ECF...ปิดฉากเกมลากราคาหุ้น / สุนันท์ ศรีจันทรา
2 หุ้นร้อนในตลาด MAI กำลังเดินมาถึงปลายทางของการ “ลาก” ราคา ล่อนักลงทุนรายย่อยให้แห่เข้ามาเก็งกำไรแล้ว โดยหุ้น บริษัท ดีวี8 จำกัด (มหาชน) หรือ DV8 ถูกตลาดหลักทรัพย์ฯยกระดับมาตรการกำกับการซื้อขายเป็นขั้นที่ 2 ขณะที่หุ้น บริษัท อีสท์โคสต์เฟอร์นิเทค จำกัด (มหาชน) หรือ ECF เริ่มมีแรงขายไหลรินออกมา จนราคาปรับตัวลง
DV8 ถูกลากขึ้นจากราคา 35 สตางค์ เป็นราคาปิดเมื่อวันที่ 24 มีนาคมที่ผ่านมา ท่ามกลางมูลค่าการซื้อขายเพียงวันละไม่กี่หมื่นบาท จนขยับขึ้นมาสร้างจุดปิดสูงสุดที่ 8.60 บาท เมื่อวันอังคารที่ 15 กรกฎาคม โดยระยะเวลาไม่ถึง 4 เดือน ปรับตัวเพิ่มขึ้น 8.25 บาท หรือเพิ่มขึ้น 2,357.14% กลายเป็นหุ้นที่สร้างผลตอบแทน 23 เด้ง และมูลค่าการซื้อขายขึ้นสูงระดับกว่า 100 ล้านบาท
ข่าวการจัดทำคำเสนอซื้อหุ้นหรือเทนเดอร์ออฟเฟอร์ หุ้น DV8 ในสัดส่วน 100% ในราคาหุ้นละ 56 สตางค์ โดย 8 บริษัท และปรับโครงสร้างธุรกิจสู่คลังสินทรัพย์ดิจิทัล โดยมีบริษัทจากญี่ปุ่นอยู่เบื้องหลัง ซึ่งเคยเป็นข่าวลือและในที่สุดกลายเป็นข่าวจริง เป็นเพียงปัจจัยเดียวที่จุดพลุไบ่ราคาหุ้นตัวนี้ ซึ่งผลประกอบการยังย่ำแย่
ตลาดหลักทรัพย์ ฯ เคยประกาศใช้มาตรการกำกับการซื้อขายขั้นที่ 1 หุ้น DV8 ไปแล้ว แต่สยบความร้อนแรงไม่อยู่ ยังมีการลากราคาหุ้นอย่างเย้ยฟ้าท้าดิน จนกระทั่งวันที่ 15 กรกฎาคมจึงยกระดับมาตรการกำกับการซื้อขายเป็นขั้นที่ 2 โดยกำหนดให้ซื้อหุ้นด้วยเงินสด หรือบัญชีแคชบาลานซ์ ห้ามคำนวณวงเงินซื้อขายหุ้น และห้ามซื้อขายหักลบราคาซื้อขายในวันเดียวกันหรือห้ามเน็ทเซทเทิ้ลเมนท์ มีผลระหว่างวันที่ 16 กรกฎาคมถึง 5 สิงหาคมนี้
ต้องดูกันต่อไปว่า ตลาดหลักทรัพย์ ฯ จะดับร้อนหุ้น DV8 ได้หรือไม่ เพราะราคาและปริมาณการซื้อขายหุ้น ไม่เป็นปกติตามกลไกตลาดแน่ และราคาที่ถูกลากขึ้นมากว่า 2,300% ไม่น่าจะเกิดจากนักลงทุนรายย่อยแห่เข้าไปเก็งกำไร แต่คงมีนักลงทุน “ขาใหญ่” อยู่เบื้องหลัง ซึ่งเป็นหน้าที่ของตลาดหลักทรัพย์จะต้องตรวจสอบว่า
ใครปั่นราคาหุ้น DV8 โดยใช้เทนเดอร์ออฟเฟอร์ เป็นตัวจุดชนวน ทั้งที่การทำเทนเดอร์ออฟเฟอร์ไม่มีวันเกิดขึ้นจริง
สำหรับหุ้น ECF ถูกลากขึ้นตั้งแต่วันที่ 13 มิถุนายนที่ผ่านมา จากราคาปิด 37 สตางค์ลากขึ้นมาสูงสุดที่ 2.17 บาท ระหว่างชั่วโมงซื้อขายวันที่ 14 กรกฎาคม และปิดล่าสุดที่ 2 บาท ในวันที่ 15 กรกฎาคม โดยภายในเวลาประมาณ 1 เดือน ราคาปรับตัวเพิ่มขึ้น 1.65 บาท หรือเพิ่มขึ้น 471.42% จากมูลค่าการซือขายวันละไม่กี่แสนบาท ขยับขึ้นมาซื้อขายวันละหลายสิบล้านบาท
ECF ถูกจุดพลุลากราคา จากการประกาศเพิ่มทุน นำหุ้นเสนอขายผู้ถือหุ้นเดิมในสัดส่วน 1 หุ้นเดิมต่อ 20 หุ้นใหม่ ในราคาหุ้นละ 20 สตางค์ และแจกใบสำคัญแสดงสิทธิจองซื้อหุ้นสามัญหรือวอร์แร้นต์อีก 8 หน่วย ราคาแปลงสภาพเป็รหุ้นสามัญกำหนดไว้เพียง 8 สตางค์
แผนการเพิ่มทุน สูบเงินผู้ถือหุ้นเดิมบรรลุเป้าหมาย หุ้นเพิ่มทุนขายหมดเกลี้ยง ระดมเงินได้ 199.90 ล้านบาท
แต่ราคาหุ้น ECF ดูเหมือนจะลากกันไปต่อไม่ไหวแล้ว ส่วนหนึ่งเกิดจากราคาที่ร้อนเกินเหตุ ผลไม่มีปัจจัยพื้นฐานสนับสนุน ขณะที่หุ้นเพิ่มทุน 999.50 หุ้น เข้าซื้อขายในวันที่ 20 กรกฎาคม จากหุ้นที่มีอยู่เดิม จะมีหุ้นใหม่เพิ่มขึ้นอีก 20 เท่าตัว และยังมีวอร์แร้นต์รอการแปลงสภาพอีก 8 เท่าตัว
รวมแล้วจะมีหุ้นใหม่เพิ่มขึ้นอีก 28 เท่า ขณะที่ผลประกอบการ ECF ขาดทุนต่อเนื่อง จึงมองไม่ออกว่า บริษัทจดทะเบียนแห่งนี้จะเดินไปอย่างไร และจะสร้างผลกำไรคืนกลับผู้ถือหุ้นให้คุ้มค่าได้หรือไม่
แต่ข่าวร้ายที่คืนคลานเข้ามาเยือนคือ ผู้ถือหุ้นใหญ่ได้นำหุ้นไปจำนอง และเมื่อถึงเวลาชำระหนี้คืน กลับไม่ยอมจ่าย ทำให้เจาหนี้บางราย เริ่มบังคับหนี้ โดยยึดหุ้นที่นำไปวางเป็นหลักประกัน
และไม่มีใครรู้ว่า ผู้ถือหุ้นใหญ่ ECF มีหุ้นที่ติดจำนองอีกเท่าไหร่ โดยจะถูกยึดหุ้นเมื่อไหร่ ซึ่งหากถูกยึดทั้งหมด ผู้ถือหุ้นใหญ่ก็อาจเปลี่ยนสภาพ กลายเป็นผู้ถือหุ้นรายย่อยก็ได้
เกมลากหุ้น ECF ถึงตอนปิดฉากสุดท้ายแล้ว และแม้ว่า ตลาดหลักทรัพย์ฯแทบจะปล่อยเสรี ปล่อยให้ลากหุ้นกันมาแรมเดือน โดยไม่ดำเนินมาตรการกำกับแต่อย่างใด
แต่หุ้น ECF กำลังปิดฉากด้วยตัวเอง ราคาที่ลากขึ้นมาโดยไม่สมจริงตามปัจจัยพื้นฐาน หุ้นใหม่ที่ทะลักเข้ามาอีกเกือบ 1,000 ล้านหุ้น และหนี้ที่ผู้ถือหุ้นใหญ่นำไปวางเป็นหลักค้ำประกันเงินกู้ จะทำให้ ECF ในเกมลากราคาหุ้น
งานนี้ “ขาใหญ่” ที่ลากหุ้น ECF ขึ้นไป โดยหวังจะโปรยหุ้น โยนขายใส่มือนักลงทุนรายย่อย คงจะเจ็บตัว
เพราะรายย่อยไม่หลงในกลเกมการ “ลาก” หุ้น ECF
website : mgronline.com
facebook : MGRonlineLive
twitter : @MGROnlineLive
instagram : mgronline
line : MGROnline
youtube : MGR Online VDO