รอไม่ได้อีกต่อ! สนธิรัตน์ อึ้ง! ความสามารถของไทย ตกมาอันดับ 30 สะท้อนชัด ประเทศกำลังแย่
สนธิรัตน์ แนะ รัฐบาลพักการเมือง กลับมาแก้ไขปัญหาประเทศอย่างจริงจัง หลังอันดับความสามารถแข่งขันของประเทศไทยตกต่ำ
ผู้สื่อข่าวโตโจ้นิวส์รายงานว่า นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก ระบุว่า
ความสามารถในการแข่งขันประเทศตกต่ำ โจทย์เศรษฐกิจที่ต้องเร่งแก้ ก่อนโจทย์ทางการเมือง
ทุกท่านครับ วันนี้ผมไม่อาจนิ่งเฉยต่อรายงานล่าสุดจาก IMD ที่จัดอันดับความสามารถแข่งขันของประเทศไทย ซึ่งปีนี้เราร่วงลงถึง 5 อันดับ อยู่ที่ 30 จากทั้งหมด 69 เขตเศรษฐกิจ ผมคิดว่าเป็นโจทย์ใหญ่สำหรับการเมืองไทยในวันนี้ที่ต้องคิดให้หนัก
สิ่งที่น่ากังวลไม่ใช่แค่อันดับที่ตก แต่เป็น ภาพรวมที่ถดถอยเกือบทุกด้าน โดยเฉพาะ ประสิทธิภาพภาครัฐ ที่ลดลงถึง 8 อันดับ มากที่สุดในบรรดาทุกปัจจัย สะท้อนว่าระบบราชการของเรายังไม่สามารถปรับตัวได้ทันกับโลกที่เปลี่ยนแปลงรวดเร็ว
การบริหารแบบแยกส่วน (silo) ยังคงเป็นอุปสรรคใหญ่ กฎหมายล้าสมัย ระบบราชการซับซ้อน ไม่เอื้อต่อการพัฒนาภาคธุรกิจ โดยเฉพาะ SMEs ที่ยังอ่อนแอและขาดการสนับสนุนอย่างแท้จริง
นี่ไม่ใช่แค่ปัญหาเชิงเทคนิค แต่เป็นปัญหาเชิงโครงสร้างประเทศไทยกำลังอ่อนแอต่อความผันผวนระดับโลก เพราะระบบที่ไม่ยืดหยุ่น และขาด “หน่วยงานกลาง” ที่จะบูรณาการแผนเศรษฐกิจให้เดินไปในทิศทางเดียวกัน
การขาด New S-Curve และระบบติดตามนโยบายอย่างจริงจัง ส่งผลให้ไทยไม่มีทิศทางชัดเจนในการพัฒนาเศรษฐกิจยุคใหม่ เรายังไม่พร้อมกับการเปลี่ยนผ่านสู่เศรษฐกิจสีเขียว เทคโนโลยีสมัยใหม่ หรือ AI อย่างแท้จริง
แม้เรายังมีจุดแข็งในเรื่องการค้าระหว่างประเทศและการจ้างงาน แต่หากรากฐานอ่อนแอ เราก็ไม่สามารถต่อยอดเพื่อแข่งขันในอนาคตได้ เรากำลังถอยหลัง ขณะที่โลกกำลังเร่งเดินหน้า
หากภาครัฐไม่เริ่มต้นปฏิรูประบบของตัวเอง เราจะไม่มีวันสร้าง “ประเทศที่แข่งขันได้” ในโลกที่กำลังเข้าสู่ยุคชาตินิยมใหม่ ที่แต่ละประเทศต่างแย่งชิงทรัพยากร เทคโนโลยี และห่วงโซ่อุปทาน
ปี 2025 สะท้อนภาพโลกที่เปลี่ยนผ่านไปสู่การตั้งกำแพงทางเศรษฐกิจ ไม่ว่าจะเป็นมาตรการกีดกันการค้า การย้ายฐานการผลิต หรือการสร้างพันธมิตรใหม่ ไทยต้องไม่ยืนรออยู่เฉย ๆ เราต้อง เป็นฝ่ายวิ่งเข้าไปปรับตัวก่อนจะถูกทิ้งไว้ข้างหลัง
ถึงเวลาแล้วที่ภาครัฐต้องเลิกผัดวันประกันพรุ่ง ปฏิรูปการบริหารให้ทันสมัย ลดความซ้ำซ้อน กระจายอำนาจให้หน่วยงานทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ และสร้างระบบติดตามผลนโยบายที่จริงจัง ไม่ใช่แค่บนกระดาษ
ขณะเดียวกัน ภาคเอกชนต้องร่วมมือ ไม่ใช่เป็นเพียง “ผู้ถูกผลักภาระ” จากระบบที่ไม่มีประสิทธิภาพ แต่ต้องเป็นพลังเสริมรัฐในการปรับตัว เพิ่มขีดความสามารถ และยกระดับมาตรฐานให้แข่งขันได้จริง
ผมคิดว่าวันนี้รัฐบาลต้องใส่ใจเรื่องนี้ให้มาก เพราะประสิทธิภาพภาครัฐอยู่ในอำนาจการบริหารจัดการของรัฐบาล ถ้าแก้ช้าประเทศเราจะถอยหลังรุนแรง วางโจทย์การเมืองไว้สักพัก แล้วหันมาแก้โจทย์เศรษฐกิจอย่างจริงจังสักที
ประเทศไทยยังมีศักยภาพและโอกาส แต่เราต้องกล้าก้าวข้ามวิธีคิดแบบเดิม ๆ และลงมือปฏิรูป ในเวลาที่ "รอไม่ได้อีกต่อไป"
#เพื่อไม่พลาดข่าวสารดีๆ อย่าลืมกดติดตามพวกเรา TOJO NEWS