"ท๊อป จิรายุส" ลั่น! ดีล SCB-Bitkub ล่มไม่สะเทือน พร้อม IPO ด้วยความซุปเปอร์คลีน
วงการคริปโตไทยไม่เคยเงียบ ล่าสุด “ท๊อป จิรายุส” CEO Bitkub เปิดใจครั้งแรกหลังดีลประวัติศาสตร์ 17,850 ล้านบาทกับ SCB ล่มเมื่อ 4 ปีก่อน เผยเฉย ๆ ไม่สะเทือน เพราะเจอหนักกว่านี้มาเยอะ! แถมมองเป็นโอกาสทองที่ทำให้ Bitkub “ซุปเปอร์คลีน” พร้อมลุย IPO ด้วยความมั่นใจ ลั่นบริษัทคลีนกว่าหลายมหาชน นี่คือจุดพลิกผันหรือแค่ฝันใหญ่ของบิทคับ?
ต้องบอกว่าวงการคริปโตไทยไม่เคยเงียบจริง ๆ ล่าสุดเมื่อ จิรายุส ทรัพย์ศรีโสภา หรือ “ท๊อป” CEO ของ Bitkub แพลตฟอร์มซื้อขายคริปโตที่มีส่วนแบ่งปริมาณการเทรดสูงอันดับหนึ่งของไทย เปิดใจแบบหมดเปลือกในพอดแคสต์ของ Ck Cheong (ซีเค เจิง) CEO ของ Fastwork บนช่อง YouTube เมื่อวันที่ 9 กรกฎาคม 2568 โดยมีบางช่วงถูกแชร์ลง Instagram ส่วนตัวของซีเค ซึ่งได้สร้างความฮือฮาในโลกโซเชียล หลังถูกถามถึงดีลประวัติศาสตร์มูลค่า 17,850 ล้านบาท กับ ธนาคารไทยพาณิชย์ (SCB) ที่ล่มกลางคันเมื่อ 4 ปีก่อน แต่สิ่งที่ "ท๊อป" ตอบ กลับกลายเป็นความนิ่งเกินคาด พร้อมทั้งยังได้เปิดเผยแง่มุมสุดแซ่บที่ทำให้ทุกคนต้องทบทวนมุมมองต่อ Bitkub!
ดีล 17,850 ล้าน ฝันที่ล่ม แต่ไม่สะเทือนใจ
ย้อนกลับไปเมื่อปี 2564 ข่าวดีลระหว่าง SCB และ Bitkub ที่จะทำให้ Bitkub กลายเป็น ยูนิคอร์น มูลค่า 1,000 ล้านดอลลาร์ (ราว 35,000 ล้านบาท) สร้างความตื่นเต้นให้วงการสตาร์ทอัพและคริปโตไทย แต่สุดท้ายดีลนี้ล่มลง หลัง SCB ตัดสินใจถอนตัว สร้างความเสียใจให้หลายฝ่ายที่มองว่าเป็นโอกาสทองของวงการคริปโตไทย อย่างไรก็ตาม ท๊อป จิรายุส กลับเปิดเผยในพอดแคสต์ว่า เขา “เฉยมาก” และ “ไม่รู้สึกอะไรเลย” กับการยกเลิกดีลครั้งนั้น!
“ตอนที่ประกาศยกเลิกดีล ทุกคนส่งข้อความมาแบบ ‘เสียใจด้วย’ แต่สำหรับผม มันเบามาก โคตรเบา!” ท๊อปกล่าวด้วยน้ำเสียงมั่นใจ เขาย้ำว่า Bitkub เจอเรื่องหนักกว่านี้มาเยอะ ตั้งแต่การก่อตั้งในปี 2561 ที่ต้องฝ่าฟันทั้งความผันผวนของคริปโตและความท้าทายด้านกฎระเบียบ “เราเป็นคนทำดีล เรารู้ทุกอย่างก่อนใครอยู่แล้ว ผ่านกระบวนการเกือบ 2 ปี มันไม่ใช่ว่าไม่มีดีลนี้แล้วบริษัทจะเจ๊ง Bitkub มีกำไรต่อเนื่องมา 5 ปีแล้ว!” นี่คือคำยืนยันจาก CEO ที่ทำให้เห็นว่า Bitkub ไม่ได้เปราะบางอย่างที่หลายคนคิด
สร้างโอกาสทองจากความล้มเหลว
แทนที่จะมองดีลล่มเป็นความ "พ่ายแพ้" ท๊อปกลับมองว่าเป็น "โอกาสทอง" ที่ยกระดับ Bitkub สู่มาตรฐานโลก! เขาเผยว่า การทำ Due Diligence หรือการตรวจสอบอย่างละเอียดทั้งด้านการเงิน, เทคโนโลยี, และกฎหมาย ในระหว่างดีลกับ SCB ซึ่งเป็นการลงทุนครั้งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ธนาคารไทย ทำให้ Bitkub กลายเป็นบริษัทที่ “ซุปเปอร์คลีน” หรือสะอาดไร้ที่ติในทุกมิติ
“ตอนนั้นมูลค่าดีลครึ่งหนึ่งคือ 17,850 ล้านบาท การตรวจสอบเข้มข้นทุกด้านทำให้บริษัทเราคลีนสุด ๆ” ท๊อปกล่าวด้วยความภาคภูมิใจ “ตอนนี้ Bitkub กำลังแต่งตัวเพื่อ IPO ร่างแรกของเอกสารที่ยื่น ไม่มีจุดบกพร่องเลย ไม่เหมือนหลายบริษัทมหาชนที่ยังมีช่องโหว่ ผมบอกเลยว่า Bitkub คลีนกว่าหลายบริษัทในตลาดหลักทรัพย์เยอะ!”
"บิทคับ" จากสตาร์ทอัพสู่สถาบันการเงิน
ท๊อปยังเน้นย้ำว่า Bitkub ไม่ใช่สตาร์ทอัพทั่วไปที่ “ขยับไว ล้มได้ ขอโทษทีหลัง” อีกต่อไป แต่กลายเป็น สถาบันการเงิน ที่บริหารจัดการด้วยความเป็นมืออาชีพ “ลูกค้าคนไทยฝากเงินกับเรา 100,000 ล้านบาทแล้ว กระบวนการทำงานของเราตอนนี้ corporatize กว่าบริษัทมหาชนหลายแห่ง” เขากล่าว โดยชี้ว่า Bitkub มีโครงสร้างการบริหารจัดการที่แข็งแกร่ง พร้อมรับผิดชอบต่อเงินของลูกค้าและปฏิบัติตามกฎระเบียบอย่างเคร่งครัด
ขณะที่การที่ Bitkub เตรียมตัวเข้าสู่ IPO (การเสนอขายหุ้นครั้งแรก) ไม่ใช่แค่การยกระดับสถานะ แต่ยังเป็นการพิสูจน์ว่าบริษัทพร้อมแข่งขันในเวทีโลก ท๊อปมองว่ากระบวนการ Due Diligence จากดีล SCB เป็นเหมือนการ “ตรวจสุขภาพ” ที่ทำให้ Bitkub แข็งแกร่งและโปร่งใสยิ่งขึ้น พร้อมรับมือความท้าทายในอนาคต
ก้าวต่อไปของ Bitkub ในวงการคริปโตไทย
การเปิดใจของท๊อปในครั้งนี้ไม่เพียงสะท้อนความมั่นใจในศักยภาพของ Bitkub แต่ยังส่งสัญญาณว่า วงการคริปโตไทย กำลังก้าวสู่ความเป็นผู้ใหญ่ การที่ Bitkub สามารถยืนหยัดได้แม้เผชิญความล้มเหลวจากดีลยักษ์ใหญ่ แสดงถึงความแข็งแกร่งของทีมงานและวิสัยทัศน์ของผู้นำอย่างท๊อป โพสต์บน X จากชุมชนคริปโตไทย เช่น @ThaiCryptoHub และ @BitkubFan ต่างชื่นชมทัศนคติของท๊อปที่มองวิกฤตเป็นโอกาส และคาดหวังว่า IPO ของ Bitkub จะเป็นหมุดหมายสำคัญของวงการ
อย่างไรก็ตาม นักวิเคราะห์บางส่วนเตือนว่า การเข้าสู่ IPO ไม่ใช่เรื่องง่าย Bitkub ต้องเผชิญกับความท้าทาย เช่น การแข่งขันจากแพลตฟอร์มคริปโตระดับโลกอย่าง Binance และ Bybit รวมถึงกฎระเบียบที่เข้มงวดจาก ก.ล.ต. ประเทศไทย
นอกจากนี้ ความผันผวนของตลาดคริปโตและความเชื่อมั่นของนักลงทุนรายย่อยจะเป็นตัวกำหนดว่า Bitkub จะสามารถรักษาความเป็นผู้นำในวงการได้หรือไม่
ความเสี่ยงและโอกาสในอนาคต
การที่ Bitkub ผ่านการตรวจสอบ Due Diligence จาก SCB ทำให้บริษัทมีจุดแข็งด้านความโปร่งใส แต่ก็ยังมีความเสี่ยงที่ต้องจับตาในหลายประเด็น เช่น
ความผันผวนของคริปโต : หากราคาบิทคอยน์หรืออัลท์คอยน์ร่วงหนัก อาจกระทบความเชื่อมั่นของนักลงทุนใน Bitkub
การแข่งขันใน IPO: การระดมทุนผ่าน IPO ต้องแข่งขันกับสตาร์ทอัพและบริษัทมหาชนอื่น ๆ ในตลาดหุ้น ซึ่งอาจท้าทายการกำหนดมูลค่าบริษัท
กฎระเบียบ : การที่ Bitkub บริหารเงินลูกค้ากว่า 100,000 ล้านบาท ทำให้ต้องปฏิบัติตามมาตรฐานที่เข้มงวดเหมือนสถาบันการเงิน ซึ่งอาจจำกัดความยืดหยุ่น
ถึงกระนั้น โอกาสก็มีไม่น้อย! การที่ Bitkub ได้รับการยอมรับในฐานะผู้นำคริปโตไทย และมีฐานลูกค้าที่แข็งแกร่ง อาจทำให้ IPO ดึงดูดนักลงทุนทั้งในและต่างประเทศ นอกจากนี้ การที่ท๊อปมองดีล SCB เป็นบทเรียนที่ทำให้บริษัทแข็งแกร่งขึ้น สะท้อนถึงวิสัยทัศน์ที่พร้อมรับมือทุกสถานการณ์
"ท๊อป จิรายุส" ความหวังของหัวเรือ "บิทคับ" ผู้นำที่พาตลาดคริปโตไทยไปไกล
จากดีลที่ล่ม สู่การเตรียมตัว IPO ด้วยความ “ซุปเปอร์คลีน” คำพูดของ ท๊อป จิรายุส ในพอดแคสต์ครั้งนี้ไม่เพียงจุดประกายความหวังให้ชุมชนคริปโตไทย แต่ยังเป็นการประกาศว่า Bitkub พร้อมก้าวสู่เวทีโลกในฐานะ สถาบันการเงินดิจิทัล ที่แข็งแกร่งและน่าเชื่อถือ ด้วยเงินฝากลูกค้ากว่า 100,000 ล้านบาทและกระบวนการบริหารจัดการระดับสากล Bitkub ไม่ใช่แค่สตาร์ทอัพ แต่เป็นอนาคตของการเงินไทย!
คำถามใหญ่คือ การ IPO ของ Bitkub จะพาวงการคริปโตไทยไปถึงฝั่งฝัน หรือจะเจอพายุแห่งความท้าทาย? ชุมชนคริปโตกำลังจับตา และท๊อป จิรายุสกำลังนำทัพเพื่อพิสูจน์ว่า “วิกฤตคือโอกาส” จริงหรือไม่!
อ้างอิง
โพสต์บน Instagram โดย @ckcheong9 กรกฎาคม 2568
website : mgronline.com
facebook : MGRonlineLive
twitter : @MGROnlineLive
instagram : mgronline
line : MGROnline
youtube : MGR Online VDO