ยังไม่จบ ‘ดร.ณัฏฐ์’ ชี้มหากาพย์เพิกถอนที่ดินเขากระโดง เป็นเพียงจุดเริ่มต้น
“ดร.ณัฏฐ์” ชี้ชัดมหากาพย์เพิกถอนที่ดินเขากระโดง เป็นเพียงจุดเริ่มต้น ยังไม่จบ อำนาจเพิกถอน เป็นของ”อธิบดีกรมที่ดิน” ย้อน ”ศุภชัย“ เป็นทนายไม่ยึดหลักกฎหมาย
2 สิงหาคม 2568 สืบเนื่องจากนาย ภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.มหาดไทย รักษา ราช การนายก ฯ พร้อมด้วยนายเดชอิศม์ ขาว ทอง รมช. มหาดไทย แถลงความคืบหน้าการตรวจสอบคำสั่งอธิบดีกรมที่ดิน กรณีไม่เพิกถอนโฉนดที่ดินบริเวณเขากระโดง ต.อิสาณ และ ต.เสม็ด อ.เมืองบุรีรัมย์ จ.บุรีรัมย์ โดยมีนายอรรษิษฐ์ สัมพันธรัตน์ ปลัดกระทรวงมหาดไทย นายเชษฐา โมสิกรัตน์ รองปลัดกระทรวงมหาดไทย ฐานะประธานคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริง นายมานะ สิมมา ที่ปรึกษาด้านกฎหมายสำนักปลัดกระทรวงมหาดไทย นายวีริศ อัมระปาล ผู้ว่าการการรถไฟแห่งประเทศไทย นายไกรศรี สว่างศรี ผู้อำนวยการส่วนแผนที่และเทคโนโลยีภูมิสารสนเทศ กรมสอบสวนคดีพิเศษหรือดีเอสไอ ร่วมกันแถลงข่าว ผลสรุปว่าคณะกรรมการชุดนั้น ตามมาตรา 61 วรรคสอง ไม่ได้กระทำตามกระบวนการที่ครบถ้วน ฉะนั้นคำสั่งของอธิบดีกรมที่ดินไม่ชอบด้วยกฎหมาย ตนจึงหาข้อเท็จจริงเพิ่มเติมว่า ระหว่างกรมที่ดินและการรถไฟ มีการสอบเขตแล้วหรือไม่ ผลปรากฏว่าใน ปี 2567 กรมที่ดินและการรถไฟแห่งประเทศไทย ได้ร่วมกันสอบแนวเขตมาชัดเจนแล้ว วันนี้สรุปได้ว่า อธิบดีกรมที่ดินมีอำนาจเพิกถอนโฉนดเขากระโดงตามประมวลกฎหมายที่ดินมาตรา 61 วรรคแปด ได้เลย นั้น
ล่าสุด “ดร.ณัฏฐ์” หรือ “ดร.ณัฐวุฒิ วงศ์เนียม นักกฎหมายมหาชน ได้ให้ความเห็นเพื่อประโยชน์สาธารณะว่า มหากาพย์ปมเพิกถอนที่ดินเขากระโดง ที่นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรมว.กระทรวงมหาดไทยแถลงชัดถึง กระบวนการตรวจสอบและพบความไม่ชอบมาพากล นำไปสู่มติเพิกถอนเอกสารสิทธิ์ที่ดินของกระโดง 800 กว่าแปลง เหลือแต่เพียงที่ดินชายขอบที่จะต้องขอตรวจสอบก่อน
เชื่อว่า ประชาชนคนส่วนใหญ่ของประเทศ ชื่นชมการทำหน้าที่อย่างกล้าหาญของนายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรมว.กระทรวงมหาดไทย ที่จัดการปัญหาโดยยึดความถูกต้อง ถูกหลักนิติรัฐ
จะตอบสังคมได้ว่า “คำสั่งทางปกครองไม่อาจหักคำพิพากษาศาลฎีกาได้”
เป็นบรรทัดฐานที่ถูกต้องและชอบธรรม ส่วนกระบวนการออกเอกสารสิทธิ์ไม่ชอบของกรมที่ดินเป็นการกระทำละเมิดของเจ้าหน้าที่ ตาม พรบ.ความรับผิดละเมิดของเจ้าหน้าที่ พ.ศ.2539 มาตรา 5 หากเอกชนรายใดได้รับความเสียหายย่อมใช้สิทธิฟ้องหน่วยงานรัฐ จะฟ้องเจ้าหน้าที่รัฐในกระบวนการออกโฉนดที่ดินไม่ได้
ส่วนประเด็นว่า ใครมีอำนาจหน้าที่ในการเพิกถอนเอกสารสิทธิ์ ไม่ว่าจะเป้นโฉนดทีดินหรือ นส.3 บริเวณที่ดินเขากระโดงโดนขีดฆ่า เพิกถอน ทำให้ที่ดินกลับเป็นของรัฐ
ตามประมวลกฎหมายที่ดิน กำหนดตัวบุคคล เฉพาะ “อธิบดีกรมที่ดิน” หรือรองอธิบดีกรมที่ดินที่รักษาราชการแทนก็ได้ เพราะนายพรพจน์ เพ็ญพาส อธิบดีกรมที่ดิน รู้สึกอับอายประชาชนโดยอ้างว่าตนเองเป็นผู้มีส่วนได้เสียโดยตรงและขอย้ายตัวเอง เป็นเรื่องส่วนตัวของนายพรพจน์ฯ
โดยตั้งเรื่องไว้แล้ว รออธิบดีกรมที่ดินคนใหม่ที่ รมว.มหาดไทย เสนอรานยชื่อเข้า ครม.ในสัปดาห์หน้าก็ได้
เหตุที่เป็นเช่นนี้ เพราะป.ที่ดิน กำหนดให้อำนาจหน้าที่ในการเพิกถอนเอกสารสิทธิ์ที่ออกโดยไม่ชอบ เป็นอำนาจเฉพาะ อธิบดีกรมทีดิน บุคคลอื่นไม่มีอำนาจ
ส่วนประเด็นที่คณะกรรมการที่ นายภูมิธรรมฯ ตั้งขึ้นเพื่อตรวจสอบคำสั่งของนายพรพจน์ฯและพบการกระทำโดยไม่ชอบด้วยกฎหมายและออกคำสั่งทางปกครองใหม่ให้เพิกถอน มีผลเท่ากับหน่วยงานในองค์กรเพิกถอนคำสั่งทางปกครองเดิม มิใช่เป็นการเพิกถอนโดยองค์กรตุลาการ ย่อมมีผลเป็นการยกเลิกเพิกถอนคำสั่งทางปกครองที่มีคำสั่งยุติไปในตัว ทำให้คำสั่งทางปกครองเดิมสิ้นผลไป
กระบวนการนับจากนี้แบ่งเป็น 2 ส่วน
กระบวนการแรก อธิบดีกรมที่ดิน มีหน้าที่ในการเพิกถอนเอกสารสิทธิ์ 800 กว่าแปลงให้กลับมาเป็นของรัฐ โดยวิธีการขีดฆ่าในเอกสารสิทธิ์ อันเป็นการเพิกถอนโฉนดทีดิน ไม่จำต้องเรียกคู่ฉบับคืน
การรถไฟฯ เจ้าของที่ดิน สามารถใช้สิทธิเข้าไปรื้อถอนสิ่งปลูกสร้างได้ทันที ส่วนเอกชนรายใดประสงค์จะขอเช่าที่ดินกับการรถไฟฯ เป็นดุลพินิจเด็ดขาดของรถไฟฯ ว่าจะให้เช่าหรือไม่ เพราะเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์สำหรับในการจัดทำบริการสาธารณะที่พลเมืองใช้ร่วมกัน
ส่วนที่ดินชายขอบ จะต้องไปตรวจสอบรังวัดแนวเขตให้ชัดแจ้งว่า ชายขอบแนวเขตแปลงที่ดินที่พบปัญหาจะใช้วิธีการอย่างไร หากพบว่า เป็นที่ดินของรัฐ อธิบดีกรมที่ดินสามารถใช้ช่องทางเพิกถอนได้ทันทีไม่ต้องไปฟ้องศาล เพราะขอบเขตเป็นไปตามคำพิพากษาของศาลฎีกา
ส่วนกระบวนการที่สอง ภาคเอกชนรายใด ที่ได้รับความเสียหายหรือได้รับความเดือดร้อน กรณีที่กรมที่ดินออกเอกสารสิทธิ์โดยมิชอบ ต้องไปว่ากล่าวในฟ้องเรียกค่าเสียหายในคดีละเมิดตาม พรบ.ว่าด้วยความรับผิดละเมิดของเจ้าหน้าที่ พ.ศ.2539
เพราะผลการเพิกถอนของอธิบดีกรมทีดิน ทำให้เอกชนไม่มีสิทธิ์อยู่ในที่ดินและโฉนดทีดินหรือ นส.3 ก.มีผลเป็นกระดาษเปล่าไม่มีราคาทันที เอกชนรายใดนำที่ดินไปทำนิติกรรมจำนอง,ขายฝากหรือก่อภาระติดพันใดๆต่ออสังหาริมทรัพย์ โดยเจ้าหนี้หรือธนาคาร จะยึดเป็นหลักทรัพย์ไม่ได้อีกต่อไป ส่วนไปดำเนินการธุรกรรมใดๆก่อนที่เพิกถอน เป็นความรับผิดต่อส่วนตัวของเอกชนรายนั้น
ช่องทางอาจยื่นฟ้องศาลปกครองกลาง ตาม มาตรา 9(3) แห่งพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลปกครองและวิธีพิจารณาคดีปกครอง พ.ศ.2539
การออกคำสั่งเพิกถอนเอกสารสิทธิ์ของอธิบดีกรมที่ดิน เป็นการใช้อำนาจตาม ป.ที่ดิน ถือว่า เป็นการออกคำสั่งทางปกครอง ตาม มาตรา 5 พรบ.วิธีปฏิบัติราชการทางปกครอง พ.ศ.2539
หากใช้ช่องทางนี้ จะฟ้องศาลปกครองทันทีไม่ได้ ต้องไปใช้สิทธิ์อุทธรณ์คำสั่ง ก่อนถึงจะไปยื่นฟ้องศาลปกครองได้ แต่โอกาสชนะไม่มีเพราะกระบวนการเพิกถอนของอธิบดีกรมที่ดินเป็นการปฏิบัติตามคำพิพากษาศาลฎีกา
ส่วนที่ถามว่า นายศุภชัย ใจสมุทร ฝ่ายกฎหมายของพรรคภูมิใจไทย ออกมาโพสต์โต้ตอบทางการเมือง ภายหลังจากแถลงผลสรุปที่ดินเขากระโดง ในเชิงประชด ประชัน การตั้งกรรมการฝ่ายตรงกันและอาวุโสน้อยกว่าอธิบดีกรมทีดินขึ้นมาตรวจสอบ ลักษณะ ด้อยค่ากระทรวงมหาดไทย โดยเล่นใหญ่ ออกตัวแรง ปกป้อง นายพรพจน์ฯอธิบดีกรมที่ดินนั้น
ดร.ณัฏฐ์ กล่าวว่า ไม่แน่ใจว่า นายศุภชัยฯ คนของภูมิใจไทย เป็น “ทนายหน้าหอ”หรือไม่ ทำเหมือนรู้กฎหมาย แต่ความจริง ให้ประชาชนตัดสินใจเอา การเพิกถอนทีดินเขากระโดง เป็นการเอาที่ดินของรัฐกลับคืน ในการจัดทำบริการสาธารณะ ถือเป็นเรื่องสำคัญของประเทศ ไม่เกี่ยวกับการเมือง การรักษาผลประโยชน์ของประเทศชาติ ต้องการใช้อำนาจของนายพรพจน์ฯจะต้องปฏิบัติตามบทบัญญัติของกฎหมายและตามหลักนิติธรรม ตามรัฐธรรมนูญมาตรา 3 วรรคสอง แต่การจงใจปฏิบัติไม่ครบถ้วนตามคำพิพากษาศาลปกครอง คาบเกี่ยวกับการกระทำผิดอาญาหรือไม่ เป็นอำนาจของ ปปช. ตาม พรป.ปปช.ที่จะต้องตรวจสอบ หากมีผู้ร้อง
การใช้อำนาจรัฐ ต้องยึดหลักกฎหมายและพยานหลักฐาน มิใช่ว่าจะโพสต์ลอยๆเชิงตั้งคำถามไปเรื่อย ขาดความน่าเชื่อถือ ไร้ประโยชน์ ถามว่า พี่น้องประชาชนจะได้ประโยชน์อะไร
ตนจะสอนมวยให้ เมื่อรัฐมนตรีเจ้ากระทรวงฯ เมื่อมีความสงสัยในการทำหน้าที่ของอธิบดีกรมที่ดิน ในกรมที่ตนกำกับ ย่อมใช้อำนาจปกครองในตรวจสอบได้
เพราะ รมว.กระทรวงมหาดไทย สถานะทางกฎหมายมหาชน เป็น “หัวหน้าฝ่ายการเมืองระดับกระทรวง” และ “หัวหน้าฝ่ายปกครองระดับกระทรวง”ย่อมมีอำนาจตรวจสอบทบทวน คำสั่งทางปกครองได้เป็นไปตามรัฐธรรมนูญและ กฎหมายที่เกี่ยวข้อง
ส่วนกระบวนการแต่งตั้งโดยมีรองปลัดกระทรวงมหาดไทย เป็นประธานในการสอบข้อเท้จจริงและมีกรรมการหน่วยงานอื่นเข้าร่วมตรวจสอบ ตาม “หลักโปร่งใส” ตรวจสอบได้และตามหลักธรรมาภิบาล กระบวนการแต่งตั้งย่อมชอบด้วยกฎหมาย ไม่มีใครไปกลั่นแกล้งใคร
กรณี นายเดชอิศม์ ขาวทอง (เลขาธิการพรรค ปชป.) รมช.มหาดไทย กำกับดูแลกรมที่ดิน และมานั่งร่วมแถลงข่าวด้วย ยิ่งตอกย้ำถึงการยึดหลักกฎหมาย ยึดหลักความถูกต้องที่จะยึดหลักนิติรัฐ เป็นไปตามคำพิพากษาศาลสุงสุดของประเทศในระบบกระบวนการยุติธรรม มิใช่ว่า เป็นการนำคำสั่งทางปกครองของนายพรพจน์ฯมาหักคำพิพากษาศาลฎีกา แล้วประเทศจะอยู่กันได้อย่างไร ไม่มีพรรคการเมืองใดได้คะแนนนิยมเพิ่ม มีแต่ผลประโยชน์ตกแก่ประชาชนที่สามารถใช้ประโยชน์ร่วมกันในที่ดินของรัฐ ตนขอชื่นชมในความกล้าหาญทำเพื่อแผ่นดิน เป็นความหวังของประชาชนที่แท้จริง.