เปิดเกมรุกทวงคืน 'ที่ดินเขากระโดง' ปฏิบัติการมหาดไทยยุคภูมิธรรม
กรณีพิพาทที่ดินเขากระโดง จังหวัดบุรีรัมย์ กลับมาเป็นประเด็นร้อนอีกครั้ง หลัง "ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี" เปิดใจใน "ในงาน 55 ปี เนชั่น ผ่าทางตันประเทศไทย เอ็กซ์คลูซีฟ ทอล์ก" เมื่อ 14 กรกฎาคม ที่ผ่านมา ระบุว่า ต้องดำเนินการตามกฎหมายและกติกาอย่างเคร่งครัด
"ใครนั่งทับสิ่งที่ไม่ถูกต้องไว้ สุดท้ายก็ต้องโดน ม.157 อยู่ดี ไม่ว่าใครก็ตาม หากมีการฝ่าฝืนระเบียบหรือคำพิพากษาของศาล ก็ต้องมีผู้รับผิดชอบ ไม่อาจนิ่งเฉยได้"
อดีตนายกฯ ย้ำถึงบทบาทสำคัญของกระทรวงมหาดไทย ซึ่งปัจจุบันอยู่ภายใต้การดูแลของพรรคเพื่อไทย โดยกล่าวว่า "กระทรวงมหาดไทยเป็นกระทรวงสำคัญที่ต้องทำงานอย่างเด็ดขาด ทุกอย่างต้องเป็นไปตามกฎหมาย ที่ผ่านมา หากมีกฎหมายที่ยังไม่ชัดเจนหรือการปฏิบัติงานที่ไม่เรียบร้อย ต้องเริ่มต้นใหม่ เริ่มทำงานให้เข้มข้นขึ้น ตั้งเป้าหมายให้ชัดเจน"
ภูมิธรรมเร่งคลี่คลาย ตั้งเส้นตาย 7 วัน
เพียงไม่กี่วันหลังนั้น "ภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย" ในฐานะรักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรี ได้เดินหน้าดำเนินการอย่างจริงจัง ออกหนังสือถึง นายพรพจน์ เพ็ญพาส อธิบดีกรมที่ดิน ขอคำชี้แจงภายใน 7 วัน ว่า เหตุใดกรมที่ดินจึงมีพฤติการณ์ที่อาจเข้าข่ายฝ่าฝืนหรือเพิกเฉยต่อคำสั่งศาลปกครองและศาลฎีกาในคดีดังกล่าว
ภูมิธรรม กล่าวอย่างชัดเจนว่า "หากครบกำหนดแล้วไม่มีคำอธิบายที่ชัดเจน ผมจะลงนามแต่งตั้งคณะกรรมการสอบข้อเท็จจริงในทันที โดยให้ปลัดกระทรวงมหาดไทยเป็นผู้พิจารณาโครงสร้างกรรมการตามกฎหมาย เพราะเรื่องนี้มีความเคลือบแคลงใจในสังคม และเป็นประเด็นที่สื่อให้ความสนใจอย่างมาก"
เมื่อผู้สื่อข่าวสอบถามว่าการกระทำของอธิบดีกรมที่ดินจะกระทบต่อหน้าที่หรือไม่ นายภูมิธรรมตอบอย่างระมัดระวัง "ขึ้นอยู่กับว่าปัญหาที่เกิดขึ้นมีที่มาอย่างไร ถ้าทำหน้าที่ถูกต้องตามกฎหมายก็ไม่มีปัญหา แต่ถ้าทำเกินกรอบ เอื้อประโยชน์ต่อผู้อื่น ย่อมส่งผลกระทบแน่นอน"
เร่งโยกย้ายข้าราชการระดับสูง เสร็จสิ้นภายในเดือนสิงหาคม
นอกจากการดำเนินการในประเด็นเขากระโดงแล้ว นายภูมิธรรม เวชยชัย ในฐานะรักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรี ยังได้ให้สัมภาษณ์ถึงการแต่งตั้งโยกย้ายข้าราชการระดับสูงของกระทรวงมหาดไทย เพื่อให้สอดคล้องกับการทำงานของกระทรวงมหาดไทย โดยระบุว่า "เรื่องนี้ชี้แจงไปแล้ว จะดูปัญหา สิ่งใดที่ไม่ถูกต้องก็จะดำเนินการ ส่วนตัวมีเหตุผลอธิบายได้หมดสำหรับคนที่โยกย้ายไป"
ประเด็นสำคัญที่นายภูมิธรรมได้เน้นย้ำคือกรอบเวลาในการโยกย้ายว่า "ไม่มีใครรอถึงกันยายน ในที่ประชุม ครม. ได้สั่งการไปทุกกระทรวงแล้วว่า จากวันนี้เป็นต้นไปให้รีบดำเนินการ วันที่ 1 ตุลาคม 2568 จะได้ปฏิบัติงานได้ เพราะขณะนี้ปัญหาเยอะ ตั้งเป้าให้แล้วเสร็จภายในเดือนกรกฎาคม หรืออย่างช้าไม่เกินกลางเดือนสิงหาคม การแต่งตั้งโยกย้ายทุกระดับก็จะเสร็จสิ้น ซึ่งเป็นไปตามกระบวนการ"
สำหรับประเด็นรองปลัดกระทรวงมหาดไทยที่เคยทำหน้าที่เพิกถอนที่ดินอัลไพน์ จะอยู่ในข่ายถูกย้ายหรือไม่ นายภูมิธรรม กล่าวว่า "ดูหลายเรื่อง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องเขากระโดง ที่ดินอัลไพน์ หรืออีกหลายเรื่อง ตรงไหนเข้าข่ายกฎหมายก็ว่าไปตามกฎหมาย อันไหนเข้าข่ายบกพร่องในหน้าที่ก็ดำเนินการตามกฎหมายหรือคำสั่งทางปกครอง และเป็นไปตามความเห็นของผู้บังคับบัญชาที่ควรจะต้องทำ"
การจัดแบ่งงานใหม่: เดชอิศม์รับผิดชอบกรมที่ดิน
ในการปรับโครงสร้างการบริหารงานภายในกระทรวงมหาดไทย ภูมิธรรมได้แบ่งงานให้กับรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทยทั้ง 2 คนอย่างชัดเจน โดยมอบหมายให้ "เดชอิศม์ ขาวทอง รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย" เป็นผู้ดูแลกรมที่ดิน
เมื่อผู้สื่อข่าวสอบถามถึงเหตุผลที่ไม่ได้กำกับดูแลกรมที่ดินด้วยตนเอง นายภูมิธรรมระบุว่า "ผมมีงานเยอะแล้ว และคุณเดชอิศม์ก็มีความตั้งใจอยากจะช่วยดูแลในภารกิจส่วนนี้"
เมื่อมีการตั้งคำถามว่านายเดชอิศม์เหมาะสมหรือไม่ในการเข้ามาสะสางปัญหาความคาราคาซังในกรมที่ดิน นายภูมิธรรมได้ตอบอย่างมั่นใจว่า "ทุกคนที่เข้ามาในกระทรวงนี้เหมาะสมหมด เพราะต่างมีภารกิจที่ต้องสะสางกันทั้งนั้น" ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความเชื่อมั่นในทีมงานและการมุ่งมั่นในการแก้ไขปัญหา
เดชอิศม์แสดงจุดยืนชัดเจน ยืนยันไม่หนักใจ
นายเดชอิศม์ ขาวทอง ให้สัมภาษณ์กับบทบาทใหม่ของเขาในการกำกับดูแลกรมที่ดินว่า ไม่หนักใจในการจัดการปัญหาที่ดินเขากระโดง
"ผมไม่หนักใจ เพราะที่ดินของประเทศไทยต้องเป็นของคนไทยเท่านั้น ที่ดินของหลวงก็ต้องเป็นของหลวงทุกตารางนิ้ว ทุกอย่างยึดตามข้อกฎหมายและข้อเท็จจริง เพราะฉะนั้นไม่มีเรื่องเครียด" คำกล่าวนี้แสดงให้เห็นถึงความมั่นใจและหลักการที่ชัดเจนในการดำเนินงาน
เมื่อถูกถามเกี่ยวกับนโยบายในการจัดการปัญหาที่ดินเขากระโดง นายเดชอิศม์ได้อธิบายว่า "ไม่มีการทำเฉพาะเจาะจงเรื่องนโยบาย แต่ดูเป็นภาพรวมของประเทศ ที่ดินหลวงก็ต้องเป็นของหลวง ที่ดินของเอกชนก็ต้องรีบออกเอกสารสิทธิ์ให้กรรมสิทธิ์โดยเร็วที่สุด" ซึ่งแสดงให้เห็นถึงการมองปัญหาในภาพรวมและไม่ใช่การกำหนดนโยบายเฉพาะกรณี
สำหรับการออกโฉนดที่ดินเขากระโดงที่ไปทับซ้อนพื้นที่ของการรถไฟแห่งประเทศไทย นายเดชอิศม์กล่าวว่า "ต้องพิสูจน์กันว่าทำไมศาลถึงพิพากษาให้เป็นของการรถไฟฯ แล้วยังไม่คืนให้กับการรถไฟฯ ซึ่งคนทั้งประเทศรอฟังอยู่ ก็ต้องทำเรื่องนี้ให้เคลียร์โดยเร็วที่สุด"
การที่มีการตั้งคำถามว่าคดีนี้เป็นเกมการเมืองของสีแดงและน้ำเงิน โดยมีนายเดชอิศม์เป็นตัวกลางหรือไม่ เขาได้ยืนยันอย่างชัดเจนว่า "ไม่ใช่ ที่ดินหลวงก็เป็นของหลวง ไม่ว่าจะอยู่ที่พรรคการเมืองหรือรัฐมนตรีคนใด ไม่ว่าจะเป็นคนไทยกลุ่มไหน ก็ต้องให้กลับกับหลวงให้ได้" ซึ่งเป็นการแสดงจุดยืนที่เหนือพรรคเหนือพวก
เมื่อถูกถามว่าคดีนี้ช้าไปหรือไม่ เพราะมีการยืดเยื้อมานาน นายเดชอิศม์ได้ยอมรับว่า "เรื่องนี้ช้าเกินไป เพราะคนทั้งประเทศรอกันมานาน ไม่ว่าจะเป็นข้าราชการ ประชาชน หรือนักการเมือง ก็ถามกันหมดเกือบ 100% เพราะฉะนั้นตนต้องทำให้ชัดเจนโดยเร็วที่สุด" ซึ่งแสดงให้เห็นถึงการยอมรับปัญหาและความตั้งใจที่จะแก้ไข
อนุทินตอบโต้ เตือนอย่าเป็นการ "เช็คบิล"
ด้านนายอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ในฐานะอดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ออกมาเตือนว่าอย่าให้เป็นการ "เช็คบิล" ทางการเมือง
"ทุกคนเข้ามามีสิทธิ์ตั้งข้อสงสัย อย่าให้เป็นการเช็คบิล เพราะถ้าเวลาเช็คบิล หากพวกผมกลับไปก็เช็คบิลได้ต่อ ซึ่งไม่เกิดประโยชน์อะไร ต้องดูว่าอะไรถูกอะไรผิด สมัยที่ผมเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ทั้งปลัดกระทรวงมหาดไทย รองปลัดกระทรวงมหาดไทย อธิบดีกรมที่ดิน ข้าราชการกรมที่ดิน ก็ยืนยันมากันหมด ว่าได้ดำเนินการตามกระบวนการขั้นตอนของกฎหมาย เป็นที่เรียบร้อยแล้ว รัฐมนตรีไม่มีสิทธิ์ที่จะสั่งการใดๆ ทั้งสิ้น ไม่ว่าจะสั่งการให้ออกมาเป็นบวกหรือเป็นลบ รัฐมนตรีไม่มีอำนาจ ไม่มีช่องทางไหนให้เข้าไปได้เลย"