ธรรมศาสตร์ คว้า Top 4 โลก เบอร์ 1 ไทย ด้าน SDG16 จาก 1,214 มหาวิทยาลัยทั่วโลก
ผศ.ชล บุนนาค ผู้อำนวยการศูนย์วิจัยและสนับสนุนเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน (SDG Move) และผู้ช่วยอธิการบดีฝ่ายพัฒนาคุณภาพและความยั่งยืน มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ กล่าวว่า ธรรมศาสตร์ ผลักดันองค์ความรู้สู่การเปลี่ยนแปลงเชิงนโยบาย และบ่มเพาะนักศึกษารุ่นใหม่ให้กล้าตั้งคำถามต่อความเหลื่อมล้ำ พร้อมยืนหยัดเพื่อสังคมที่ไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง จนทำให้ธรรมศาสตร์ก้าวขึ้นเป็น อันดับ 1 ของไทย และอันดับ 4 ของโลก ในด้าน SDG16 จากการจัดอันดับ THE Impact Rankings 2025
ทั้งนี้ มธ.ได้แสดงบทบาทอันโดดเด่นในฐานะ “ศูนย์กลางความรู้เพื่อสังคมยุติธรรม” ซึ่งไม่เพียงแต่เป็นการสานต่อเจตนารมณ์แห่งเสรีภาพและประชาธิปไตยอันฝังรากลึกในสถาบันมาอย่างยาวนาน แต่ยังเป็นการขับเคลื่อนเป้าหมาย SDG16 อย่างเป็นรูปธรรม จนสามารถก้าวขึ้นเป็นอันดับ 1 ของประเทศไทย และอันดับ 4 ของโลก ในการจัดอันดับ Impact Rankings 2025 ด้าน “Peace, Justice and Strong Institutions” จากมหาวิทยาลัยทั่วโลกกว่า 1,214 สถาบัน
สะท้อนถึงการทำงานเชิงระบบที่อิงความรู้ สร้างการเปลี่ยนแปลง และประสานพลังทั้งในระดับนโยบายและรากฐานของสังคม โดยหนึ่งในปัจจัยหลักที่สะท้อนความเข้มแข็งของธรรมศาสตร์ในการขับเคลื่อน SDG16 คือความสามารถในการทำงานเชิงวิชาการเพื่อสร้างองค์ความรู้ใหม่ในประเด็นสันติภาพและความยุติธรรม (Research on peace and justice)
ควบคู่กับการวางรากฐานธรรมาภิบาลภายในมหาวิทยาลัย (University governance measures) ที่ยึดหลักความโปร่งใส มีส่วนร่วม และตรวจสอบได้ ที่สำคัญคือการที่ธรรมศาสตร์เป็นหนึ่งในไม่กี่มหาวิทยาลัยที่ทำคะแนนเต็ม 100 ในหมวด “การทำงานร่วมกับภาครัฐ” (Working with government) ซึ่งแสดงให้เห็นว่าองค์ความรู้จากรั้วมหาวิทยาลัยได้ถูกส่งต่อไปยังเวทีนโยบายภาครัฐและสาธารณะอย่างต่อเนื่องและหลากหลาย
“มธ.ไม่จำกัดความคิดเพียงกรอบของกฎหมายหรือการปกครองเพียงเท่านั้น หากแต่เปิดพื้นที่ให้ศาสตร์อื่น ๆ ได้มีส่วนร่วมในการเข้ามาสร้างองค์ความรู้และผลักดันนโยบายที่ตอบโจทย์ความเป็นธรรมในมิติต่าง ๆ อย่างครอบคลุม
โดยจากรายงาน Thammasat University Sustainability Report 2023 ได้สะท้อนให้เห็นว่า ‘ความยุติธรรม’ ไม่ใช่เพียงแนวคิดในของคณะนิติศาสตร์หรือรัฐศาสตร์เท่านั้น หากแต่แทรกซึมอยู่ในเนื้อหาหลักสูตรการเรียนการสอน กิจกรรม และงานวิจัยของคณะแทบทุกคณะ ไม่ว่าจะเป็นคณะพยาบาลศาสตร์ที่เน้นสิทธิมนุษยชนในระบบสุขภาพและการเข้าถึงบริการสาธารณสุขที่เท่าเทียม
คณะสังคมวิทยาและมานุษยวิทยา มุ่งเน้นการศึกษาและวิเคราะห์โครงสร้างทางสังคมเพื่อตีแผ่ความเหลื่อมล้ำ หรือแม้แต่คณะพาณิชยศาสตร์และการบัญชี ที่ผลักดันแนวคิดเศรษฐกิจเพื่อสังคม โดยส่งเสริมการมีกลไกตลาดที่เป็นธรรมในการสร้างโอกาสทางเศรษฐกิจให้แก่กลุ่มเปราะบาง”
การบูรณาการองค์ความรู้เพื่อ SDG16 จึงไม่ใช่การทำงานของคณะใดคณะหนึ่ง หากแต่เป็นพลังของ “ความหลากหลายเชิงวิชาการ” ที่เดินหน้าไปด้วยกันอย่างเป็นระบบและต่อเนื่อง แต่ละศาสตร์วิชามีจุดแข็งเฉพาะที่เกื้อหนุนซึ่งกันและกัน ตั้งแต่กฎหมาย การเมือง สาธารณสุข เศรษฐกิจ จนถึงมานุษยวิทยา
ล้วนมีบทบาทในการสร้างรากฐานของสังคมที่ยึดมั่นในหลักนิติธรรม ความโปร่งใส การมีส่วนร่วม และความเป็นธรรมในทุกระดับ ยิ่งไปกว่านั้น กระบวนการเรียนรู้ของนักศึกษามธ.ที่ได้สัมผัสกับองค์ความรู้แบบสหวิทยาการและการมีส่วนร่วมอย่างแท้จริง กำลังหล่อหลอมคนรุ่นใหม่ให้เป็น “พลเมืองที่มีหัวใจของความยุติธรรม” พร้อมยืนหยัดเพื่อสร้างความเปลี่ยนแปลงในสังคมในทุกบทบาทหน้าที่ของตนเองต่อไปในอนาคต
“มธ. โดยศูนย์ SDG Move ยังร่วมมือกับสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (สกสว.) ในการใช้เป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน (SDGs) เป็นกรอบในการประเมินสถานการณ์ความยั่งยืนระดับภาคทั้ง 6 ภาค และรับฟังความเห็นจากผู้มีส่วนได้ส่วนเสียระดับท้องถิ่นมาเป็นข้อมูลให้ทาง สกสว. ใช้ในการกำหนดแผนด้านวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมของประเทศไทย พ.ศ. 2566-2570 อีกด้วย
ซึ่งในการทำงานดังกล่าวมิใช่เพียงการขับเคลื่อนโดยมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ แต่เป็นความร่วมมือระหว่าง มธ. กับมหาวิทยาลัยชั้นนำในภูมิภาคทั้ง 6 ภูมิภาคของประเทศไทย และเครือข่าย Sustainable Development Solutions Network (SDSN) ซึ่งเป็นเครือข่ายวิชาการด้านความยั่งยืนระดับโลก สะท้อนการทำงานบูรณาการข้ามภาคส่วน การทำงานอย่างใกล้ชิดกับหน่วยงานภาครัฐขับเคลื่อนเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน และเชื่อมโยงเสียงของคนเล็กคนน้อยในพื้นที่กับนโยบายระดับชาติในเวลาเดียวกัน
โครงการลักษณะดังกล่าวเป็นเพียงหนึ่งในหลาย ๆ ตัวอย่างที่ส่งผลให้มหาวิทยาลัยได้รับการจัดอันดับในหมวดย่อย Working with Government ด้วยคะแนน 100 เต็ม เป็นหนึ่งในไม่กี่มหาวิทยาลัยในประเทศที่ได้คะแนนเต็มในเกณฑ์ดังกล่าว ทั้งนี้เพราะธรรมศาสตร์มีบทบาทสนับสนุนรัฐบาลไทยในนโยบายขับเคลื่อนเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนของประเทศโดยตรง”
“การที่ม.ธรรมศาสตร์ได้รับการจัดอันดับเป็นที่ 1ของประเทศและอันดับ 4 ของโลกในด้าน SDG16 ไม่ใช่ผลจากกระแสสังคมหรือเทรนด์ชั่วคราว หากแต่เป็นผลสะท้อนจากวัฒนธรรมองค์กรที่หยั่งรากลึกมานานในการยืนหยัดเพื่อความยุติธรรม เสรีภาพ และความรับผิดชอบต่อสังคม
ล่าสุดมธ.ได้ประกาศจุดยืนของตนเป็น Academic Freedom ตอกย้ำจุดยืนอันแน่วแน่ของธรรมศาสตร์ในฐานะสถาบันที่ยึดมั่นในเสรีภาพทางวิชาการอย่างแท้จริง เปิดโอกาสให้นักศึกษา อาจารย์และบุคลากรทุกภาคส่วน ได้ตั้งคำถามและการแสดงออกอย่างสร้างสรรค์ สอดคล้องกับคะแนน University Governance Measures ที่ธรรมศาสตร์ได้ 93.8 คะแนน เต็ม 100 ซึ่งครอบคลุมถึงความเท่าเทียม
การมีส่วนร่วม และการคุ้มครองสิทธิเสรีภาพ และเพื่อรักษาโมเมนตัมอันทรงคุณค่านี้ไว้ในระยะยาว ธรรมศาสตร์จะสานต่อเจตนารมณ์ด้านเสรีภาพทางวิชาการและความยุติธรรมทางสังคมผ่านการจัดกิจกรรมเชิงสัญลักษณ์และวิชาการในทุกปี โดยเฉพาะในวาระวันสำคัญทางสากลตามปฏิทินของสหประชาชาติ
ทั้งในรูปแบบเวทีสาธารณะ นิทรรศการ การเสวนาวิชาการ และการรณรงค์ในหมู่นักศึกษาและบุคลากร เพื่อให้คุณค่าดังกล่าวไม่ถูกหลงลืม หรือถูกกลืนไปในกระแสเร่งเร้าของสังคมร่วมสมัย ความต่อเนื่องเหล่านี้จะไม่เพียงเป็นการย้ำเตือนถึงพันธกิจหลักของมหาวิทยาลัยเท่านั้น แต่ยังเป็นการปลุกจิตสำนึกในสังคมวงกว้างให้ตระหนักถึงเสรีภาพที่แท้จริงต้องมาคู่กับความรับผิดชอบ และเป็นรากฐานสำคัญของการอยู่ร่วมกันอย่างมีศักดิ์ศรีในระบอบประชาธิปไตย”