โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ภูมิภาค

ตำนานกาแฟบ้านป๊อก ต้นแบบการพัฒนาที่ยั่งยืน

Thai PBS

อัพเดต 4 ชั่วโมงที่ผ่านมา • เผยแพร่ 4 ชั่วโมงที่ผ่านมา • Thai PBS
กาแฟ คือ พืชที่ช่วยสร้างสมดุลแก่ชุมชนคนอยู่กับป่า สะท้อนความเกื้อกูลกันระหว่างคนและป่าไม้ โดยเฉพาะชุมชนพื้นที่สูงที่ชาวบ้านมีข้อจำกัดในการทำกิน

ชุมชนบ้านป๊อกใน ต.ห้วยแก้ว อ.แม่ออน จ.เชียงใหม่ คือ หนึ่งในตัวอย่างชุมชนพื้นที่สูงที่หลุดพ้นจากบ่วงความยากจน ด้วยการหันมาปลูกกาแฟอาราบิก้าในรูปแบบของวนเกษตร ที่ช่วยสร้างรายได้ และ อนุรักษ์ทรัพยากรอย่างยั่งยืน

จากใบเมี่ยง สู่กาแฟอาราบิก้าคุณภาพ

ในอดีตชาวชุมชนบ้านป๊อกยังชีพด้วยการปลูกต้นชาอัสสัม เพื่อเก็บใบมาแปรรูปเป็นใบเมี่ยงหมัก ซึ่งให้ผลผลิตและรายได้เพียงปีละครั้ง จนกระทั่งในหลวงรัชกาลที่ 9 ทรงเล็งเห็นถึงบทบาทของชาวบ้านในการรักษาผืนป่าต้นน้ำ จึงมีพระราชดำริให้จัดตั้ง “ศูนย์พัฒนาโครงการหลวงตีนตก” เพื่อส่งเสริมการปลูกกาแฟอาราบิก้าแทนชาอัสสัม พร้อมทดลองสายพันธุ์ที่เหมาะสมกับสภาพพื้นที่สูง และพัฒนาจนได้ “กาแฟพันธุ์คาร์ติมอร์” ซึ่งกลายเป็นหัวใจสำคัญของการฟื้นฟูเศรษฐกิจชุมชน

จุรีย์ อินจันทร์ ชาวบ้านป๊อกเล่าว่าอาชีพการทำเมี่ยงยากลำบาก นอกจากการเก็บใบเมี่ยงแล้ว ต้องหาฟืนมานึ่งใบเมี่ยง และ หาไม้ไผ่มาทำเส้นตอกเพื่อมัดเมี่ยงแล้ว ยังเป็นอาชีพที่มีรายได้ไม้แน่นอน ในปีหนึ่งๆจะได้เงินเพียงครั้งเดียว ส่วนการปลูกกาแฟแม้จะขายได้ปีละครั้งเหมือนกัน แต่ทำรายได้มากกว่าทำเมี่ยง ที่สำคัญคือสภาพภูมิประเทศของที่นี่ อยู่สูงกว่าระดับน้ำทะเล 1,200 เมตร ต้นกาแฟจึงไม่ค่อยมีโรค และ เมล็ดกาแฟที่ได้ก็ให้รสชาติที่ดี

สวนกาแฟมีเนื้อที่ 16 ไร่ ก่อนปลูกทางโครงการหลวงพาไปศึกษาดูงานที่โครงการหลวงขุนวาง ในปี 2540 จึงเริ่มปลูก มีเจ้าหน้าที่คอยสนับสนุนอยู่ข้างหลัง ให้ความรู้เยอะมาก มีการทำบ่อบำบัดน้ำเสีย กรองน้ำเสียจากขั้นตอนการหมัก เมื่อผ่านขั้นตอนการกรองแล้ว น้ำที่ได้ ก็นำไปรดสวนได้

ราคากาแฟปีนี้ อยู่ที่กิโลกรัมละ 180 บาท ถือเป็นราคาที่สูง และ น่าพอใจ ชาวสวนไม่ได้ลงทุนอะไรเยอะ ใส่ปุ๋ยที่ทำขึ้นเอง ดูแลตัดหญ้าเอง ไม่ได้จ้างใคร จะมีเฉพาะตอนเก็บจะว่าจ้างชาวบ้านเก็บเม็ดกาแฟกิโลกรัมละ 10 บาท ถ้าเก็บเร็ว คนเก็บก็จะมีรายได้ 500-600 บาทต่อวัน ดีกว่าเก็บเมี่ยงที่ลำบากกว่า แต่ได้เงินน้อย นอกจากนี้ ที่บ้านยังร้านอาหาร ร้านกาแฟ และ ห้องพักสำหรับนักท่องเที่ยว ทำให้มีรายได้เสริมอีก

จุรีย์ อินจันทร์ ชาวบ้านป๊อก

จากหมู่บ้านเล็กๆ สู่เวทีนานาชาติ

ภายใต้ร่มเงาของป่าไม้ ต้นกาแฟได้รับการดูแลและเติบโตอย่างมั่นคง กว่า 30 ปีที่ชุมชนยึดมั่นในการปลูกกาแฟ ทำให้ผืนป่าคงความอุดมสมบูรณ์ควบคู่กับรายได้ที่มั่นคงของชาวบ้าน

วันนี้ บ้านป๊อกไม่ได้เป็นเพียงหมู่บ้านปลูกกาแฟอีกต่อไป แต่เป็นศูนย์การเรียนรู้ระดับนานาชาติ ภายใต้การอบรมเชิงปฏิบัติการในหัวข้อ “การพัฒนาอุตสาหกรรมการปลูกและผลิตกาแฟบนพื้นที่สูง” โดยมีผู้เข้าร่วมจาก 7 ประเทศ ได้แก่ ภูฏาน กัมพูชา ลาว เมียนมา เนปาล แทนซาเนีย และติมอร์-เลสเต รวมถึงเจ้าหน้าที่จาก UNODC (สำนักงานว่าด้วยยาเสพติดและอาชญากรรมแห่งสหประชาชาติ)

ชาวบ้านบ้านป๊อกทำหน้าที่เป็น “วิทยากร” ถ่ายทอดองค์ความรู้ด้านการปลูกกาแฟอย่างมีคุณภาพ แสดงให้เห็นว่าความสำเร็จจากชุมชนเล็กๆ บนพื้นที่สูงนั้นสามารถสร้างแรงบันดาลใจและนำไปใช้ได้ในหลายประเทศ

เราไม่เน้นใช้สารเคมี สังเกตได้จากดินบริเวณโคนต้นจะไม่แข็งกระด้าง แต่โคนต้นกาแฟที่บ้านป๊อกจะเป็นดินที่อุดมสมบูรณ์ มีไส้เดือน และ แมลง ช่วยพรวนดินให้ตลอดเวลา

เรายังมีไม้อื่นๆ ทำให้มีรายได้ตลอดปี เช่น ต้นลิงลาว ซึ่งพืชล้มลุก แตกกอมีเหง้าอยู่ใต้ดิน เมื่อออกดอกชาวบ้านจะเก็บขายได้ในราคากิโลกรัมละ 300 บาท ส่วนผลก็มีราคา 80-100 บาท ที่สำคัญต้นลิงลาวเป็นพืชที่ช่วยป้องกันการพังทลายของหน้าดิน เพราะรากของลิงลาวจะแพร่กระจายในดินอย่างแน่นหนา และ ยังเก็บความชื้นได้ดี ชาวบ้านจะนำไปปลูกเพื่อเป็นพืชกันไฟป่าด้วย

กาแฟคุณภาพสูง ช่วยอนุรักษ์ป่าไม้

อติชาต จักรคำปัน หัวหน้าศูนย์พัฒนาโครงการหลวงตีนตกเล่าว่า นับตั้งแต่โครงการหลวงเข้ามาส่งเสริมให้ชาวบ้านปลูกกาแฟภายใต้ร่มเงาป่าไม้ในปี 2524 โดยเน้นรักษามาตรฐานการปลูก แนะนำให้เกษตรกรใช้สารชีวภัณฑ์ เชื้อราบิวเวอร์เรีย หรือ สารกำจัดมอดที่ไม่มีผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม และ มนุษย์ ผลผลิตกาแฟจึงมีคุณภาพ จนถึงวันนี้ กาแฟบ้านป๊อกก็ได้รับความนิยมทำให้เกษตรกรมีรายได้ดีขึ้น

กาแฟที่นี่ปลูกในระดับความสูงมากกว่า 1,000 เมตร และ เป็นพันธุ์กาแฟที่ดีทำให้ผลผลิตที่นำมาเทส มีคะแนนเกิน 80 ขึ้นไป ถือว่าเป็นกาแฟที่มีคุณภาพสูง

10 ปีที่ผ่านมา กาแฟมีมูลค่าสูงขึ้นเรื่อยๆโดยเฉพาะความต้องการบริโภคในประเทศ ผมจึงมองว่าในอนาคตกาแฟจะเป็นพืชเศรษฐกิจที่สำคัญของประเทศไทย เกษตรกรที่เคยทำไร่หมุนเวียนก็หันมาปลูกกาแฟ ทำให้ป่าไม้กลับคืนมา และ กลายเป็นแหล่งทรัพยากร ที่ให้ผลผลิตด้วย

อติชาต จักรคำปัน หัวหน้าศูนย์พัฒนาโครงการหลวงตีนตก

วินิดา มังกรกาญจน์ นายกสมาคมกาแฟไทย เปิดเผยว่าปีที่ผ่าน ประเทศไทยมีปริมาณผลผลิตกาแฟ 16,000 ตัน และ มีราคาที่สูงที่สุดในรอบหลายสิบปี สาเหตุเพราะสภาพดินฟ้าอากาศเหมาะสม ขณะที่ปริมาณผลิตกาแฟทั่วโลกลดลง

วินิดา มังกรกาญจน์ นายกสมาคมกาแฟไทย

ส่วนแนวโน้มในปีนี้ปริมาณผลผลิตในบราซิล และ เวียดนาม น่าจะเพิ่มขึ้น ซึ่งอาจมีผลทำให้ราคากาแฟลดลงเล็กน้อย แต่เชื่อว่าเกษตรกรผู้ปลูกกาแฟไทยจะไม่ต้องกังวลในเรื่องราคา เพราะภาครัฐและเอกชนได้ส่งเสริมให้เกษตรกรไทยปลูกกาแฟคุณภาพ ทำให้ไม่ต้องอิงกับราคาตลาดมากนะ กาแฟ จึงยังเป็นโอกาสของเกษตรกร ขณะที่ภาพรวมของกาแฟไทยก็มีการพัฒนาที่สูงขึ้น ทั้งรสชาติ และ คุณภาพของเมล็ดกาแฟ

ดูข่าวต้นฉบับ
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...

ล่าสุดจาก Thai PBS

วิดีโอ

"เอไอเอส-ทรู" เอกชนเพียง 2 ราย ประมูลคลื่น

29 นาทีที่แล้ว
วิดีโอ

กทม.ฝนตก-ลมกระโชกแรง ต้นไม้โค่นล้มหลายพื้นที่

32 นาทีที่แล้ว
วิดีโอ

สรุปเหตุการณ์ไฟไหม้ ชั้นใต้ดินหอพักพยาบาล (8ไร่) รพ.ศิริราช

1 ชั่วโมงที่ผ่านมา

เตือน 17 จังหวัด ระวังน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่า ดินโคลนถล่ม 1-5 ก.ค.

1 ชั่วโมงที่ผ่านมา

วิดีโอแนะนำ

ข่าว ภูมิภาค อื่น ๆ

ข่าวและบทความยอดนิยม

ตำนานกาแฟบ้านป๊อก ต้นแบบการพัฒนาที่ยั่งยืน

Thai PBS

ญี่ปุ่นส่งจรวด H2A ทำภารกิจสุดท้ายหลังใช้งาน 24 ปี

Thai PBS

"ณัฐพงษ์" แนะรัฐใช้มาตรการพุ่งเป้า "ฮุน เซน" จี้สืบคดี "ลิม กิมยา"

Thai PBS
ดูเพิ่ม
Loading...