“รูบิโอ” เผย จนท.สหรัฐถึงมาเลเซียแล้ว หวังไกล่เกลี่ยไทย-กัมพูชา
นายมาร์โก รูบิโอ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐอเมริกา เปิดเผยว่า เจ้าหน้าที่ของกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ ได้เดินทางไปยังประเทศมาเลเซีย เพื่อให้ความช่วยเหลือในกระบวนการเจรจาสันติภาพ ระหว่างรัฐบาลกัมพูชาและไทยซึ่งมีกำหนดเริ่มต้นในวันจันทร์นี้ โดยทั้งสองประเทศต่างหวังที่จะบรรลุข้อตกลงหยุดยิง
ในแถลงการณ์อย่างเป็นทางการซึ่งเผยแพร่โดยกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ เมื่อค่ำวันอาทิตย์ตามเวลาในสหรัฐฯ และเช้าวันจันทร์ตามเวลาในเอเชีย นายรูบิโอระบุว่า ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ และตนเอง ได้มีการหารือกับผู้นำของทั้งสองประเทศอย่างใกล้ชิด และกำลังติดตามสถานการณ์อย่างต่อเนื่อง
“เราต้องการเห็นความขัดแย้งนี้ยุติโดยเร็วที่สุด” นายรูบิโอกล่าว “เจ้าหน้าที่ของกระทรวงการต่างประเทศได้ปฏิบัติภารกิจภาคสนามอยู่ในมาเลเซีย เพื่อสนับสนุนกระบวนการเจรจาสันติภาพ”
ความสำคัญของการเจรจา
รัฐบาลไทยประกาศว่า นายภูมิธรรม เวชยชัย รักษาการนายกรัฐมนตรี จะเป็นหัวหน้าคณะผู้แทนไทยในการเจรจาครั้งนี้ ซึ่งจะมีขึ้นในเวลา 15.00 น. ตามเวลาท้องถิ่นของมาเลเซีย (07.00 น. GMT) โดยมีผู้นำของทั้งสองประเทศเข้าร่วมการประชุม เพื่อไกล่เกลี่ยข้อพิพาทบริเวณชายแดนที่ทวีความรุนแรงและคร่าชีวิตประชาชนในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา
ทั้งไทยและกัมพูชาต่างกล่าวหากันและกันว่าเป็นฝ่ายเริ่มต้นการโจมตี โดยกระทรวงกลาโหมของกัมพูชาระบุว่า เมื่อเช้าวันอาทิตย์ กองกำลังไทยได้ยิงปืนใหญ่และเคลื่อนกำลังเข้าสู่พื้นที่แนวชายแดนหลายจุด รวมถึงบริเวณใกล้แหล่งโบราณสถานสำคัญ ขณะที่โฆษกกระทรวงระบุว่ามีการใช้กระสุนปืนใหญ่ยิงใส่บริเวณวัดเก่าแก่
ในขณะเดียวกัน กองทัพไทยรายงานว่า กองกำลังกัมพูชาได้ยิงปืนเข้ามาหลายพื้นที่ รวมถึงบริเวณใกล้บ้านเรือนของประชาชน และยังมีการเตรียมพร้อมอาวุธปล่อยจรวดระยะไกลอีกด้วย
“สถานการณ์ยังคงตึงเครียด และมีกระแสข่าวว่ากองทัพกัมพูชาอาจเตรียมปฏิบัติการทางทหารในระดับที่รุนแรงยิ่งขึ้น เพื่อสร้างความเสียหายสูงสุดก่อนเข้าสู่โต๊ะเจรจา” กองทัพไทยระบุในรายงานสถานการณ์
ความเสียหายและผลกระทบ
ผู้สื่อข่าวรอยเตอร์รายงานจากจังหวัดศรีสะเกษว่า ได้ยินเสียงปืนใหญ่ตลอดทั้งวันอาทิตย์ นอกจากนี้ หน่วยแพทย์ของไทยที่อยู่ห่างจากชายแดนประมาณ 10 กิโลเมตร ได้รับความเสียหายอย่างหนักจากแรงระเบิดที่เกิดขึ้นเมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา หลังจากที่มีการอพยพประชาชนออกจากพื้นที่แล้วสองวันก่อนหน้า อาคารได้รับความเสียหายถึงขั้นผนังพังถล่ม หน้าต่างแตก และสายไฟโผล่ออกมาอย่างอันตราย
ปัจจุบันยังมีชายไทยจำนวนหนึ่งไม่ยอมอพยพออกจากพื้นที่ เนื่องจากคอยเฝ้าระวังสัตว์เลี้ยงและทรัพย์สิน พวกเขาได้ตั้งแคมป์อยู่ใกล้กับบังเกอร์ชั่วคราวที่ขุดขึ้นเพื่อหลบภัย ขณะเสียงปืนยังคงดังเป็นระยะในระยะไกล