใจความได้ว่า เสพยาบ้าไป 1 เม็ด ไม่ได้ตั้งใจเผาบ้าน แต่เป็นคนจุดไฟเอาเอง เพราะโกรธแม่ที่ยังออกไปทำงาน ไม่อยากให้แม่ทำงานลำบากไปจนวันตาย แต่แม่ก็ไม่ฟังยังออกไปทำงานเหมือนเดิม

จากนั้นทางตำรวจได้นำนายธราดล ไปขอโทษแม่ แต่นายธราดล ยังตาขวางใส่แม่อีก และไม่ยอมไหว้ขอโทษแม่ตัวเอง แถมยังบ่นแม่ว่า ไม่อยากให้แม่ไปทำงานจนวันตาย เมื่อถามว่า ทำไมถึงเผาบ้าน แล้วแม่จะอยู่ที่ไหน รวมทั้งตัวเองที่เป็นคนเผา หากพ้นโทษออกมาจะไปอยู่ที่ไหน นายธราดล ตอบแบบไม่ไยดีว่า อยู่บ้านยายก็ได้ ทำให้ผู้เป็นแม่ได้ยินอย่างนั้น ถึงกับแม่จุกอกพูดไม่ออก

นางสีผา กล่าวต่อว่า ลูกชายติดยามาตั้งแต่อายุ 12 ปี เป็นแฝดผู้พี่ ส่วนแฝดผู้น้องก็เคยติดยาเสพติด แต่ได้รับการบำบัดจนหาย และกลับตัวกลับใจไม่ยุ่งกับยาบ้าอีก ตอนนี้ไปทำงานอยู่ จ.สระบุรี และกำลังตรวจโรค เพื่อดำเนินการไปทำงานที่ประเทศอิสราเอล ส่วนลูกชายคนนี้เคยส่งตัวไปบำบัดรักษาอาการที่ รพ.จิตเวช ถึง 2 ครั้ง และที่โรงพยาบาลบ้านผือ อีกหลายครั้ง แต่เขาก็กลับมาเสพยาบ้าเหมือนเดิม และอาละวาดทำลายข้าวของที่บ้านแทบทุกวัน ทางตำรวจและผู้นำชุมชนมาระงับเหตุอยู่บ่อยครั้ง หากไม่ได้ดั่งใจและไม่ได้เสพยาบ้า

"ตนทำงานเป็นพนักงานปั๊มน้ำมันอยู่ในตัวอำเภอบ้านผือ ลูกชายของตนมีอาการหลอนมาหลายวัน และเช้าวันนี้ลูกชายบอกว่า ไม่อยากให้ตนไปทำงาน และเขาจะออกไปหางานเอง ทั้งที่เขาทำงานไม่ได้ และไม่มีใครรับเข้าทำงาน เพราะรู้ว่าเขาเสพยาบ้าจนมีอาการทางจิตประสาท ตนจึงบอกลูกว่าถ้าลูกจะเอารถจักรยานยนต์ของแม่ไว้ไปหาทำงาน แม่ก็จะนั่งรถโดยสารไปทำงานก็ได้ จึงทำให้เขาไม่พอใจที่แม่ยังออกไปทำงาน ไม่ทำตามคำสั่งเขา" นางสีผา กล่าว

นางสีผา กล่าวต่ออีกว่า ส่วนสามีของตนเกิดอุบัติเหตุเสียชีวิตเมื่อ 3-4 ปีที่ผ่านมา ทำให้ตนเป็นแม่เลี้ยงเดี่ยว แต่ยังโชคดีที่แฝดผู้น้อง กลับตัวกลับใจมาเป็นคนดีได้ ส่วนต้นเพลิงอยู่ชั้นสองของบ้าน ซึ่งเป็นห้องนอนของลูกชายของตนเอง และครั้งนี้ต้องใจแข็ง ให้ตำรวจจับไปดำเนินคดีให้ถึงที่สุด ช่วยเอาไปบำบัดรักษาอาการอยู่ในคุกให้นานที่สุดจนหาย และกลับมาเป็นคนดีของสังคม

เบื้องต้นตำรวจได้แจ้งข้อกล่าวหาว่า "วางเพลิงเผาทรัพย์โรงเรือนของผู้อื่น, เป็นผู้ขับขี่และเสพยาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ยาบ้า) โดยฝ่าฝืนต่อกฎหมาย" ดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมายต่อไป.