โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ต่างประเทศ

เปิดโปง "โครงสร้างอาชญากรรมข้ามชาติ" 53 ค่ายต้มตุ๋นในกัมพูชา

ฐานเศรษฐกิจ

อัพเดต 26 มิ.ย. เวลา 07.17 น. • เผยแพร่ 26 มิ.ย. เวลา 20.50 น.

"องค์กรแอมเนสตี้" เปิดเผยผลการศึกษาสะเทือนขวัญเมื่อวันที่ 26 มิถุนายน 2568 พบโครงสร้างอาชญากรรมระหว่างประเทศใช้กัมพูชาเป็นฐานผลิตนักต้มตุ๋นออนไลน์ระดับโลก บีบบังคับแรงงานหลายพันคนจากทั่วโลกในสภาพเป็นทาส โดยบทความนี้เรียบเรียงจากรายงาน "I Was Someone Else's Property: Slavery, Human Trafficking and Torture in Cambodia's Scamming Compounds" ขององค์กรแอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนล ที่เผยแพร่ในเดือนมิถุนายน 2568

โดยรายงานเล่าถึงการเดินทางของ "ลิซ่า" วัย 18 ปีจากบ้านแม่ในประเทศไทยเพื่อหางานทำในช่วงปิดเทอม กลับกลายเป็นฝันร้ายที่ยืดเยื้อนาน 11 เดือน เมื่อเธอถูกขบวนการค้ามนุษย์ลักลอบขนส่งข้ามแม่น้ำเข้าสู่อาณาจักรกัมพูชา และถูกขายต่อระหว่างสถานประกอบการต้มตุ๋นออนไลน์ถึง 7 แห่ง ก่อนจะได้รับการช่วยเหลือในต้นปี 2025

เรื่องราวของลิซ่าเป็นเพียงหยดน้ำหนึ่งในทะเลอันกว้างใหญ่ของวิกฤตด้านสิทธิมนุษยชนที่เกิดขึ้นในอาณาจักรกัมพูชา โดยองค์กรแอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนล ได้เปิดเผยรายงานระทึกขวัญเมื่อเร็วๆ นี้ ชี้ให้เห็นถึงการดำเนินการอย่างเป็นระบบของเครือข่ายอาชญากรรมข้ามชาติที่ใช้กัมพูชาเป็นศูนย์กลางในการผลิตนักต้มตุ๋นออนไลน์ขนาดใหญ่

สถิติ 53 ค่ายต้มตุ๋นแห่งอาชญากรรม

ผลการวิจัยเชิงลึกที่ดำเนินการระหว่างเดือนกันยายน 2566 ถึงพฤษภาคม 2568 เผยภาพชัดเจนของวิกฤตที่มีขนาดใหญ่กว่าที่สาธารณะรับรู้มาก แอมเนสตี้ได้ระบุตำแหน่งของ "ค่ายต้มตุ๋น" ที่ยืนยันได้อย่างน้อย 53 แห่งกระจายอยู่ในกัมพูชา พร้อมทั้งสถานที่ต้องสงสัยอีก 45 แห่งที่มีลักษณะการรักษาความปลอดภัยคล้ายกัน

ตัวเลขเหล่านี้สื่อถึงอุตสาหกรรมผิดกฎหมายที่มีการจัดองค์กรอย่างเป็นระบบ โดยมีการปรับปรุงโครงสร้างที่เคยเป็นคาสิโนและโรงแรมในยุคที่การพนันออนไลน์ยังถูกกฎหมายให้กลายเป็น "คุกสมัยใหม่" ที่ออกแบบมาเฉพาะเพื่อกักขังและบีบบังคับแรงงาน

การศึกษานี้ครอบคลุม 16 เมืองและจังหวัดทั่วกัมพูชา โดยเน้นหนักในพื้นที่ชายแดนและเขตเศรษฐกิจพิเศษที่การกำกับดูแลจากรัฐบาลอ่อนแอ สถานที่เหล่านี้ถูกสร้างขึ้นด้วยระบบรักษาความปลอดภัยแบบ "วงกลมศูนย์กลาง" คล้ายเรือนจำ ประกอบด้วยกำแพงสูงมีลวดหนาม กล้องวงจรปิดหันเข้าในอาคาร ยามรักษาความปลอดภัยติดอาวุธ และหอคอยยาม

เสียงร้องจากภายในนรก 58 เรื่องเล่าแห่งความทรมาน

ในการเก็บข้อมูลครั้งนี้ แอมเนสตี้ได้สัมภาษณ์ผู้รอดชีวิต 58 คน จาก 7 สัญชาติ ซึ่งถูกกักขังใน 31 ค่ายต้มตุ๋นที่แตกต่างกัน การเล่าเรื่องของพวกเขาเผยให้เห็นภาพสะเทือนใจของการละเมิดสิทธิมนุษยชนที่เกิดขึ้นอย่างเป็นระบบ

การค้ามนุษย์: เหยื่อเกือบทั้งหมดถูกหลอกด้วยข้อเสนองานทำที่ดูน่าสนใจ โดยมีการเสนอเงินเดือนสูงและสภาพการทำงานที่ดี ก่อนจะถูกลักลอบขนส่งผ่านเส้นทางผิดกฎหมาย ข้ามชายแดนด้วยการเดินเท้าผ่านป่า ข้ามแม่น้ำ หรือใช้เส้นทางลับในเวลากลางคืน

แรงงานบังคับ: เหยื่อถูกบังคับให้ทำงานต้มตุ๋นออนไลน์มากกว่า 12-16 ชั่วโมงต่อวัน โดยไม่ได้รับค่าจ้าง หรือได้รับค่าจ้างที่ต่ำกว่าที่สัญญา พร้อมการถูกปรับเงินตามอำเภอใจเมื่อไม่บรรลุเป้าหมาย

การทรมาน: ผู้รอดชีวิต 45 คนรายงานว่าพวกเขาถูกทรมานหรือเป็นสาครบุคคลในการทรมาน รูปแบบการทรมานรวมถึงการใช้กระบองไฟฟ้า การขังโดดเดี่ยวใน "ห้องมืด" การผูกมัดด้วยกุญแจมือ และการทำร้ายร่างกายด้วยอุปกรณ์ต่างๆ

การกักขัง: เหยื่อทุกคนถูกกักขังโดยผิดกฎหมาย โดยไม่สามารถออกจากบริเวณค่ายได้ มีการควบคุมการเคลื่อนไหวอย่างเข้มงวด และถูกข่มขู่ด้วยความรุนแรงหากพยายามหลบหนี

ภาวะเป็นทาส: เหยื่อ 32 คนรายงานว่าถูก "ขาย" เข้าสู่ค่าย หรือถูกขายระหว่างค่าย หรือถูกข่มขู่ว่าจะถูกขาย การควบคุมที่สมบูรณ์ของผู้บริหารค่ายต่อผู้รอดชีวิตแสดงให้เห็นถึงการใช้อำนาจแบบเจ้าของทรัพย์สิน

เครือข่ายอาชญากรรมข้ามชาติ จากจีนสู่เอเชียตะวันออกเฉียงใต้

การศึกษาเผยให้เห็นเส้นทางการค้ามนุษย์ที่ซับซ้อน โดยเฉพาะเส้นทางหลัก 2 สาย

1.เส้นทางจีน-กัมพูชา เหยื่อชาวจีนถูกขนส่งผ่านมณฑลยูนนานหรือกวางซี เข้าสู่เวียดนาม แล้วจึงเข้าสู่กัมพูชา การเดินทางมักใช้เรือเล็กข้ามแม่น้ำ หรือปีนป่ายผ่านรั้วลวดหนามในพื้นที่ชายแดน

2.เส้นทางไทย-กัมพูชา เหยื่อชาวไทยส่วนใหญ่ถูกขนส่งผ่านจุดผ่านแดนอรัญประเทศ-ปอยเปต โดยการเดินเท้าข้ามป่าหรือลำธารในเวลากลางคืน
การดำเนินการเหล่านี้แสดงให้เห็นถึงความร่วมมือระหว่างกลุ่มอาชญากรรมข้ามชาติที่มีโครงสร้างการจัดองค์กรที่แน่นหนา รวมถึงมีเครือข่ายการคมนาคมและการสื่อสารที่ทันสมัย

ความล้มเหลวของรัฐ เมื่อการช่วยเหลือกลายเป็นการมีส่วนร่วม

สิ่งที่น่าตกใจไม่แพ้กันคือการตอบสนองของรัฐบาลกัมพูชาต่อวิกฤตครั้งนี้ จากการวิเคราะห์ของแอมเนสตี้ พบว่า

  • 20 ค่าย ถูกเจ้าหน้าที่รัฐเข้าไปดำเนินการแล้ว แต่ยังคงมีการละเมิดสิทธิมนุษยชนเกิดขึ้นต่อไป
  • 18 ค่าย ดูเหมือนจะไม่เคยถูกสืบสวนโดยรัฐบาล
  • 13 ค่าย มีการดำเนินการบ้าง แต่ไม่สามารถระบุได้ว่าการละเมิดสิทธิยังคงเกิดขึ้นหรือไม่
  • เพียง 2 ค่าย เท่านั้นที่ถูกปิดลงหลังจากการแทรกแซงของรัฐ

ที่น่าสะพรึงกลัวยิ่งกว่าคือหลักฐานที่ชี้ว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจและเจ้าหน้าที่รัฐบางคนอาจมีส่วนเกี่ยวข้องกับการดำเนินงานเหล่านี้ การ "ช่วยเหลือ" มักจะได้รับการประสานงานจากผู้บริหารค่าย โดยตำรวจจะรอรับเหยื่อที่ประตูค่ายแทนที่จะเข้าไปตรวจสอบด้านใน

ตัวอย่างของ "ลิซ่า" แสดงให้เห็นถึงความล้มเหลวนี้อย่างชัดเจน ค่ายที่เธอถูกทรมานในต้นปี 2025 ได้รับการรายงานจากสื่อระหว่างประเทศและมีการบุกค้นโดยตำรวจกัมพูชาแล้วในปี 2024 แต่การดำเนินงานผิดกฎหมายยังคงดำเนินต่อไป

ผลกระทบต่อเศรษฐกิจโลก เมื่อเทคโนโลยีกลายเป็นอาวุธ

วิกฤตในกัมพูชาไม่ได้ส่งผลกระทบเฉพาะในระดับท้องถิ่นเท่านั้น แต่กระทบต่อเศรษฐกิจดิจิทัลโลก การต้มตุ๋นออนไลน์ที่ผลิตจากค่ายเหล่านี้ส่งผลให้ผู้บริโภคทั่วโลกสูญเสียเงินหลายพันล้านดอลลาร์สหรัฐต่อปี

รูปแบบการต้มตุ๋นที่พบบ่อยที่สุดคือ "Pig Butchering" หรือการต้มตุ๋นแบบ "เลี้ยงหมู" ที่นักต้มตุ๋นจะสร้างความสัมพันธ์กับเหยื่อผ่านแอปพลิเคชันหาคู่หรือโซเชียลมีเดีย ก่อนจะชักจูงให้ลงทุนในแพลตฟอร์มปลอม การต้มตุ๋นรูปแบบนี้ต้องใช้ทักษะทางภาษาและความเข้าใจวัฒนธรรมที่ลึกซึ้ง ทำให้เหยื่อจากค่ายต้มตุ๋นที่ได้รับการฝึกฝนเป็นทรัพยากรที่มีค่ามากสำหรับกลุ่มอาชญากร

เด็กในนรก เมื่อวัยเยาว์กลายเป็นเป้าหมาย

หนึ่งในด้านที่สะเทือนใจที่สุดของรายงานนี้คือการพบเด็ก 9 คนในค่ายต้มตุ๋น เด็กอายุน้อยสุดเพียง 14 ปี พวกเขาถูกหลอกด้วยคำสัญญาเรื่องงานที่มีรายได้ดี ก่อนจะถูกลักลอบขนส่งไปยังกัมพูชาและถูกบังคับให้ทำงาน

เด็กเหล่านี้ไม่เพียงแต่ถูกเอาเปรียบในด้านแรงงาน แต่ยังต้องเผชิญกับการทรมานทางจิตใจเมื่อถูกบังคับให้ดูวิดีโอการทรมานผู้อื่น และถูกขู่ว่าจะถูกทำร้ายหากครอบครัวไม่ส่งเงินไถ่

บทบาทเอกชนและเทคโนโลยี

รายงานเผยให้เห็นถึงการใช้บริษัทรักษาความปลอดภัยเอกชนในการควบคุมเหยื่อ ยามรักษาความปลอดภัยเหล่านี้ไม่ได้มีหน้าที่เพียงแค่ปกป้องทรัพย์สิน แต่ยังเป็นเครื่องมือสำคัญในการกักขังและทรมานเหยื่อ

สิ่งที่น่ากังวลยิ่งคือการใช้กระบองไฟฟ้าอย่างแพร่หลาย ใน 19 ค่ายจาก 53 ค่าย มีการรายงานการใช้หรือการครอบครองกระบองไฟฟ้า อุปกรณ์เหล่านี้ถูกนำเข้ามาจากประเทศอื่นและไม่ได้รับการควบคุมจากรัฐบาลกัมพูชา

ผลกระทบระหว่างประเทศ การตอบสนองของประชาคมโลก

วิกฤตในกัมพูชาได้รับความสนใจจากประชาคมระหว่างประเทศ รัฐบาลสหราชอาณาจักรได้ออกมาตรการคว่ำบาตรต่อบริษัทที่เกี่ยวข้องกับการค้ามนุษย์และแรงงานบังคับ ในขณะที่รัฐบาลสหรัฐอเมริกาได้จัดอันดับกัมพูชาในระดับต่ำสุดในรายงานการค้ามนุษย์ประจำปี

สำหรับประเทศไทย ปัญหานี้กระทบโดยตรงเนื่องจากพลเมืองไทยจำนวนมากถูกหลอกไปยังกัมพูชา รัฐบาลไทยได้เพิ่มมาตรการเตือนประชาชนและเสริมการรักษาความปลอดภัยชายแดน แต่ยังคงมีคนไทยตกเป็นเหยื่อต่อไป

แนวทางแก้ไข ข้อเสนอแนะจากแอมเนสตี้

สำหรับรัฐบาลกัมพูชา:

  • ดำเนินการสืบสวนและปิดค่ายต้มตุ๋นทั้งหมดอย่างเร่งด่วน
  • ขจัดการคอร์รัปชันในภาคราชการ
  • ปรับปรุงระบบการระบุและช่วยเหลือเหยื่อการค้ามนุษย์
  • ห้ามการผลิตและใช้กระบองไฟฟ้า

สำหรับประเทศต้นทาง

  • เสริมสร้างกรอบกฎหมายต่อต้านการค้ามนุษย์
  • เพิ่มทรัพยากรให้สถานทูตในการช่วยเหลือพลเมือง
  • ปรับปรุงการควบคุมการจัดหางาน

สำหรับประชาคมระหว่างประเทศ

  • ใช้มาตรการกดดันทางการทูตและเศรษฐกิจ
  • ดำเนินคดีกับผู้ต้องสงสัยในข้อหาอาชญากรรมต่อมานุษยชาติ
  • เสริมสร้างการแบ่งปันข้อมูลระหว่างประเทศ

บทส่งท้าย ความหวังในม่านมืด

เรื่องราวของ "ลิซ่า" และผู้รอดชีวิตอีกหลายสิบคนใน 53 ค่ายต้มตุ๋นแห่งกัมพูชาเป็นเสียงเรียกร้องที่แข็งแกร่งให้ประชาคมโลกตื่นตัวและดำเนินการ

วิกฤตครั้งนี้ไม่ได้เป็นเพียงปัญหาของกัมพูชาเพียงประเทศเดียว แต่เป็นปัญหาของระบบโลกาภิวัตน์ที่อนุญาตให้อาชญากรรมข้ามชาติเติบโตได้อย่างไม่มีขอบเขต การตอบสนองที่มีประสิทธิภาพต้องอาศัยความร่วมมือระหว่างทุกภาคส่วน ตั้งแต่รัฐบาล บริษัทเทคโนโลยี ไปจนถึงองค์กรภาคประชาสังคม

ขณะที่ลิซ่าและผู้รอดชีวิตคนอื่นๆ ยังคงต้องต่อสู้กับบาดแผลทางจิตใจจากประสบการณ์ที่เกิดขึ้น เรื่องราวของพวกเขาได้กลายเป็นแสงสว่างแสงหนึ่งที่ส่องทางให้โลกเห็นความมืดมนที่ซ่อนอยู่ในห้วงลึกของเศรษฐกิจดิจิทัลโลก

การดำเนินการเพื่อขจัดค่ายต้มตุ๋นเหล่านี้ไม่เพียงแต่เป็นการปกป้องสิทธิมนุษยชนเท่านั้น แต่ยังเป็นการปกป้องความซื่อสัตย์และความไว้วางใจในระบบเศรษฐกิจดิจิทัลที่เราทุกคนพึ่งพาอาศัยในชีวิตประจำวัน

ที่มา - Amnesty

ดูข่าวต้นฉบับ
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...