TDRI ประเมินเศรษฐกิจไทยโต 1.7–2% ภาษีทรัมป์กดดัน แนะเร่งดึง FDI
ดร.นณริฏ พิศลยบุตร นักวิชาการอาวุโส สถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย (TDRI) เปิดเผยว่า เศรษฐกิจไทยในปีนี้มีแนวโน้มขยายตัวในกรอบร้อยละ 1.7-2.0 โดยมีแรงขับเคลื่อนหลักจากการส่งออกที่คาดว่าจะขยายตัวราวร้อยละ 2-4 ขณะที่การลงทุนโดยรวมเติบโตราวร้อยละ 1.7 ซึ่งส่วนใหญ่มาจากการลงทุนภาครัฐ
อย่างไรก็ดี ภาคการท่องเที่ยวมีแนวโน้มหดตัวลงเล็กน้อยจากเดิม โดยคาดจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติในปีนี้อยู่ที่ประมาณ 35.5 ล้านคน ลดลงจากเป้าหมายเดิมเล็กน้อย แม้จำนวนนักท่องเที่ยวจะลดลงเล็กน้อย แต่ในปีนี้กำลังซื้อของนักท่องเที่ยวยังไม่ได้รับผลกระทบโดยตรงมากนัก และอาจเริ่มเห็นสัญญาณชะลอตัวมากขึ้นในปีหน้า
สำหรับผลกระทบจากนโยบายการจัดเก็บภาษีที่ระดับ 19% ดร.นณริฏ ระบุว่า กลุ่มที่ได้รับผลกระทบมากที่สุดคือ ภาคการส่งออก โดยเฉพาะกลุ่มที่ส่งออกไปสหรัฐ และภาคการนำเข้าในกลุ่มสินค้าที่ไทยเปิดให้กับสหรัฐเพื่อให้ได้ดีล และที่เข้ามาแข่งขันกับผู้ประกอบการในประเทศ
ในด้านการลงทุนโดยตรงจากต่างชาติ (FDI) ดร.นณริฏ ชี้ว่า ไทยควรมุ่งเน้นการดึงดูดเม็ดเงินลงทุนไปยังอุตสาหกรรมเป้าหมายที่มีศักยภาพสูง และตอบโจทย์อนาคต เช่น กลุ่มการแพทย์ เศรษฐกิจชีวภาพ-หมุนเวียน-สีเขียว (BCG) และอิเล็กทรอนิกส์ขั้นสูง
ปัจจัยบวกคือความชัดเจนของการจัดเก็บภาษีของสหรัฐฯ ที่ระดับ 19% ซึ่งเป็นอัตราที่ใกล้เคียงกับหลายประเทศในภูมิภาค อย่างไรก็ตาม ปัจจัยลบที่ต้องจับตา ได้แก่ ความไม่แน่นอนของนโยบายภาษี หากมีการเปลี่ยนแปลงเพิ่มเติม และความวุ่นวายทางการเมือง โดยเฉพาะการฟ้องร้องคดีต่าง ๆ และปัญหาข้อพิพาทระหว่างไทยกับกัมพูชา ซึ่งอาจกระทบต่อความเชื่อมั่นในประเทศ
สำหรับแนวทางที่ภาครัฐควรดำเนินการ ดร.นณริฏ ระบุว่า ควรมีมาตรการระยะสั้นเพื่อเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบจากภาษีสหรัฐฯ ควบคู่กับการเร่งปรับโครงสร้างเศรษฐกิจ สร้างกิจกรรมทางเศรษฐกิจใหม่ สนับสนุนความเข้มแข็งของผู้ประกอบการ และขยายตลาดส่งออกให้หลากหลายยิ่งขึ้น เพื่อเพิ่มความสามารถในการแข่งขันของประเทศในระยะยาว